ตอนที่ 658

Elixir Supplier

658 ผมอยากแต่งงานกับเธอ

 

หลังจากที่คิดดูสักพัก หวังเย้าก็ปรับเปลี่ยนแบบในพื้นที่สามจุดอีกเล็กน้อย เขาทำงานอยู่อย่างนั้นและเข้าในไปตอนเที่ยงคืน

 

เช้าวันต่อมา เขาได้โทรไปหาเทียนหยวนถูเกี่ยวกับเรื่องงานของน้าเขย เทียนหยวนถูรู้จักคนมากมาย ดังนั้น หวังเย้าจึงคิดว่า เขาอาจจะช่วยเขาในเรื่องนี้ได้

 

“ไม่มีปัญหา ปล่อยให้ฉันจัดการเอง” เทียนหยวนถูพูด มันเป็นงานง่ายๆสำหรับเขาอยู่แล้ว

 

และก็เป็นอย่างที่คาดไว้ เทียนหยวนถูโทรหาหวังเย้าก่อนเที่ยง เพื่อบอกว่าเขาจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว

 

ในเวลาเดียวกัน ที่บ้านน้าของหวังเย้า สามีของเธอได้รับสายจากที่ทำงาน และมันทำให้เขาค่อนข้างประหลาดใจ

 

“มีเรื่องอะไรเหรอ?” น้าถามสามีของเธอ

 

“ฉันไม่ต้องไปทำงานแนวหน้าแล้ว ฉันได้อยู่ตำแหน่งเดิม” สามีของเธอพูด

 

“หา เร็วขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” น้าของหวังเย้าพูด

 

“อืม ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน” สามีของเธอพูด

 

เขาทำงานอยู่ในบริษัทใหญ่ ใครก็ตามที่สามารถสั่งการเรื่องนี้ได้ในเวลาอันสั้น แสดงว่าคนคนนั้นจะต้องอยู่ในระดับสูงของบริษัท

 

“ดูเหมือนว่า เสี่ยวเย้าจะรู้จักคนเยอะมากเลยนะ” สามีของเธอพูด

 

“นั่นสิ” เธอพูด

 

ภายในบ้านของซูเสี่ยวซวีที่ปักกิ่ง กั๋วเจิ้งเหอเดินทางมาเยี่ยมที่บ้านของเธอ

 

“มีอะไรให้น้าช่วยเหรอจ๊ะ เจิ้งเหอ?” ซงรุ่ยปิงมองดูชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ และถามออกไป

 

เขาฉลาด, มารยาทดี, หน้าตาดี, และเกิดในตระกูลใหญ่ แต่เขาไม่ได้เป็นคนดีเลย

 

“ผมมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องแต่งงานครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูด

 

“หา?” ซงรุ่ยปิงเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากเขา

 

“ผมอยากแต่งงานกับเสี่ยวซวีครับ ผมอยากจะดูแลเธอไปตลอดทั้งชีวิตของผม” กั๋วเจิ้งเหอพูด

 

ซงรุ่ยปิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ขอโทษด้วยนะจ๊ะ แต่น้าคงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้” เธอพูดออกไปอย่างชัดเจน

 

“ทำไมละครับ?” กั๋วเจิ้งเหอถาม

 

“เสี่ยวซวีไม่ได้รักเธอน่ะสิ” ซงรุ่ยปิงพูด

 

มันคือความจริงที่ใช้คำพูดง่ายๆบรรยายออกมา และเป็นการสรุปรวบที่ชัดเจนด้วย

 

กั๋วเจิ้งเหอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเขาก็เอ่ยถามออกไปว่า “เหตุผลมีแค่นี้เหรอครับ?”

 

“น้าคิดว่า เหตุผลนี่ถือว่ามากพอแล้วจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูด

 

เธอไม่ชอบชายหนุ่มคนนี้เลย และลูกสาวของเธอก็คิดเช่นเดียวกัน เธออยากให้ลูกสาวของเธอได้แต่งงานกับคนดีและพึ่งพาได้ เธอต้องการให้สามีในอนาคตของลูกสาวคิดถึงเธอเป็นอันดับแรกเสมอ แต่กั๋วเจิ้งเหอเป็นพวกที่คิดแต่เรื่องผลประโยชน์มากเกินไป

 

“ผมเข้าใจแล้วครับ ขอโทษที่มารบกวนนะครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูด

 

“เธอเป็นชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งเลยนะ” ซงรุ่ยปิงพูด

 

“แต่คุณน้าก็ยังไม่อยากให้เสี่ยวซวีแต่งงานกับผมอยู่ดี คุณน้ากำลังพยายามจะปลอบใจผมอยู่ใช่ไหมล่ะครับ?” กั๋วเจิ้งเหอตอบกลับไปด้วยสีหน้าเงียบขรึม นี่เป็นครั้งแรกที่รอยยิ้มแสนเจิดจ้าเลือนหายไปจากใบหน้าของเขา

 

เขาทั้งผิดหวังและไม่พอใจ เมื่อออกมาจากบ้านของซูเสี่ยวซวีแล้ว เขาก็ขับรถขึ้นไปบนเขาที่อยู่นอกเมือง

 

“อ้ากกกกก!” เขาเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้า

 

ทำไม? ทำไมเสี่ยวซวีถึงไม่รักฉัน?

