ข่าวช็อคประเดประดังทำให้ไป๋จิ่นอึ้งไปชั่วขณะ เธอตกใจมาก
อาของฉิวฉิวเห็นไป๋จิ่นเป็นแบบนั้นก็คิดว่าเธอเป็นแฟนของฉิวฉิว จึงระบายความในใจ
“ฉิวฉิวของเรามีอาการทางประสาท ครอบครัวเราหาทางรักษาเขามาตลอด คุณคงไม่ได้ถูกเขาหลอกหรอกนะ? เขาเป็นกึ่งชายกึ่งหญิงแบบนี้ ออกไปหลอกคนข้างนอกพวกเราก็กลุ้มใจ…โอ๊ย”
อาฉิวฉิวเอามือกุมท้อง เสี่ยวเชี่ยนเอากระเป๋าฟาดเข้าไป
“หุบปากไปเลยนะ” ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนทั้งร้อนใจทั้งโมโห เธอพาลไปลงที่อาของฉิวฉิวหมด
“ฉิวฉิวเคยก่อเรื่องคอขาดบาดตายหรือไง? คนอื่นไม่เข้าใจเขา พวกคุณที่เป็นครอบครัวเดียวกันกลับไม่เข้าใจด้วย อาการของเขาไม่ได้เกิดจากการที่พ่อเขาดูถูกที่เขาเกิดเป็นผู้หญิงหรือไง? ตอนนี้มาทำตัวรังเกียจเขา ดูถูกเขา บังคับเอาตัวเขาไป ถ้าฉิวฉิวเป็นอะไรไปพวกคุณก็คือฆาตกร”
รักร่วมเพศกับอาการกระบวนการรับรู้เรื่องเพศผิดปกตินั้นไม่เหมือนกัน แต่จุดที่เหมือนกันก็คือถูกสังคมแบ่งแยก
ถึงรักร่วมเพศบางคนจะติดเชื้อเอดส์จากการเปลี่ยนคู่นอน บางคนหลอกแต่งงาน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเป็นแบบนี้ไปเสียหมดทุกคน
รักร่วมเพศส่วนใหญ่ก็เหมือนกับฉิวฉิว ไม่ได้ทำเรื่องที่เป็นภัยกับคนอื่น ก็แค่พวกเขาชอบไม่เหมือนคนปกติ กลับเป็นเรื่องที่ทำให้พวกเขาไม่มีแม้ที่ยืนในสังคม
“ทำไมพูดจาแบบนี้ล่ะ? พูดอย่างกับว่าพวกเราทำร้ายเขา พวกเราก็ทำเพื่อเขาไม่เห็นหรือไง?” อาของฉิวฉิวทำสีหน้าไม่เข้าใจว่าทำไมถูกเสี่ยวเชี่ยนเอากระเป๋าตี ถ้าไม่ติดว่าเห็นเป็นผู้หญิงเขาลงมือไปแล้ว
“พวกโง่ ทำเพื่อเขาหรือโหดร้ายกับเขากันแน่? นักบำบัดประเทศนั้นที่พวกคุณไปหาสมควรไปตายให้หมดเลยด้วยซ้ำ…พูดไปก็ไม่เข้าใจหรอก บอกฉันมา ฉิวฉิวถูกพาไปที่ไหน?”
