บทที่ 117 ราคะของดาร์ก เดม่อนเอ่อล้น

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活]

บทที่ 117 ราคะของดาร์ก เดม่อนเอ่อล้น
บทที่ 117 ราคะของดาร์ก เดม่อนเอ่อล้น

เรื่องราวเชิงเปรียบเทียบและมีตัวเลือกให้เลือกเช่นนี้ มักกระตุ้นให้ผู้คนครุ่นคิดตามอยู่เสมอ

แต่ถ้าเรื่องนี้เกิดกับคนรอบข้างตัวเอง มันคงไม่ค่อยน่ายินดีสักเท่าไหร่

ดาร์กดื่มน้ำแอปเปิ้ลหนึ่งแก้ว ก่อนจะเปิดประตู แล้วเดินออกจากหอพักไปอย่างเงียบ ๆ

ตัวเขายังมีเรื่องต้องทำอีกมาก และเขาไม่สามารถหาข้ออ้างเพียงเพราะความเศร้าเล็กน้อยได้

ณ หอคอยตอนตีสาม ในที่สุดทุกอย่างก็เงียบลง และไม่มีเสียงอื่นใดบนทางเดิน

ดาร์กเดินตามขั้นบันไดที่นำไปสู่ชั้นบนเป็นครั้งแรก เสียงฝีเท้าของเขาดูเหมือนจะตรงกับการเต้นของจังหวะหัวใจ และมันก็เป็นเช่นนี้ไปจนถึงชั้นที่แปด

ชั้นแปดของหอคอยเป็นห้องซ้อมประลอง และชั้นบนเยื้องขึ้นไปนั้นก็เป็นหอดูดาว

หลังจากที่นักเรียนก้าวขึ้นสู่ชั้นปีที่สองในสถาบันเซนต์แมเรียน พวกเขาจะจัดตั้งชมรมของตนเองขึ้น และชมรมประลองก็เป็นหนึ่งในนั้น

ห้องซ้อมประลองบนชั้นแปดของหอคอย โดยทั่วไปจะมีสมาชิกชมรมประลองอยู่ และหอดูดาวจะเป็นอาณาเขตของชมรมดาราศาสตร์

ชมรมดาราศาสตร์ยังเป็นที่รู้จักกันในนามสมาคมดาราศาสตร์ และทั้งสองสามารถใช้ชื่อแทนกันได้

ถ้าศาสตราจารย์ดีดี้ยังอยู่ คาบเรียนดาราศาสตร์ต่อไปคงจะสอนความรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์

เพราะศาสตราจารย์ดีดี้เองก็เป็นนักดาราศาสตร์

ดาร์กเหลือบมองเข้าไปในห้องซ้อมประลอง จากนั้นก็หันหลังและเดินต่อไป ก่อนจะเข้าไปในหอดูดาว

ฝนที่ตกกระหน่ำหยุดไปนานแล้ว และท้องฟ้ายามค่ำคืนก็กลับมาปลอดโปร่งอีกครั้ง

เขาหมุนกล้องดูดาวในหอดูดาว จากนั้นก็หยุดมือและอัญเชิญเดอะเลดี้ออกมา

เดอะเลดี้อ้าปากหาวอย่างง่วงงุนก่อนจะกะพริบตา ขนตาของเธอสั่นไหวเล็กน้อย มือกางออกทำท่าอยากจะเข้าไปอ้อนดาร์ก

ดาร์กทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที “เดอะเลดี้ เมื่อไหร่เธอจะเปลี่ยนร่างกลับไป?”

เดอะเลดี้สงสัย “ทำไมต้องเปลี่ยนร่างกลับด้วยล่ะ?”

ดาร์กไอแค่ก “คือ… ถ้าเธอไม่เปลี่ยนร่างกลับมา มันจะไม่สะดวกจริงไหม? เธอคงไม่อยากอยู่ในการ์ดคัดสรรตลอดเวลาหรอกใช่ไหม?”

“ก็ใช่” เดอะเลดี้คิดอยู่ครู่หนึ่งและเห็นด้วย รู้สึกว่าสิ่งที่ดาร์กพูดมามันสมเหตุสมผล

ดาร์กประสบความสำเร็จในการเกลี้ยกล่อมเธอ และเอ่ยขึ้นในใจอย่างเงียบ ๆ ว่า ‘แสดงค่ามหาบาป’

[รับทราบ]

หลังจากนั้นไม่นาน

ค่าชี้วัดทั้งเจ็ดพลันปรากฏขึ้นในขอบเขตการมองเห็นของดาร์ก

[อัตตา: 105 หน่วย]

[ริษยา: 42 หน่วย]

[โทสะ: 94 หน่วย]

[เกียจคร้าน: 62 หน่วย]

[โลภะ: 89 หน่วย]

[ตะกละ: 62 หน่วย]

[ราคะ: 111 หน่วย]

