เสี่ยวเชี่ยนคิดเอาไว้ ถ้าอาจารย์ถามเธอ เธอก็จะทำหน้าซีเรียสบอกกับอาจารย์ไปว่า การรักษาครั้งนี้สร้างความสะเทือนใจให้กับเธอ เธอรู้สึกสงสารครอบครัวที่ยากจน จึงจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อปรับสภาพจิตใจก็เลยพลาดไม่ได้เจอกับศาสตราจารย์ชี…อาจารย์ต้องลงโทษเธอไม่ลงแน่
เสี่ยวเชี่ยนดันแว่นตาพลางยิ้มอย่างจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
ศาสตราจารย์ชีเห็นท่าทางของเธอหมด รู้สึกขำในใจ
“เฉินเสี่ยวเชี่ยน”
“คะ?”
“จากผลงานคุณในวันนี้ คุณผ่านแล้ว”
ประสาท เสี่ยวเชี่ยนเหล่มองเขา ตาคนนี้พูดจาเพ้อเจ้ออะไรอีก?
ช่างเถอะ ไม่เข้าใจก็ไปดีกว่า จะได้ไม่ต้องเจอศาสตราจารย์อะไรนั่น
เสี่ยวเชี่ยนไปหาร้านนวดด้านนอกเพื่อผ่อนคลาย รอจนสุดท้ายเธอตัดสินใจเปิดเครื่องก็มีข้อความเข้ามาไม่หยุด ล้วนเป็นข้อความที่ต้าอีส่งมา มีหนึ่งข้อความเป็นของศาสตราจารย์หลิว
เสี่ยวเชี่ยนเปิดอ่านข้อความของศาสตราจารย์หลิว ข้างในเขียนมาแสดงความชื่นชม ทำได้เยี่ยม ความหวังในอนาคตของวงการ สู้ๆ
เอ๋?
นี่อาจารย์รู้เรื่องที่วันนี้เธอไปทำความดีไวขนาดนี้เลยเหรอ? คงเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลบอกสินะ ดูท่าอาจารย์จะไม่ได้โกรธที่เธอหนีฟังบรรยาย เสี่ยวเชี่ยนโล่งอก หนีไปได้อีกครั้งแล้ว
เธอปล่อยให้ศาสตราจารย์ชีนั่นรอเก้อมาหลายครั้ง แบบนี้ศาสตราจารย์นั่นคงรู้สึกแย่กับเธอสุดๆแล้วล้มเลิกความคิดที่จะเจอเธอไปแล้วมั้ง?
ทางที่ดีขอให้เป็นแบบนั้น
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าตัวเองได้จัดการปัญหาใหญ่แล้ว เธอโทรหาต้าอีอย่างอารมณ์ดี
“ประธานเชี่ยน เธออยู่ไหน ทำไมโทรหาไม่ติดเลย?”
“ฉันอยู่ข้างนอก งานบรรยายจบยัง?”
“อื้อ สนุกมาก แต่ไม่ใช่ศาสตราจารย์ชีนะ เป็นหมอที่เป็นผู้ช่วยของเขา ดูเหมือนจะเป็นลูกศิษย์เขาด้วย เป็นนักวิจัยหลังปริญญาเอก บรรยายได้สุดยอดมาก” ต้าอีจดบันทึกไว้หมดแล้วคิดเอาไว้ว่าจะแบ่งให้ประธานเชี่ยนอ่าน
“ได้ประโยชน์ก็ดี เธอเลิกงานเมื่อไร?”
“เลิกแล้ว เย่ต้าเชียนไม่ได้มาตามเวลานัด ฉันก็เลยกลับได้”
“งั้นมาที่ถนนคนเดิน ไปเดินเล่นกัน”
ไม่กี่นาทีต่อมาต้าอีก็มาถึง ประธานเชี่ยนพาเธอไปร้านหนังสือ พอต้าอีเห็นประธานเชี่ยนเลือกแต่หนังสือเตรียมพร้อมมีบุตรเธอก็อึ้ง
“เธอจะมีลูกเหรอ?”
“ใช่” เสี่ยวเชี่ยนคิดว่าตัวเองจัดการปัญหาเรื่องอาจารย์ที่ปรึกษาปริญญาเอกได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นช่วงเวลาต่อไปก็ควรเป็นเวลามีลูกให้เสี่ยวเฉียงได้ดีใจ
“งั้นเรื่องเรียนของเธอ…”
“ไม่รีบ เป้าหมายชัดเจนแล้ว เดี๋ยวไปกินเนื้อย่างกันไหม?”