 

เขามักจะเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดที่สุดเสมอ เขาเป็นนักเรียนที่ดีและมีมารยาท ทุกคนในตระกูลและคนอื่นๆที่รู้จักเขา ต่างก็คิดกันว่า เขาจะกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในสักวันหนึ่ง เขาไม่เคยต้องเจอความยากลำบากในชีวิต ด้วยอำนาจและชื่อเสียงที่มี ทำให้เขาได้ทุกอย่างที่เขาต้องการมาไว้ในมือ

 

แต่ตอนนี้ เขากลับต้องมาเจอปัญหาเรื่องการแต่งงาน มันถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่สำหรับเขา บางที มันอาจจะเป็นเพราะเขาไม่เคยล้มเหลวมาก่อนเลยก็ได้ แต่เขาทั้งผิดหวัง และไม่สามารถยอมรับท่าทีที่ครอบครัวของซูเสี่ยวซวีมีต่อเขาได้เลย

 

ทำไมเธอถึงคิดว่าเขาดีกว่าฉัน?

 

ดวงตาของเขาถูกเคลือบไว้ด้วยความโกรธเกรี้ยว

 

“ในเมื่อฉันไม่ได้เธอ คนอื่นก็ต้องไม่ได้เธอเหมือนกัน!” อยู่ๆแววตาของเขาก็เผยให้เห็นความบ้าคลั่ง

 

ขณะเดียวกัน ก็มีคนคนหนึ่งกลับมารายงานให้ซงรุ่ยปิงฟัง

 

“คุณผู้หญิง” คนคนนั้นพูด

 

“เขาไปที่ไหนเหรอ?” ซงรุ่ยปิงถาม

 

“เขาไปที่หน้าผาที่อยู่นอกเมืองครับ” เขาพูด

 

“เขาไปทำอะไรที่นั่นกัน?” ซงรุ่ยปิงถาม

 

“เขาตะโกนออก และดูเหมือนเขาจะเสียใจมากครับ” เขาพูด

 

“แล้วได้ยินเขาพูดว่าอะไรบ้างรึเปล่า?” ซงรุ่ยปิงถาม

 

“ได้ยินครับ เขาพูดว่า ‘ในเมื่อฉันไม่ได้เธอ คนอื่นก็ต้องไม่ได้เธอเหมือนกัน’” เขาพูด

 

ซงรุ่ยปิงผุดลุกขึ้นทันที ดวงตาของเธอฉายแววเย็นยะเยือกและน่ากลัว

 

“ช่วงนี้ บอกให้ชูเหลียนไม่ต้องทำอย่างอื่น นอกจากคอยดูแลเสี่ยวซวีเท่านั้น เพิ่มบอดี้การ์ดของเสี่ยวซวีเข้าไปอีก” ซงรุ่ยปิงสั่งการ

 

“ครับ คุณผู้หญิง” เขาพูด

 

“ช่างเป็นเด็กที่ร้ายกาจจริงๆ” ซงรุ่ยปิงพูด

 

โชคดีที่เธอสั่งให้คนติดตามกั๋วเจิ้งเหอไป เพราะเธออยากจะรู้ว่า หลังจากทีได้ฟังคำพูดของเธอแล้วเขาจะมีปฏิกิริยาแบบไหนออกมา เธอต้องการรู้ว่า เขาจะร้ายอย่างที่คนอื่นๆพูดกันหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่า เขาจะร้ายยิ่งกว่าที่คิด และจิตใจของเขาก็มืดมนกว่าที่เห็น

 

เสี่ยวซวีไม่ควรคบค้าสมาคมกับคนแบบนี้ และไม่ต้องพูดถึงเรื่องการใช้ชีวิตกับผู้ชายแบบนี้ไปตลอดทั้งชีวิตเลย

 

มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เด็กสาวผู้งดงามและบริสุทธิ์จะต้องไปอยู่กับคนที่ร้ายกาจและชั่วร้ายแบบเขา

 

“อืมม” ซงรุ่ยปิงเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้อง

 

