“…”
โลกนี้มีผู้ชายน่าเบื่อแบบนี้ด้วยเหรอ? อาข่าแอบบ่นบอสตัวเองในใจ
“บอสคะ ฉันสงสัยมาตลอดว่าบอสเป็นอะไรกับประธานเชี่ยนกันแน่? ถ้าบอกว่าแค่อยากรับเป็นศิษย์งั้นรุ่นพี่ก็ทำได้ดีมากแล้ว ถ้าให้ฉันวิจารณ์รุ่นพี่กับประธานเชี่ยนอย่างตรงไปตรงมานะ ถึงประธานเชี่ยนจะเก่งมาก แต่ส่วนใหญ่ก็รับแต่เคสเล็กๆ การศึกษาสูงสุดของเขาก็แค่ปริญญาโท รุ่นพี่อยู่กับบอสมาตั้งหลายปี ได้รับแต่เคสที่ยากๆของแผนกประสาทในระดับโลก ประธานเชี่ยนไม่น่าจะประสบการณ์เยอะเท่ารุ่นพี่ไหมคะ?”
เพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้บอสตื๊อประธานเชี่ยนแบบนี้? ส่งเธอมาดูแลประธานเชี่ยนโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น บอสดังในระดับนานาชาติมาก ถ้าแค่อยากรับลูกศิษย์ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนี้
“อะไรที่ไม่ควรถามก็ไม่ต้องถาม ดูแลเขาให้ดีอย่าให้ใครมาทำอะไร เข้าใจไหม?”
“ค่ะ”
พออาข่าไปแล้วศาสตราจารย์ชีก็ลุกไปที่หน้าต่างมองเธอที่รีบร้อนออกไป
“อาข่าที่เลี้ยงดูมาตั้งนานถูกเสี่ยวเชี่ยนดึงตัวไปแล้ว…เด็กคนนี้มีเวทมนตร์อะไรกันแน่นะ?”
เสี่ยวเชี่ยนเป็นเหมือนแม่เหล็ก ใช้เสน่ห์จากบุคลิกของตัวเองสร้างอิทธิพลต่อคนที่อยู่รอบตัว ด้วยความที่ประธานเชี่ยนดูแลเพื่อนดี เวลาเธอเกิดเรื่องเพื่อนๆจึงยินดีช่วย
ศาสตราจารย์ชีจินตนาการถึงตอนเสี่ยวเชี่ยนยกพรรคพวกไปช่วยคน จากนั้นก็ลูบคางพลางพูด
“ก่อเรื่องเก่งจริงๆ นิสัยเด็กคนนี้เหมือนใครกันแน่นะ…อ่อ อาจจะเหมือนฉัน? ฮ่าๆ น่ารักจริงๆ”
ทางด้านเสี่ยวเชี่ยนรวบรวมคนได้ครบแล้ว รถของพี่ใหญ่ก็กำลัง
เธอกับฟู่กุ้ยเป็นฝ่ายเทคนิค ถ้าหลังจากฉิวฉิวถูกช่วยออกมาได้แล้วมีอาการทางประสาท เธอกับฟู่กุ้ยก็จะได้ทำการรักษา หลิวเหมยกับอาข่ามีทักษะป้องกันตัวเป็นเลิศ ช่วยรับมือกับเหตุการณ์ที่ฉุกละหุกได้ ส่วนไป๋จิ่น เสี่ยวเชี่ยนเก็บไว้เผื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่น
รถที่พี่ใหญ่ส่งมาใกล้ถึงแล้ว เสี่ยวเชี่ยนพาพรรคพวกลุยเดินหน้าเต็มที่ ต้องพาฉิวฉิวกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้
ระหว่างทางไปเมืองหลวง ในฐานะที่หลิวเหมยกับไป๋จิ่นเป็นคนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของสามคนที่อยู่วงการเดียวกันที่มีเสี่ยวเชี่ยนเป็นผู้นำแล้ว หลิวเหมยก็อดไม่ได้ที่จะถามสิ่งที่สงสัยอยู่ในใจ
“พี่สะใภ้ ทำไมต้องทำหน้าเครียดขนาดนี้ด้วย? ฉิวฉิวอยู่บ้านตัวเองจะโดนทำร้ายร่างกายอะไรแนวๆนี้เหรอ?”