“ทำไมผมต้องบอกด้วย?” ตอนนี้อาของฉิวฉิวรู้สึกไม่พอใจเสี่ยวเชี่ยนมาก จึงไม่อยากบอกเธอ
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกยอมไม่ได้ เธอหรี่ตา ทันใดนั้นก็ยื่นมือไปแย่งโทรศัพท์ในมืออาฉิวฉิว
“ทำอะไรน่ะ” อาฉิวฉิวตกใจ ผู้หญิงที่หน้าตาท่าทางดูเรียบร้อย แต่กลับแย่งของจากมือคนอื่น
“บอกฉันมา ฉิวฉิวถูกพาไปเมืองไหน ถ้าไม่พูดล่ะก็…” เสี่ยวเชี่ยนถอยไปที่บันได ยื่นมือที่จับโทรศัพท์ของอาฉิวฉิวออกไปทำท่าเหมือนจะโยน
“อย่าโยนนะ” อาฉิวฉิวตะโกนสุดเสียง
ไอ้นั่นมันแพงนะ
“บอกฉันมา” น้ำเสียงเสี่ยวเชี่ยนโหดกว่าปกติ
อาฉิวฉิวเสียดายโทรศัพท์เลยต้องบอกที่อยู่ให้เสี่ยวเชี่ยนไป พอเสี่ยวเชี่ยนถามเสร็จเธอก็ออกไปทันที นับตั้งแต่ตอนนี้ไปสมองเธอได้ประมวลข้อมูลต่างๆมากมาย
ตอนนี้ฉิวฉิวตกอยู่ในอันตราย เสี่ยวเชี่ยนสังหรณ์ใจว่าถ้าเธอไม่เข้าไปยุ่งฉิวฉิวอาจไม่รอดแน่
“ฉันไปด้วย” ถึงต้าอีจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เห็นเสี่ยวเชี่ยนเป็นแบบนี้ก็รู้สึกได้ว่าคงเป็นเรื่องใหญ่
“ไม่ได้ บ้านเธอมีเด็กอย่าไปเลย”
“ฉันไปกับเธอด้วย” หลังจากที่ไป๋จิ่นได้ฟังเสี่ยวเชี่ยนพูดเรื่องฉิวฉิว เธอก็สับสนมาก
ถึงสติเธอจะยังช็อคเรื่องที่เพื่อนในเน็ตคนนั้นก็คือฉิวฉิวไม่หาย แต่เธอกลับรู้สึกว่าจะทนดูฉิวฉิวตกที่นั่งลำบากโดยไม่ช่วยไม่ได้
“เธอลาหยุดได้ไหม?” เสี่ยวเชี่ยนคิด ไป๋จิ่นจะไปไม่ไปก็ได้ แต่ถ้าไปก็ย่อมดีกว่า
“ได้”
จะลาได้หรือเปล่าไป๋จิ่นไม่รู้ แต่ตอนที่เธอได้ยินว่าฉิวฉิวเกิดเรื่องเธอก็ไม่มีเวลาคิดเยอะแล้ว
อันที่จริงต้าอีไม่อยากนั่งรอฟังข่าวอยู่ที่บ้านเฉยๆ แต่ที่บ้านมีพ่านพ่านต้องดูแลเธอปลีกตัวไปไม่ได้จริงๆ ทำได้แค่มองเสี่ยวเชี่ยนพาไป๋จิ่นไปลุย
ตอนเสี่ยวเชี่ยนกลับมาหลังจากเสร็จเรื่องถึงได้รู้ว่าโชคดีที่ไม่ได้พาต้าอีไป เพราะสุขภาพของต้าอีไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ภารกิจเสี่ยงอันตรายครั้งนี้ถ้าพาต้าอีไปด้วยไม่แน่อวี๋หมิงอี้อาจฆ่าประธานเชี่ยนได้
เสี่ยวเชี่ยนโทรไปจองตั๋วเครื่องบิน แต่ผลที่ได้คือวันนี้ไม่มีเที่ยวบินไปยังเมืองที่ฉิวฉิวอยู่
เร็วที่สุดก็ต้องพรุ่งนี้
ภายในเวลาหนึ่งวันมีเรื่องเกิดขึ้นได้มากมาย ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนไม่อยากรอแม้แต่นาทีเดียว เธอโทรหาพี่ใหญ่ให้ช่วยคิดหาวิธี
ระหว่างนี้เสี่ยวเชี่ยนเรียกหลิวเหมยกลับมา ฟู่กุ้ยที่กำลังเดตอยู่กับหลิวเหมยก็ตามมาด้วย
เสี่ยวเชี่ยนมองสมาชิกในทีม เธอกับฟู่กุ้ยเหมือนฝ่ายเทคนิค หลิวเหมยเป็นบอดี้การ์ด เหมือนยังขาดอะไรไป…
“ฉันจะโทรหาพี่ใหญ่ให้ส่งบอดี้การ์ดมาสองคน” เสี่ยวเชี่ยนเตรียมใจไว้แล้ว ถ้าช่วยฉิวฉิวออกมาดีๆไม่ได้ก็ต้องใช้กำลัง
ในช่วงเวลานั้นเองโทรศัพท์ของประธานเชี่ยนก็ดังขึ้น
“ประธานเชี่ยนทำอะไรอยู่เหรอ?” อาข่าโทรมา
เนื่องจากวันนี้บอสมา อาข่าจึงไม่ต้องตามติดประธานเชี่ยน แต่ก็โทรมาถามด้วยความเคยชิน
“เพื่อนฉันเกิดเรื่อง ฉันจะไปช่วยออกมา”
“รายละเอียดเป็นไง?”