หมอหวังจะมีปัญหาเพราะเรื่องนี้ด้วยรึเปล่า? เธอจึงเรียกหาเฉินหยิงให้มาหา

 

“ได้ค่ะ คุณผู้หญิง ฉันจะติดตามเรื่องนี้เองค่ะ” เฉินหยิงเข้าใจความต้องการของซงรุ่ยปิงในทันที ซงรุ่ยปิงต้องการให้เธอเตือนหวังเย้าว่าให้เขาระวังกั๋วเจิ้งเหอเอาไว้

 

“ฉันหวังว่า ฉันแค่กังวลมากเกินไปเท่านั้น” ซงรุ่ยปิงพูด

 

“คุณผู้หญิงคะ จริงๆฉันไม่ควรจะพูดแบบนี้ แต่พ่อของกั๋วเจิ้งเหอดูแลจังหวัดฉีอยู่ตอนนี้” เฉินหยิงพูด

 

“ฉันรู้ บอกหมอหวังว่า ถ้าจำเป็นเราก็พร้อมจะสนับสนุนเขาเต็มที่”

 

“ได้ค่ะ” เฉินหยิงพูด

 

เมื่อกลับไปถึงที่กระท่อม เฉินหยิงก็โทรหาหวังเย้าในทันที

 

“กั๋วเจิ้งเหอเหรอ?” หวังเย้าถาม

 

“ใช่ค่ะ คุณชายกั๋วเป็นคนเจ้าเล่ห์มาก หมอต้องระวังตัวไว้ด้วยนะคะ” เฉินหยิงพูด

 

“ผมเข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมาก แล้วก็ฝากขอบคุณคุณซงด้วยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ได้ค่ะ ถ้ามีเรื่องอะไร ฉันจะรีบบอกหมอทันทีเลยนะคะ” เฉินหยิงพูด เพราะถึงยังไง หวังเย้าก็อยู่ถึงที่จังหวัดฉีที่ไกลจากเธอมาก

 

“ได้ครับ” หวังเย้าพูด

 

“หลังจากที่วางสายแล้ว หวังเย้าก็หันออกไปมองข้างนอกหน้าต่าง “เจ้าเล่ห์? จิตใจดำมืดเหรอ?” หวังเย้าพึมพำ

 

หากพูดกันตามจริง สองสามปีก่อนนั้น เขาคงจะคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก หลังจากได้พบเจอกับเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามา เขาก็คิดว่า ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องของระบบเวทมนต์ที่เขาได้มาอีก

 

ถ้ากั๋วเจิ้งเหอคิดอยากสร้างปัญหาให้กับฉันละก็ เขาก็ลองดูได้เลย

 

เขาไม่สามารถหลบซ่อนตัวได้ ซูเสี่ยวซวี หญิงสาวที่ราวกับออกมาจากเทพนิยายได้เผยความในใจที่เธอมีต่อเขา และบอกให้เขาได้รู้ เขาไม่มีอะไรต้องกลัว

 

หลี่ชื่อหยูนำรถบรรทุกขนต้นไม้มาสองคันในตอนบ่าย เขามาทันทีที่ได้รับสายจากหวังเย้า

 

หวังเย้าปลูกต้นไม้ไปได้ไม่ถึงครึ่ง ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้ว

 

โฮ่ง! โฮ่ง!

 

“หืม? นายกำลังคุยกับต้นไม้อยู่เหรอ?” หวังเย้าถามซานเซียนด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะทิ้งต้นไม้พวกนี้เอาไว้ที่นี่ก่อน คงไม่เป็นไรหรอก”

 

เขาแขวนป้ายไว้หน้าประตูคลินิกก่อนจะกลับไปที่บ้าน เขาตั้งใจจะหยุดงาน เพราะอยากจะปลูกต้นไม้ให้เสร็จ เขาไม่สามารถทิ้งต้นไม้เอาไว้ได้นาน เพราะมันอาจจะทำให้ต้นไม้เสียหายได้

 

วันต่อมา ดูเหมือนจะเป็นวันที่สดใส มีคนกำลังจุดประทัดดังอย่างต่อเนื่อง และทำให้คนทั้งหมู่บ้านพากันตกอกตกใจ

 

“ใครมันมาจุดประทัดเวลานี้กัน!” จางซิวหยิงบ่น

 

มันไม่ใช่เพียงแค่บ้านหลังเดียวเท่านั้นที่จุดประทัดในเช้าวันนี้ มีหลายครอบครัวที่กำลังจะย้ายออกไปจากหมู่บ้าน และมีถึงหกครอบครัวที่ย้ายออกพร้อมกันในวันเดียว

 