อันที่จริงเสี่ยวเชี่ยนไม่ค่อยอยากตอบคำถามแบบนี้เท่าไร เพราะมันเกี่ยวข้องกับเพื่อนเธอ เธอจินตนาการไม่ออกเลยว่าเวลานี้ฉิวฉิวจะเป็นอย่างไร
“อันที่จริงถ้าส่งเขาไปที่หน่วยงานนั้นในบ้านเรายังดีกว่าหน่อย เพราะหน่วยงานพวกนั้นตอนนี้ยังใช้วิธีแบบเก่าๆอยู่ ผลที่ได้ไม่ดีเท่าไร แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้มีผลข้างเคียงมากมาย แต่หน่วยงานบางหน่วยของเมืองนอก เวลาที่ให้คำปรึกษาเรื่องอาการติดเน็ตหรือรักร่วมเพศอะไรแบบนี้ มักจะใช้ ‘วิธีที่น่ารังเกียจ’ เสี่ยวเชี่ยนคงกลัวว่าพ่อฉิวฉิวจะเชื่อคำแนะนำของพวกคนที่ไม่ใช่มืออาชีพพวกนั้นแล้วเอาไปกับฉิวฉิว”
ฟู่กุ้ยตอบแทนเสี่ยวเชี่ยน
“น่ารังเกียจเหรอ?” หลิวเหมยกับไป๋จิ่นไม่ค่อยเข้าใจ
“อย่างช็อตไฟฟ้าหรือฉีดยาที่กระตุ้นให้อาเจียน ใช้วิธีรุนแรงที่ฝืนใจโดยอาศัยปฏิกิริยาตอบสนองโดยอัตโนมัติของร่างกาย”
คำอธิบายที่ซับซ้อนแบบคนในวงการของฟู่กุ้ยยังคงทำให้หลิวเหมยกับไป๋จิ่นไม่เข้าใจ เสี่ยวเชี่ยนจึงอธิบายแบบเข้าใจง่ายๆด้วยสภาพหน้าบึ้ง
“วิธีรักษาแบบน่ารังเกียจมีมาอยู่ตลอด ถึงขนาดที่อีกสิบกว่าปีให้หลังก็ยังมีอยู่ ทุกครั้งที่ ‘ผู้ป่วย’ ที่ว่ากันนี้เกิดภาพหลอนหรือมีอาการหัวรุนแรงก็จะถูกฉีดยากระตุ้นให้อาเจียน หรือไม่ก็ช็อตไฟฟ้า ‘นักบำบัด’ บางคนยังมีการเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการให้คนที่เป็นรักร่วมเพศดูหนังของรักร่วมเพศ ถ้าดูแล้วยังมีปฏิกิริยาตอบสนองก็จะช็อตไฟฟ้า”
บางครั้งการช็อตไฟฟ้าถูกกระทำตรงอวัยวะที่ไม่อาจบรรยายของคนไข้ โหดร้ายทารุณสุดๆ
“ทำแบบนี้มีผลการวิจัยอ้างอิงหรือเปล่า ฟังดูน่ากลัวมากเลยนะ” หลิวเหมยพอคิดว่าฉิวฉิวถูกช็อตไฟฟ้าก็ขนลุกไปทั้งตัว ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมประธานเชี่ยนถึงได้ดูร้อนใจนักอยากรีบไปที่นั่น
“จนถึง ณ ขณะนี้ มีจิตแพทย์ที่ดังระดับโลกเพียงคนเดียวที่บอกว่าวิธีนี้ใช้ได้ผล แต่อีกไม่นานก็จะถูกพิสูจน์ว่าข้อมูลพวกนั้นเป็นของปลอม ช็อตไฟฟ้าแล้วทำให้ดีขึ้นจริงหรือเปล่าพี่ไม่รู้ แต่พี่รู้ว่าหลายคนหลังจากที่ได้รับการรักษากลับมีอาการหลงเหลืออย่างรุนแรง รักร่วมเพศหลายคนพอรักษาด้วยวิธีนี้ไปแล้วก็เป็นคนโสดตลอดชีวิต อีกทั้งยังได้โรคอื่นแถมไปด้วยเช่นโรคซึมเศร้า”
“…ในเมื่อไม่มีงานอ้างอิงมาสนับสนุนแล้วทำไมยังมีคนทำแบบนี้อีก?” หลิวเหมยรู้สึกว่ายากที่จะเข้าใจ
“ก็เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นกลับเป็น ‘ปกติ’ไง” ประธานเชี่ยนพูดประชด
บังคับให้เปลี่ยนเพียงเพราะไม่เหมือนคนอื่น โดยอ้างว่าเพื่อให้กลับเข้าสู่สังคมได้ แต่ผลที่ได้ส่วนใหญ่กลับทิ้งบาดแผลฉกรรจ์ไว้ในใจคนเหล่านี้
ผู้ป่วยรักร่วมเพศถ้าตัดคนที่ใช้ชีวิตส่วนตัวเละเทะจนเป็นโรคเอดส์หรือไปหลอกคนอื่นแต่งงาน คนส่วนใหญ่ก็เหมือนกับคนปกติ ไม่ได้แตกต่างกันเลยยกเว้นเรื่องคนที่พวกเขาชอบ ส่วนเรื่องอื่นๆเหมือนกันหมด
ทำงานได้ ทำประโยชน์ให้สังคมได้ ไม่จำเป็นต้องมองพวกเขาเป็นเหมือนตัวประหลาด ไม่สนับสนุนให้คนแปลงเพศแต่ก็อย่าดูถูกคนที่เขาเบี่ยงเบนทางเพศโดยกำเนิด
คนในครอบครัวที่ร้อนใจอยากให้คนเหล่านี้กลับเป็น ‘ปกติ’ ก็เหมือนกัน ใช้วิธีรักษาแบบสุดโต่งสารพัดโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น กลายเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมครั้งแล้วครั้งเล่า ตกลงว่านี่เป็นความผิดของใคร? ตกลงว่าใครที่ผิดปกติกันแน่?