เสี่ยวเชี่ยนเล่าให้ฟังอย่างคร่าวๆ
“เธอหมายความว่าเพื่อนของเธอถูกบังคับพาตัวไปรักษางั้นเหรอ?” อาข่าทวนคำพูดเสี่ยวเชี่ยนพลางมองศาสตราจารย์ชีที่อยู่ตรงข้าม ศาสตราจารย์ชีขยับปากพูดแบบไม่มีเสียงว่า ถามเขาว่าหน่วยงานนั้นอยู่เมืองอะไร
“เธอจะไปเมืองไหนเหรอ?”
เสี่ยวเชี่ยนพูดชื่อสถานที่ไป
อาข่ายังไม่ทันจะได้มองปากบอส เธอไม่มีเวลาคิดอะไรแล้วรีบพูดออกไปทันที
“ฉันไปด้วย”
“เธอ?”
“อืม ฉันเคยเป็นสปายมาก่อน ตอนที่อวี๋หมิงหลางของเธอไม่อยู่แบบนี้ฉันน่าจะช่วยเธอได้”
“ได้”
ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะไม่ทราบประวัติที่แน่ชัดของอาข่าแถมเบื้องหลังยังมีบอสที่น่าสงสัย แต่จนถึงตอนนี้อาข่ายังไม่เคยทำเรื่องอะไรที่เป็นภัยต่อเสี่ยวเชี่ยน ช่วงเวลาที่ต้องใช้คนแบบนี้ถ้าอาข่าไปด้วย มีคนเพิ่มก็ย่อมดีกว่า
อาข่าวางสายแล้วถึงได้จำได้ว่าบอสอยู่ด้วย ส่วนบอสที่เธอไม่เจอตั้งนานกำลังเอามือกอดอกเหล่มองเธอ
“ครั้งนี้ฉันไม่เอาเงินเดือน ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน” เมื่อครู่อาข่าเอาแต่นึกถึงประธานเชี่ยนเลยลืมไปว่าบอสนั่งอยู่ด้วย
“อ่อ? ฉันคิดว่าเธอจะรักเงินมากที่สุดเสียอีก”
“มันย่อมมีสิ่งที่สำคัญกว่าเงินอยู่แล้ว ประธานเชี่ยนเป็นเพื่อนคนแรกของฉัน ครั้งนี้ฉันจะตามประธานเชี่ยนไป บอสไม่ต้องให้เงินก็ได้”
“นั่งลง”
“ฉันไม่นั่ง ไม่งั้นบอสหักเงินเดือนฉันต่อก็ได้” อาข่าหันตัวจะออกไป
“นิสัยแบบนี้มิน่าถึงเป็นสปายต่อไม่ได้ ไม่มีความอดทน ถ้าเธอไม่นั่งฉันจะพูดเรื่องที่ต้องระวังให้ได้ยังไง?”
“บอสอนุญาตเหรอคะ?” อาข่าดีใจ
“ถ้าไม่ให้ไปเธอจะเชื่อฟังไหม? เด็กแสบพวกนี้ อายุแค่นี้แต่เอาใหญ่กันจริงๆ แต่ละคนเล่นใหญ่กันทั้งนั้น…”
“บอสไม่ช่วยพวกเราเหรอคะ?”
“บอสตัดสินใจรับประธานเชี่ยนเป็นศิษย์แล้วไม่ใช่เหรอ? เรื่องของลูกศิษย์บอสไม่สนใจเหรอ?”
“พูดมาก รับเป็นศิษย์ไม่ต้องทดสอบหรือไง? ก็มีแต่คนแบบเธอนี่แหละที่เป็นแกะดำในทีมฉันที่ไม่ต้องสอบเข้ามา”
“บอสหมายความว่า…นี่เป็นบททดสอบของบอสที่ให้ประธานเชี่ยนเหรอคะ?”
ศาสตราจารย์ชีเอานิ้วเคาะโต๊ะเล่น
“ใช่และก็ไม่ใช่ ไม่ว่าเขาจะทำสำเร็จหรือไม่ฉันก็ยอมรับแล้ว ฉันก็แค่เห็นช่วงนี้เขาว่างเกินไปเลยหาอะไรให้ทำแก้เซ็ง”