“เฮ้อ!” ชายชราที่ยืนอยู่บนถนนถอนหายใจออกมา “ทุกคนกำลังจะย้ายออกไปจากหมู่บ้านกันจนหมด”

 

คนเก่าคนแก่ล้วนไม่มีใครอยากจะย้ายไปไหน พวกเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านมานานหลายสิบปี และคุ้นเคยกับชีวิตที่นี่ไปแล้ว สำหรับพวกเขา ไม่มีที่ไหนดีไปกว่าหมู่บ้านของพวกเขาแล้ว พวกเขาต่างยึดติดกับหมู่บ้าน ซึ่งเป็นบ้านที่พวกเขาอยู่อาศัยมานานหลายสิบปี

 

“หมอหวังไม่อยู่เหรอ?” คนไข้คนหนึ่งถามขึ้นมา

 

ยังคงมีคนมาที่คลินิกของหวังเย้าอยู่ แต่พวกเขาต่างก็ต้องจากไปด้วยความผิดหวัง

 

“ฉันว่า หมอหวังน่าจะทำกลุ่มวีแชทหรือไม่ก็สมัครเวยป๋อดูนะ เวลาไม่อยู่ก็ให้เขาแจ้งเอาไว้ในนั้น ถ้าทำแบบนั้นได้ เราก็จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลากันที่นี่” คนไข้คนหนึ่งเสนอขึ้นมา

 

“ก็จริงนะ ฉันว่ามันเป็นความคิดที่ดีทีเดียว” คนไข้อีกคนพูด

 

“เราน่าจะลองบอกให้เขาทำดูนะ” ชายวัยกลางคนพูด

 

ในขณะเดียวกัน หวังเย้าก็กำลังยุ่งอยู่กับการปลูกต้นไม้อยู่ที่ตีนเขา ในตอนนี้ เขาปลูกต้นไม้ด้วยตัวเองไปร้อยกว่าต้นแล้ว

 

“นายช่วยดูหน่อยได้ไหม ว่ามันตรงรึเปล่า?” หวังเย้าถามซานเซียน

 

โฮ่ง!

 

“ไม่ตรงเหรอ? ให้ฉันขยับไปทางซ้ายหรือขวาดีล่ะ?” หวังเย้าถาม “เอาอุ้งเท้าของนายชี้ก็ได้ โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”

 

ครู่ต่อมา พ่อแม่ของเขาก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับอุปกรณ์

 

“แม่? พ่อ?” หวังเย้าแปลกใจที่เห็นทั้งสองมาที่นี่

 

“ทำไมไม่บอกล่ะ ว่าวันนี้ลูกจะปลูกต้นไม้น่ะ?” จางซิวหยิงถาม

 

“ผมทำเองได้ครับ พ่อกับแม่ไม่ต้องช่วยหรอก” หวังเย้าพูด

 

แต่พ่อแม่ของเขาก็ยังดึงดันที่จะช่วยเขาอยู่ดี เมื่อมีคนช่วย ก็ทำให้หมดวัน หวังเย้าก็ปลูกต้นไม้ไปได้อีกหลายต้น

 

“ลูกแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆเลยนะ” จางซิวหยิงพูดขึ้นมาในขณะที่มองดูลูกชายของเธอทำงาน

 

“ครับ ตอนอยู่บนเนินเขาหนานชาน ผมออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันน่ะครับ” หวังเย้าพูด

 

เขาคุยกับพ่อแม่ของเขาในขณะที่ทำงานไปด้วย ครู่หนึ่งต่อมา ก็มีคนตามมาเพิ่มอีก คราวนี้ เป็นซุนหยุนเชิงที่มาพร้อมกับบอดี้การ์ดของเขา

 

“หมอหวัง ให้ผมช่วยไหมครับ?” ซุนหยุนเชิงถาม

 

“ไม่ต้องหรอก ผมไหว!” เมื่อเห็นซุนหยุนเชิงและคนของเขาที่สวมชุดสูทอยู่ หวังเย้าก็ได้แต่โบกมือปฏิเสธไป ไม่มีใครเขาใส่สูททำงานในไร่กันหรอก “ผมใกล้จะปลูกเสร็จแล้วล่ะ”

 

“โอเคครับ” ซุนหยุนเชิงพูด

 

หวังเย้าและพ่อแม่ของเขา ใช้เวลาทั้งวันในการปลูกต้นไม้ที่หลี่ชื่อหยูขนมาให้ในบริเวณที่ดินตัวยูแห่งนี้

 

หลังจากเสร็จงานแล้ว หวังเย้าก็ไปคุยกับซุนหยุนเชิงเกี่ยวกับเรื่องเนินเขาลูกอื่นๆ

 

“ไม่มีปัญหาเลยครับ” ซุนหยุนเชิงพูด