ตอนที่ 659

Elixir Supplier

659 บริษัทยา

 

ซุนหยุนเชิงเข้ามาลงทุนในหมู่บ้านก็เพราะต้องการขอบคุณหวังเย้าเท่านั้น ถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็คงไม่โง่ถึงขนาดเอาเงินมาลงทุนในหมู่บ้านที่ไม่มีโอกาสทางธุรกิจหรือโอกาสที่จะทำกำไรได้แบบนี้หรอก

 

“เหมือนเดิมใช่ไหม?” หวังเย้าถาม

 

“ได้ครับ” ซุนหยุนเชิงพูดด้วยรอยยิ้ม

 

ไม่นาน เขาก็สั่งให้คนจัดการเรื่องเอกสารทั้งหมด หวังเย้าก็ทำการโอนเงินให้ซุนหยุนเชิงผ่านทางมือถือ

 

ตอนนี้ เนินเขาสองลูกได้กลายเป็นของเขาแล้ว

 

“หมอหวังอยากได้บ้านพวกนั้นด้วยไหมครับ?” ซุนหยุนเชิงาม

 

“ไม่ล่ะครับ ขอบคุณ” หวังเย้าส่ายหน้า “ถ้าในอนาคตผมอยากได้บ้านพวกนั้น ผมจะบอกก็แล้วกันนะ”

 

“ได้ครับ” ซุนหยุนเชิงพูด

 

หวังเย้าซื้อพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของหมู่บ้านได้ด้วยเงินจำนวนน้อย ซึ่งก็ต้องขอบคุณซุนหยุนเชิง

 

“พ่อของคุณเป็นยังไงบ้าง?” หวังเย้าถาม

 

“เขาสบายดีครับ ตอนนี้ก็เพิ่งจะจัดการปัญหาไปได้ชั่วคราว” ซุนหยุนเชิงพูด

 

“ชั่วคราวเหรอ?” หวังเย้าถาม

 

“ครับ เขาต้องจัดการกับคนกลุ่มเดิมนั่น แต่ตอนนี้ คนพวกนั้นหนีออกจากเต๋าไปอยู่ที่เขตเมี่ยวแล้ว” ซุนหยุนเชิงพูด

 

“เขตเมี่ยวเหรอ?” หวังเย้าถาม

 

“ครับ พวกเขาเป็นคนของกลุ่มคนลึกลับที่เรียกตัวเองว่า หุบเขาพันโอสถ” ซุนหยุนเชิงพูด

 

“กลุ่มคนลึกลับที่ชื่อว่า หุบเขาพันโอสถ เหรอ?” นี่เป็นครั้งแรกที่หวังเย้าได้ยินชื่อกลุ่มที่แปลกหูแบบนี้ “มันเป็นกลุ่มที่เกี่ยวกับพวกยาและสมุนไพรเหรอ?”

 

“มันเกี่ยวกับสมุนไพรและยาพิษครับ” ซุนหยุนเชิงพูด “ผมรู้เรื่องของพวกเขาไม่มาก เพราะพ่อเขาไม่ค่อยอยากจะพูดให้เท่าไหร่น่ะครับ”

 

ซุนเจิ้งหรงไม่ได้เล่าเรื่องของคนกลุ่มนี้ให้ลูกชายของเขารู้มากนัก เพราะเขาคิดว่า การที่ลูกชายของเขารู้ความลับมากเกินไป มันก็อาจจะกลายเป็นปัญหาได้

 

เรื่องราวในโลกใบนี้เริ่มน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆแล้ว หวังเย้าคิด

 

หลายวันที่ผ่านมา เขาได้รักษาคนไข้ไปเป็นจำนวนมาก แถบค่าประสบการณ์จึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกไม่นานเขาก็จะได้อัพเกรดอีกครั้งแล้ว

 

 

ภายในหมู่บ้านเก่าแก่แห่งหนึ่ง ที่อยู่ไกลจากเหลียนชานไปหลายพันไมล์ มีชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ภายในบ้านไม้หลังหนึ่ง

 

แค่ก! แค่ก! ชายที่ใบหน้าของเขาเป็นประกายสีทองเล็กน้อยได้ไอออกมาอย่างต่อเนื่อง อาการไอของเขาเริ่มแย่ลงทุกขณะ ราวกับว่า เขาจะไอจนปอดหลุดออกมาจากอกยังไงยังงั้น บนใบหน้าของเขาเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เริ่มตั้งแต่ดวงตาของเขาที่กลายเป็นสีเทาและดำ ซึ่งเป็นสัญญาณของความตาย สีเทาดำเริ่มกระจายไปทั่วทุกส่วนบนใบหน้าของเขา แต่อยู่ๆมันก็หยุดลงด้วยบางอย่างที่มองไม่เห็น ครู่ต่อมา ใบหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติ

 

“อาจารย์ครับ?” มีคนเรียกเขาจากด้านนอก

 

“เข้ามา” เขาพูด

 

ประตูไม้ถูกเปิดออก ชายหนุ่มวัยประมาณ 20 เดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยสีดำที่อยู่ในมือ ภายในถ้วยได้ใส่ยาสมุนไพรที่ยังไม่หายร้อนเอาไว้

 

“อาจารย์ครับ ยาสมุนไพรของอาจารย์เสร็จแล้ว” ชายหนุ่มพูด

 

“ดี วางเอาไว้บนโต๊ะได้เลย” เขาพูด

 

“ได้ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ” ชายหนุ่มออกไปจากห้องทันที เพราะรู้ว่า อาจารย์ของเขาไม่ต้องการให้เขาอยู่ที่นี่นาน

 

ชายชราจับจ้องไปที่ถ้วยยาสมุนไพรที่ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา เขาหยิบมันขึ้นมาและดื่มยาเข้าไปจนหมดถ้วย

 

เพล้ง! ถ้วยยาตกลงไปที่พื้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่างกายของชายชราเริ่มมีอาการสั่นเทา

 

“ฮึ่ม!” ดูเหมือนว่าเขากำลังพยายามอดกลั้นกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอยู่ หลังจากผ่านไปสักพัก สีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติ “ใกล้แล้ว!”

 

 

ในหมู่บ้าน มีคนจำนวนมากมาออกันอยู่ที่หน้าคลินิกของหวังเย้า

 

“เขาไม่อยู่อีกแล้วเหรอเนี่ย” หนึ่งในคนไข้พูดออกมาด้วยความผิดหวัง เขาไม่ใช่คนเดียวที่มาแล้วต้องผิดหวัง

 

“หมอหวังมัวไปทำอะไรอยู่กันแน่?” คนไข้อีกคนถาม “นี่มันครั้งที่สามของอาทิตย์นี้แล้วนะ”

 

“นั่นน่ะสิ” คนไข้อีกหลายคนเออออตามกัน

 

หวังเย้ากำลังปลูกต้นไม้อยู่ เขาปิดคลินิกก็เพื่อมาปลูกต้นไม้บนเขา ซึ่งเขาก็ทำได้อย่างช่ำชอง สามวันที่ผ่านมา เขาปลูกต้นไม้ไปแล้วหลายร้อยต้นและขุดลำธารเล็กๆขึ้นมาสองสายเพื่อใช้รดน้ำต้นไม้ ถึงที่ดินรูปตัวยูจะอยู่ติดกับเนินเขาหนานชาน แต่พลังงานของมันก็ต่างจากแปลงสมุนไพรของเขา และต้นไม้ที่เขาเพิ่งปลูกไปก็ใช้แค่เพียงน้ำเปล่าเท่านั้น

 

หลังจากทำงานมาตลอดทั้งวัน เขาก็กลับไปที่บ้าน

 

“สองสามวันนี้ มีคนมาที่คลินิกเยอะเลยนะจ๊ะ” จางซิวหยิงพูด

 

“ผมรู้ครับ ว่าพวกเขามาตอนที่ผมไม่อยู่” หวังเย้าพูด “แล้วมีใครมาที่บ้านรึเปล่าครับ?”

 

“ไม่มีหรอกจ๊ะ” จางซิวหยิงพูด

 

คนไข้ทุกคนล้วนปฏิบัติตามกฎที่ไม่ให้ใครไปรบกวนคนในครอบครัวของเขาเป็นอย่างดี

 

“ทำไมลูกไม่แจ้งไว้ล่วงหน้าสักหน่อยล่ะ ว่าวันไหนที่ลูกจะไม่อยู่ คนที่มาเขาจะได้ไม่มาเสียเที่ยวกัน?” จางซิวหยิงพูด “แม่ได้ยินมาว่า มีบางคนที่มาจากห่ายชิวด้วยนะ”

 

“เอ่อ…” หวังเย้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง “บางที ผมน่าจะเปิดบันชีเวยป๋อดู”

 

“มันคืออะไรเหรอจ๊ะ?” จางซิวหยิงถาม

 