“ถ้าแค่วิธีรักษาแบบน่ารังเกียจอันที่จริงก็จัดการไม่ยาก แต่พี่กลัวว่า…” ฟู่กุ้ยมองเสี่ยวเชี่ยนอย่างลำบากใจ เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้าช้าๆ
ทั้งสองคนคิดเหมือนกัน กลัวจะเป็นอย่างนั้น
วิธีรักษาในประเทศเป็นวิธีแบบเก่า เพิ่มการออกกำลังกายเข้าไปอย่างเช่นปั่นจักรยาน การเดิน เป็นต้น แบบนี้ไม่เป็นผลเสียอะไร
แต่ถ้าเป็นวิธีที่ ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ของเมืองนอกคิดก็คือวิธีรักษาด้วยการช็อตไฟฟ้า พวกเสี่ยวเชี่ยนตามไปตอนนี้ก็ยังช่วยได้ทัน เพราะไม่ใช่การช็อตไฟฟ้าที่ทำต่อเนื่องมาเป็นเดือนเป็นปี ยังช่วยเหลือได้
กลัวที่สุดก็คือวิธีสุดโต่ง
อย่างเช่นบังคับฉีดฮอร์โมน
แต่นี่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือการใช้วิธีบีบบังคับแบบสุดโต่ง อย่างเช่น หาผู้ชายมาข่มขืนฉิวฉิว แบบนี้น่าขยะแขยงมาก บางสถานที่ในเมืองนอกทำแบบนี้
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เสี่ยวเชี่ยนกับฟู่กุ้ยก็จบงานได้ยาก ถึงฉิวฉิวจะมีร่างกายเป็นเพศหญิง แต่สภาพจิตใจเป็นชายร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าเจอกับความอัปยศแบบนี้เขาจะต้องเสียสติแน่นอน เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไง
ตอนนี้หวังแค่ทีมเล็กๆที่ตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจนี้สามารถทำงานเข้ากันได้ดีเพื่อช่วยฉิวฉิวออกมาให้ได้
“พวกเราแจ้งตำรวจไม่ได้เหรอ?” ไป๋จิ่นก็ยังคงอยากให้ใช้วิธีที่ถูกต้องช่วยลูกหนังอยู่ดี
“ไม่มีประโยชน์หรอก เรื่องนี้เกิดขึ้นในบ้านของเขา อีกทั้งพ่อเขายังเป็นคนออกหน้าเอง ฉิวฉิวไม่มีทางให้ร้ายพ่อตัวเอง”
เสี่ยวเชี่ยนรู้จักนิสัยของฉิวฉิว เขาไม่อยากให้พ่อต้องติดคุกแน่นอน
“ตกลงเป็นหมอคนไหนที่โหดร้ายขนาดนี้เนี่ย ออกไอเดียแบบนี้ให้พ่อฉิวฉิว”
“บัญชีนี้เอาไว้คิดทีหลัง หาคนให้เจอก่อนค่อยว่ากัน”
เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าอีกเดี๋ยวเธอต้องเจองานหนัก แต่นั่นไม่สำคัญ เรื่องความปลอดภัยของฉิวฉิวต้องมาก่อน
แต่สวรรค์กลับไม่เข้าข้าง พี่ใหญ่โทรมาบอกข่าวร้ายกับเสี่ยวเชี่ยน
“พวกเราไปสืบมาแล้ว เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนพ่อของฉิวฉิวสั่งอุปกรณ์ช็อตไฟฟ้าที่ใช้ในการรักษาจากเมืองนอกมาจริง แต่จะเอาไปทำอะไรนั้นไม่มีใครรู้”