โดยทั่วไปแล้ว

หากไม่นับค่า [ราคะ] ละก็ อัตราการเติบโตของค่ามหาบาปที่เหลือนี้ยังคงควบคุมได้

อาศัยหยดสมองวิเศษ ค่า [อัตตา] ที่คุกคามก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็ลดลงไปสิบหน่วยได้สำเร็จ การเติบโตของอัตตาในเดือนที่แล้วก็ถูกควบคุมเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นมาเพียงสามหน่วยเท่านั้น ดังนั้นจำนวนสุดท้ายจึงเปลี่ยนจาก 112 หน่วยเมื่อต้นเดือนที่แล้วเป็น 105 หน่วยในขณะนี้

มันค่อนข้างยอมรับได้

หลังจากนั้น แม้แต่ค่า [ริษยา] ก็ลดลงสองหน่วย

สาเหตุส่วนใหญ่มาจากข้อเท็จจริงที่ว่ามันไม่ค่อยมีสิ่งที่ทำให้เขาอิจฉาได้

[โทสะ] ก็เช่นกัน เนื่องจากการเลี้ยงหญ้าแมว ค่า [โทสะ] จึงลดลงเหลือเก้าสิบหน่วย แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้อารมณ์ของเขาเริ่มควบคุมได้ยากขึ้นเล็กน้อย มันจึงกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม มันยังต่ำกว่าเก้าสิบหกหน่วยและคงอยู่มาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อต้นเดือนก่อน

จากนั้นก็มีค่า [เกียจคร้าน] เพิ่มขึ้นมาขึ้นสองหน่วย แต่ก็ยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่

ค่า [ตะกละ] เพิ่มขึ้นมาสี่หน่วยเช่นกัน แต่ยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในตอนนี้เช่นกัน

ทว่าค่า [โลภะ] กลับเพิ่มขึ้นมาถึงเจ็ดหน่วยเต็ม ๆ!

ดาร์กค่อนข้างทำอะไรไม่ถูกเกี่ยวกับเรื่องนี้

เมื่อสิ่งล่อตาล่อใจเพิ่มขึ้น ค่า [โลภะ] ก็ยากที่จะยับยั้งได้เสมอ

เช่นเดียวกับ [ราคะ] มันก็เป็นเหมือนกัน

จากเก้าสิบหน่วยเมื่อต้นเดือนที่แล้ว พุ่งขึ้นเป็นหนึ่งร้อยสิบเอ็ดหน่วยแล้ว แม้ว่าส่วนใหญ่จะเพิ่มขึ้นรวดเดียวในคืนนี้ แต่นี่เกี่ยวข้องกับความประมาทเลินเล่อทีละน้อยของดาร์กเองด้วย

โชคดีที่มันเป็นแค่ [ราคะ]

ดาร์กถอนหายใจด้วยความโล่งอก และหยิบการ์ดดอกไม้ออกมาจากกระเป๋าที่เขานำมาด้วย

ในตอนต้นของการกำจัดเทพธิดา เขาคิดว่าการ์ดดอกไม้ใบนี้อาจจะใช้การไม่ได้แล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อครู่นี้ ศาสตราจารย์ลิลลี่ใช้มันให้เขาเห็นกับตา

นั่นหมายความว่าฟังก์ชันของการ์ดดอกไม้นั้นยังคงอยู่

สิ่งที่ต้องทดสอบตอนนี้คือ ฟังก์ชันของการใช้การ์ดดอกไม้ที่ดูดซับค่า [ราคะ] นั้นยังมีอยู่หรือไม่?

ดาร์กวางการ์ดดอกไม้ลงบนโต๊ะ ก่อนจะหยิบปากกาพลังเวทออกมา และเริ่มใส่พลังเวทมนตร์เข้าไป

ด้วยการถ่ายเทพลังเวทมนตร์ลงไป ใบหน้าที่คุ้นเคยก็เริ่มปรากฏผ่านการ์ด

ดาร์กกลั้นหายใจ และทันใดนั้นก็เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติบนพื้นผิวของการ์ด ปากแหลมที่มีฟันละเอียดพลันโผล่ออกมาจากเกสรตัวผู้

ในขณะที่เขายังคงป้อนพลังเวทมนตร์ต่อไป ดอกไม้สองสามดอกก็ยื่นออกมาจากการ์ด พร้อมด้วยเกสรดอกไม้นับไม่ถ้วนที่กัดไปที่นิ้วของดาร์ก!

“ฟ่อ!”

เดอะเลดี้ที่อยู่ด้านข้างเพียงแค่เหลือบมองแล้วโบกมือ หลังจากที่แสงสีดำวาววาบขึ้น มันก็ตัดรากของเกสรตัวผู้ออกทันที

[ราคะ -1]

“เยี่ยม”

[ราคะ -1] ลอยผ่านสายตาของเขาไป นี่ทำให้ดาร์กยิ้มขึ้นมาทันที

แต่การทดลองครั้งนี้ยังมีจุดประสงค์อื่นอีก

เขาเก็บเศษการ์ดดอกไม้อย่างระมัดระวัง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองส่วนลึกของปราสาท

การ์ดดอกไม้สามารถดูดซับแก่นแท้ของ [ราคะ] ซึ่งได้มาจากการมีอยู่ของเทพธิดาแห่งจันทรา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารูปปั้นจะหายไปแล้ว แต่เอฟเฟกต์ของการ์ดดอกไม้ก็ยังอยู่

“ปราสาทนี้มีสิ่งเร้นลับซ่อนอยู่เท่าไหร่กัน?”

เมื่อกลับไปที่หอพัก ดาร์กก็เหลือบมองภูตตัวน้อยที่นอนอยู่เตียงใหญ่อย่างรู้สึกหมดหนทาง

ในท้ายที่สุดเขาก็หยิบผ้าห่มผืนใหม่ออกจากตู้ แล้วขยับไปนอนที่อีกฟากหนึ่งของเตียงใหญ่

คืนนั้น ดาร์กฝันว่าตัวเองได้วิ่งเล่นอยู่ในทุ่งกลางแจ้ง ซึ่งเต็มไปด้วยธรรมชาติ…

และเมื่อนักเรียนส่วนใหญ่นอนหลับ

อาจารย์ใหญ่อาร์เต้ ผู้ซึ่งส่งเจ้าหญิงทั้งสามกลับไปแล้วก็มาที่ห้องทำงานของศาสตราจารย์ดีดี้ มือเปิดจดหมายลาออกที่วางอยู่เงียบ ๆ บนโต๊ะ

จดหมายฉบับนี้ไม่ได้มีเวทมนตร์ลงไว้ แต่สลักเป็นคำที่เรียบง่ายที่สุด บันทึกถึงความทุกข์ภายในของศาสตราจารย์ดีดี้ในตลอดช่วงสิบปีที่ผ่านมา ทั้งยังบันทึกรายละเอียดของเหตุการณ์ล่าสุดด้วย

รูปแบบของการเขียนเปลี่ยนจากความมืดมนในตอนเริ่มต้นไปสู่ความรวบรัดในตอนท้าย

มันแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในใจของเธอ

“อย่างนี้นี่เอง” อาจารย์ใหญ่อาร์เต้อ่านจดหมายทั้งหมดอย่างละเอียด คิ้วที่ขมวดมุ่นของเธอก็ค่อย ๆ คลายลง

ต้นตอของเรื่องเริ่มต้นด้วยนักเรียนคนหนึ่งเข้าไปในทางลับโดยไม่ได้ตั้งใจ

นักเรียนที่หัวใจบอบช้ำเพราะความรักที่แตกสลายไม่ได้กลับออกจากทางลับในทันที แต่กลับเดินลึกเข้าไปในนั้น

เขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้ตามทางอย่างดาร์ก และไม่นานเขาก็หลงทาง

อาจารย์ใหญ่อาร์เต้ยังคงมีความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้อยู่ และศาสตราจารย์ดีดี้ก็ได้ช่วยชีวิตนักเรียนที่หายไปจากทางลับในท้ายที่สุด

นักเรียนใช้เวลานานกว่าจะรู้ตัวว่าเขาหลงทาง จากนั้นเขาก็ตกอยู่ในความสิ้นหวังท่ามกลางความหิวโหยและความกระหาย

เขาได้ตำหนิอดีตแฟนสาวของเขาว่าเป็นเหตุที่ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง เขาสะสมความเกลียดชังและความขุ่นเคือง แต่หลังจากสิ้นหวัง เขาก็เริ่มหวนคิดถึงความหอมหวานในอดีต และในที่สุดก็เดินต่อไปราวกับร่างไร้วิญญาณ ขณะที่สวดอ้อนวอนขอการอภัยและการไถ่บาปจากเหล่าทวยเทพ

ในขณะนั้นเอง วิหารของเทพธิดาแห่งจันทราพลันปรากฏขึ้น

ศาสตราจารย์ดีดี้ไม่ได้ค้นพบวิหารในตอนแรก และนักเรียนเองก็ปกปิดข้อมูลไว้

หลังจากนั้น เขาถูกสะกดด้วยจิตที่ยังคงตกค้างอยู่ของเทพธิดา เขาจึงได้ก่อตั้งลัทธิ ศึกษาการ์ดดอกไม้ และเริ่มซ่อมแซมรูปปั้น

เนื่องจากศาสตราจารย์ดีดี้ให้ความสนใจกับนักเรียนคนนี้ ในไม่ช้าเธอก็สังเกตความผิดปกติของเขา และจากนั้นก็พบการมีอยู่ของวิหารอย่างรวดเร็ว

แต่หลังจากพบว่านั่นเป็นวิหารของเทพธิดาแห่งจันทรา เธอก็ไม่ได้หยุดพวกเขาแต่อย่างใด

ร่องรอยของกาลเวลาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ บนร่างกายของเธอ และเธอก็ไม่สามารถยับยั้งความปรารถนาที่จะแสวงหาการรักษาได้

และแล้ว…

สังเกต ตรวจสอบ มีส่วนร่วม และปกปิด

เธอได้กระทำมันลงไปทุกอย่าง

หลังจากเหตุการณ์ของโรเบิร์ต เพื่อที่จะไม่ให้ศาสตราจารย์ซิลเวอร์ค้นพบถึงเรื่องราวนี้ เธอจึงได้ช่วยดาร์กปกปิดร่องรอยของเขาเมื่อเขาเข้าไปในทางลับเป็นครั้งแรกด้วย