“เป็นบันชีในอินเตอร์เนตน่ะครับ” หวังเย้าพูด

 

คืนนั้น หวังเย้าได้เปิดบันชีเวยป๋อขึ้นมาด้วยชื่อ หนานชานเภสัชกร

 

เช้าวันต่อมา เขานำป้ายที่มีชื่อบันชีเวยป๋อของเขาติดเอาไว้ที่หน้าคลินิกเพื่อแจ้งให้ทุกคนทราบ ทีนี้ คนไข้ของเขาก็จะได้รู้ล่วงหน้าว่าเขาอยู่ที่คลินิกหรือไม่

 

[พรุ่งนี้คลินิกปิด ขออภัยในความไม่สะดวก] หวังเย้าอัพข้อความลงในเวยป๋อในเย็นของวันนั้น แล้วก็มีคนเข้ามาอ่านในเวลาไม่นาน

 

หวังเย้าเป็นชายที่ค่อนข้างล่าสมัย เขาแทบจะไม่เล่นโซเชี่ยลอย่างพวกเวยป๋อหรือวีแชทเลย

 

 

ที่โรงพยาบาลเหลียนชาน พันจวินได้เข้าไปพบผู้อำนวยการโรงพยาบาล

 

“ผู้อำนวยการมีเรื่องอยากจะคุยกับผมเหรอครับ?” พันจวินถาม

 

“ใช่ หมอพันนั่งก่อนสิ” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูด “ผมได้ยินว่าคุณมีอาจารย์อยู่ที่หมู่บ้านคนหนึ่ง”

 

“ใช่ครับ” พันจวินพูด

 

“เขาเก่งเรื่องการรักษาคนไข้ที่เป็นเส้นเลือดอุดตันเหรอ?” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลถาม

 

“ใช่ครับ แต่ไม่ใช่แค่เส้นเลือดอุดตันเท่านั้นหรอกครับ เขารักษาได้ดีในทุกโรคเลยต่างหาก” พันจวินพูด

 

“ผมได้ยินมาว่า เขามีสมุนไพรที่ใช้รักษาคนไข้เส้นเลือดอุดตันได้มีประสิทธิภาพมากอยู่ด้วย” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูด

 

“เอ่อ ครับ” หลังจากชะงักไปสองวินาที พันจวินก็ตอบกลับไป

 

“มันจะเป็นไปได้ไหม…” ผู้อำนวยการพยายามจะพูดบางอย่างออกมา แต่เขาก็หยุดไป

 

มันคงจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก ถ้าหากมีสมุนไพรที่สามารถรักษาอาการเส้นเลือดอุดตันอยู่ในมือ มันไม่ต่างจากแม่ไก่ที่ออกไข่ออกมาเป็นทองคำ

 

พันจวินเข้าใจในสิ่งที่ผู้อำนวยการต้องการจะสื่อในทันที “ผมจะลองถามเขาดูให้นะครับ”

 

“โอเค ช่วยถามเขาให้ทีนะ” ผู้อำนวยการพูดด้วยรอยยิ้ม

 

หลังออกมาจากห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงพยาบาลแล้ว พันจวินก็รู้สึกแย่เกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้คุยกับผู้อำนวยการ เขาต้องการอะไรกันแน่? ไร้ยางอายจริงๆ!

 

ในตอนกลางวัน เขาจึงไปหาหวังเย้าเพื่อเล่าเรื่องบทสนทนากับผู้อำนวยการโรงพยาบาลให้หวังเย้าฟัง

 

“เขารู้ได้ยังไงเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ก็ช่วงนี้อาจารย์รักษาคนไข้ตั้งเยอะ” พันจวินพูด “บางคนที่เป็นเส้นเลือดอุดตันก็ได้ยาจากอาจารย์ไปกินด้วย คนก็เลยเริ่มรู้เรื่องนี้กันมากขึ้นเรื่อยๆ มันไม่แปลกหรอกที่เขาจะรู้น่ะ”

 

“เขาเป็นพวกโลภมากรึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม

 

“เขามีชื่อเสียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอก” พันจวินพูด “แล้วก็ถูกต้อง เขาเป็นพวกโลภมาก ถ้าทำได้ อาจารย์ก็รีบไปจดสิทธิบัตรเอาไว้ดีกว่านะ”

 

“โอเค ผมเข้าใจแล้วครับ” หวังเย้าพูด

 