ไม่รู้ทำไม พอได้ยินคำว่าเนื้อย่างต้าอีก็รู้สึกสะอิดสะเอียน เธอส่ายหน้า
“ฉันอยากกินจืดๆ”
“ได้ งั้นไปกินมังสวิรัติกัน วันนี้ฉันอารมณ์ดีเดี๋ยวฉันเลี้ยง~”
กินกันแค่สองคนไม่น่าสนุก เสี่ยวเชี่ยนอยากหาเพื่อนไปกินด้วยอีก ปรากฏว่าพอโทรหาใครก็ไม่มีใครอยู่เลยสักคน
หลังเรียนจบสืออวี้ก็กลับบ้าน เธอแพลนจะแต่งงานช่วงปิดเทอมฤดูร้อน พอถึงตอนนั้นประธานเชี่ยนก็ต้องไปร่วมเหมือนกัน
ตอนนี้หลิวเหมยกับฟู่กุ้ยรักกันประหนึ่งจะกลายเป็นคนๆเดียวกันแล้ว อยู่ในช่วงความรักหวานแหวว เรียกยังไงก็ไม่มีทางออกมา เดิมเสี่ยวเชี่ยนจะเรียกฉิวฉิว แต่โทรไปก็ไม่ติด มีเสียงตอบกลับว่าไม่อยู่ในเขตพื้นที่บริการ เสี่ยวเชี่ยนก็ไม่รู้ว่าเขากำลังยุ่งอะไรอยู่
พอถึงร้านอาหารมังสวิรัติเพิ่งจะนั่งลง ยังไม่ทันได้สั่งอะไรไป๋จิ่นก็โทรมาหาเสี่ยวเชี่ยน
“ประธานเชี่ยน มีเรื่องจะคุยด้วย ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าพวกเราจะไปร้องคาราโอเกะกันใช่ไหม?”
“ใช่ แต่ตอนนี้คอฉันมีปัญหา อาจต้องรอ…”
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่รอหรือไม่รอ ประธานเชี่ยน เพื่อนในเน็ตที่เธอแนะนำมาอาจเกิดเรื่องแล้ว”
“อะไรนะ?” เสี่ยวเชี่ยนจริงจังขึ้นมาทันที
เพื่อนในเน็ตที่เธอแนะนำก็คือฉิวฉิวไม่ใช่เหรอ?
“ฉันส่งข้อความหาเขา แต่เขาไม่ตอบ พอฉันโทรไปตามเบอร์ที่เขาให้แต่ก็ปิดเครื่อง”
“พวกเธอแลกเบอร์กันแล้วเหรอ?”
“ใช่ แลกเมื่อสองวันก่อน พวกเรารอที่จะได้เจอหน้ากัน แต่เมื่อวานตอนฉันโทรไป พวกเราคุยกันได้สักพักอยู่ๆสายก็ตัด”
ตอนนั้นไป๋จิ่นคิดว่าที่บ้านเขาเกิดเรื่อง เธอก็เลยไม่ได้โทรไปใหม่ แต่พอตอนเย็นโทรไปอีกก็โทรไม่ติดแล้ว
ไป๋จิ่นเข้าไปทิ้งข้อความในคิวคิว ภาพโปรไฟล์ของคิวคิว ‘ผมคือลูกหนัง[1]’ เป็นสีเทาตลอด
โทรศัพท์ก็โทรไม่ติดอีกเลยตั้งแต่นั้น ไป๋จิ่นรู้สึกไม่ชอบมาพากลถึงได้โทรหาเสี่ยวเชี่ยน
“หรือฉิวฉิวจะกลับบ้านไปกับพ่อเขาแล้ว?” ต้าอีนั่งฟังอยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะคาดเดาออกมา
“เป็นไปไม่ได้ อันที่จริงวันนี้พวกเรานัดเจอกันตอนเช้า เขาจะไปซื้อเสื้อผ้าเป็นเพื่อนฉัน ลูกหนังไม่ใช่คนผิดสัญญา ฉันรู้จักเขาดี” ถึงไป๋จิ่นจะเกลียดผู้ชาย แต่ไม่รู้ทำไม เธอกลับไม่เกลียดเพื่อนในเน็ตที่ชื่อว่า ‘ผมคือลูกหนัง’คนนี้ เธอกับเขาคุยกันถูกคอมาตลอด
“ตอนนี้พวกเราอยู่ร้านอาหารมังสวิรัติ เธอมาที่นี่ เดี๋ยวฉันพาไปบ้านฉิวฉิว”
เสี่ยวเชี่ยนเองก็รู้สึกได้ว่าเรื่องไม่ชอบมาพากล เธอต้องรีบลงมือสืบ
ไป๋จิ่นขี่มอเตอร์ไซค์ไม่กี่นาทีก็มาถึง สีหน้าดูร้อนรน
ถึงเธอจะไม่เคยเจอหน้าเพื่อนคนนี้มาก่อน แต่คุยกันมาตั้งนาน ต่างฝ่ายต่างรู้สึกดีต่อกัน ไป๋จิ่นสังหรณ์ใจว่าฉิวฉิวเกิดเรื่องแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนให้เธอเอามอเตอร์ไซค์จอดไว้ที่ร้านนี้ จากนั้นทั้งสามคนก็นั่งรถประธานเชี่ยนไปที่บ้านฉิวฉิว
พอไปถึงเคาะประตูอยู่นานก็ไม่มีคนมาเปิด
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังระดมความคิดอยู่นั้น ก็มีชายวัยกลางคนขึ้นตึกมา พอเห็นพวกเธอก็มีสีหน้าอึ้งๆ
“พวกคุณมาหาใคร?”
“พวกเรามาหาฉิวฉิวค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนเห็นเขาหน้าคล้ายฉิวฉิว เดาว่าน่าจะเป็นญาติฉิวฉิว
“ฉิวฉิวเหรอ เขาถูกพี่ชายผมพาไปทางใต้แล้ว อีกหนึ่งเดือนพวกคุณค่อยมาหาใหม่ก็แล้วกัน”
ผู้ชายคนนี้เป็นอาของฉิวฉิว เขาถูกพี่ชายสั่งให้มาตรวจดูในบ้านหน่อย ตอนออกไปรีบร้อนมาก ไม่รู้ว่าปิดน้ำปิดไฟดีหรือเปล่า
“ทางใต้?”
เสี่ยวเชี่ยนตะลึง
หรือว่าฉิวฉิวจะถูกพ่อบังคับพาไปที่หน่วยงานที่บอกว่าสามารถรักษาอาการกระบวนการรับรู้เรื่องเพศผิดปกติได้?
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เรื่องก็ยุ่งยากแล้ว จัดการยากแล้วทีนี้
“พวกคุณเป็นเพื่อนเขาน่าจะรู้ว่าเซียวหมีชิวเป็นผู้หญิงใช่ไหม? แต่เขาชอบคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชาย แต่งตัวใส่เสื้อผ้าผู้ชาย ทำตัวห้าว พี่ชายผมกลุ้มใจจะตายอยู่แล้ว ครั้งนี้เลยจะพาเขากลับบ้านไปรักษา”
“กลับไปรักษาที่บ้านหรือส่งไปรักษาที่หน่วยงานคะ?” เสี่ยวเชี่ยนถามต่อ
“เดิมจะส่งไปที่หน่วยงานเฉพาะทาง แต่ทางนั้นเต็มตลอดนัดไม่ได้ พี่ชายผมเลยให้นักบำบัดของเมืองนอกวางแผนการรักษาให้ ซื้ออุปกรณ์มารักษาเองที่บ้าน”
อุปกรณ์?
เสี่ยวเชี่ยนพอได้ยินแบบนั้นก็หวั่นใจ
“พวกคุณไปหานักบำบัดของประเทศไหนคะ?” เสี่ยวเชี่ยนถามอีก
อาของฉิวฉิวพูดชื่อมา เสี่ยวเชี่ยนถึงกับหน้าซีด
แผนกโรคประสาทของประเทศนั้นขึ้นชื่อในวงการมากว่าเชื่อถือไม่ได้ มีแต่วิธีที่คิดเอาเองว่าใช้ได้แต่จริงๆแล้วไม่ได้ผล อย่างเช่นเอาหมอผีมาขับไล่วิญญาณร้ายในร่างกายเพื่อรักษาโรคซึมเศร้า เอาค้อนทุบหัวเพื่อรักษารักร่วมเพศอะไรแบบนี้ เป็นประเทศที่แผนกประสาทล้าหลังมาก แล้วไปหานักบำบัดของประเทศนั้นได้ยังไง?
เสี่ยวเชี่ยนเดาว่าฉิวฉิวไม่ยอมไปแน่นอน พ่อของเขาน่าจะใช้วิธีบีบบังคับ อาจจะพาคนในครอบครัวที่รูปร่างแข็งแรงมาจับตัวฉิวฉิวไป หรือไม่ก็หลอกฉิวฉิวกลับบ้าน
“ประธานเชี่ยน ฉิวฉิวที่พวกเธอพูดถึงหรือว่า…” ดูเหมือนไป๋จิ่นจะเข้าใจอะไรขึ้นมาหน่อย
เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า “เซียวหมีชิวก็คือผมคือลูกหนัง”
“หา?” ไป๋จิ่นช็อคหนัก
เธอนึกไม่ถึงว่าลูกหนังที่เธอคุยถูกคอมาตั้งนานคนนั้นจะเป็นคนเดียวกันกับผู้ชายคนนั้นคนที่เธอไม่ชอบหน้า
อีกทั้ง…เขายังเป็นผู้หญิงด้วย?
[1] ชื่อฉิวฉิวแปลว่าลูกบอล