“แล้วฉันได้ยินมาว่า ตระกูลของคุณเจิ้งมีบริษัทยาที่มีชื่อเสียงอยู่ด้วย อาจารย์ก็ลองไปขอคำแนะนำจากเขาดูสิ” พันจวินแนะนำ

 

“โอเค ขอบคุณที่มาเตือนผมนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง” พันจวินพูด

 

ในคืนนั้น หวังเย้าไปที่บ้านของซุนหยุนเชิงเพื่อไปพบเจิ้งชื่อฉง เขาได้ถามเจิ้งชื่อฉงเกี่ยวกับเรื่องของการจดสิทธิบัตรยา

 

“หมออยากจะจดสิทธิบัตรยาสมุนไพรของหมอเหรอครับ? เรื่องนั้นไม่มีปัญหาเลย” เจิ้งชื่อฉงยินดีอย่างมากที่หวังเย้ามาขอความช่วยเหลือจากเขา

 

“หมอเคยคิดที่จะเปิดบริษัทยาเพื่อผลิตยาสมุนไพรของตัวเองบ้างไหมครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม

 

“ผลิตยาของผมเองเหรอ?” หวังเย้าไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย

 

ด้วยความช่วยเหลือของระบบวิเศษ จึงทำให้เขามีความรู้เกินกว่าที่ใครๆจะสามารถจินตนาการได้ เขามีสูตรยาอยู่นับไม่ถ้วน บางสูตรก็สามารถใช้สมุนไพรที่มีขายอยู่ทั่วไปได้ ส่วนสูตรอื่นนั้นค่อนข้างพิเศษ เพราะมันเป็นสูตรที่ได้รับมาจากระบบเอง ไม่มีใครสามารถเข้าถึงสมุนไพรรากได้นอกจากเขา

 

“มันยากไหมครับ ถ้าจะทำบริษัทยาน่ะ?” หวังเย้าถาม

 

“ก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่หรอกครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด

 

ทางรัฐบาลค่อนข้างเข้มงวดกับเรื่องของการผลิตยาออกจำหน่าย และการขออนุญาตผลิตยาก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ยากที่สุดในประเทศด้วย

 

“หมอจะลองพิจารณาดูสักหน่อยไหมครับ?” เจิงเหว่ยจวินถาม

 

“บอกตามตรงนะครับ ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย” หวังเย้าพูด “แต่พอคุณพูดขึ้นมา ผมก็เริ่มสนใจขึ้นมาบ้างแล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ควรจะลงมือทำเลยสิครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด

 

การก่อตั้งบริษัทยาขึ้นมามีขั้นตอนยุ่งยากหลายอย่าง และมีสิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมอยู่มากมาย

 

“แล้วการก่อตั้งบริษัทยาขึ้นมา จะต้องให้เงินประมาณเท่าไหร่เหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“มันก็พูดยากนะครับ แต่อย่างน้อยก็ต้องสิบล้านหยวนขึ้นไปครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด

 

“โห เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?” หวังเย้าประหลาดใจ

 

“นี่เป็นแค่จำนวนเงินที่ต่ำที่สุดนะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด

 

“เข้าใจแล้วครับ” หวังเย้าพูด

 

“ถ้าหมอไม่ว่าอะไร ผมสามารถช่วยได้นะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด

 

“คุณหมายความว่ายังไงเหรอ?” หวังเย้าถาม

 

“เราสามารถเป็นหุ้นส่วนในการก่อตั้งบริษัทขึ้นมาด้วยกันยังไงล่ะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด

 

เขาเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เพราะเขาต้องการจะขอบคุณหวังเย้าที่รักษาเขา รวมไปถึง ความประทับใจในความมหัศจรรย์ของยาสมุนไพรด้วย เขามีประสบการณ์โดยตรงกับยาสมุนไพรที่ทำขึ้นมาจากสมุนไพรราก ถ้าหากสามารถผลิตยาสมุนไพรที่ทำจากสมุนไพรรากได้ในปริมาณมาก เขาและหวังเย้าก็จะสามารถสร้างกำไรมหาศาลจากการจำหน่ายยาเหล่านี้ ซึ่งมันเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้

 

“หุ้นส่วนเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ใช่ครับ ผมจะให้คุณเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และมีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องทุกอย่างครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด

 

“ผมจะลองคิดดูนะครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ได้เลยครับ ผมจะให้คนไปจัดการเรื่องจดสิทธิบัตรให้ทันทีเลยนะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด