ก่อนหน้านี้นางเคยได้ยินว่าตอนนั้นเผ่าหวงจินก่อกบฏ แอบขุดเหมืองแร่มากมายหลายแห่งเพื่อสะสมเงินทองซื้ออาวุธจากแคว้นอื่น ปริมาณทองคำสะสมลดลงอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้ไม่ได้มีผลผลิตมากมายเท่าไร เผ่าหวงจินในตอนนี้ไม่ได้สมคำร่ำลืออีกต่อไปแล้ว 

 

 

เกิดต้องการสัตว์หาทองขึ้นมากะทันหัน หรือว่าพบสายแร่อีกแล้ว? สัตว์หาทองค้นหาทองคำได้รวดเร็วอย่างยิ่ง เผ่าหวงจินรีบร้อนต้องการทองคำขนาดนี้ทำไมกัน? หรือว่าคิดจะกระทำเรื่องราวตอนนั้นอีกครั้ง? 

 

 

นางระมัดระวังเผ่าหวงจินมากกว่าชนเผ่าอื่น ด้วยเพราะผู้นำเผ่าหวงจินเป็นญาติจากการสมรสกับลูกชายและลูกสาวของซังต้ง ซังต้งมีลูกสาวคนหนึ่ง นางแต่งงานกับบุตรชายคนรองของผู้นำเผ่าหวงจิน ตลอดเวลาที่ผ่านมา เผ่าหวงจินกับตระกูลซังดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซ้ำยังมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเซวียนหยวนด้วย อีกทั้งท่ามกลางแปดชนเผ่า เผ่าหวงจินคือชนเผ่าหนึ่งซึ่งเป็นอิสระนอกเหนือตี้เกอมากที่สุด ชนเผ่านี้เดี๋ยวก่อกบฏเดี๋ยวยอมจำนน เดี๋ยวยอมจำนนเดี๋ยวก่อกบฏ เป็นชนเผ่าที่เลื่องชื่อว่าความทรยศเข้ากระดูกตามประวัติศาสตร์ต้าฮวง 

 

 

ขอแค่สัมพันธ์เกี่ยวข้องกับตระกูลซังและตระกูลเซวียนหยวน นางจะผ่อนคลายความระมัดระวังไม่ได้ 

 

 

จิ่งเหิงปัวไม่ได้รู้สึกดีกับชนเผ่านี้เลย มองจากคนหมู่บ้านนี้ก็รู้แล้ว พวกเขายอมลอบทำร้ายคนแปลกหน้าเพื่อให้ตนเองรอดชีวิต ไม่ยอมเจรจาใช้แต่กำลัง ถ้าบังเอิญว่าคนผ่านมาไม่ใช่พวกนาง แต่เป็นคนไม่มีวรยุทธ์กลุ่มหนึ่ง ตอนนี้น่าจะถูกวางยาสลบไสลจับมัดไปเป็นเหยื่อล่อกลางบึงโคลนแล้ว 

 

 

ยิ่งกว่านั้นพวกเขาใจคอเ**้ยมโหดต่อคนหมู่บ้านเดียวกันด้วย…จับฉลากได้บุตรชายปัญญาอ่อนของหญิงหม้ายที่ไม่มีที่พึ่งพักพิงโดยบังเอิญขนาดนั้นเชียว? 

 

 

ไม่ว่าคนอื่นจะเชื่อหรือไม่ แต่จิ่งเหิงปัวไม่เชื่อแน่นอน 

 

 

นางไม่อยากยุ่งเรื่องของชาวบ้าน เตะตาแก่ออกไปในเท้าเดียว เตือนพวกเขาว่าอย่าคิดเรื่องชั่วร้ายอีก จากนั้นก็คิดว่าจะไปนอนหลับสักตื่น แต่กลับรู้สึกขึ้นมากะทันหันว่าข้างกายคล้ายเงียบสงบเกินไป? 

 

 

เจ้าหมาโง่กับเฟยเฟยล่ะ? 

 

 

หลังจากเฟยเฟยดื่มสุราไปก่อนหน้านี้แล้วก็เหมือนจะออกไปข้างนอก? เดิมทีนางนึกว่ามันออกไปเดินเล่น คิดว่าเจ้าตัวนี้เก่งกาจอยู่แล้วจึงไม่ได้สนใจอะไร อีกทั้งต่อมาเกิดเรื่องราวมากมายเลยลืมมันไปแล้ว 

 

 

พอตอนนี้นึกถึงมันขึ้นมา ในใจก็อดจะกระตุกวูบไม่ได้ 

 

 

“เห็นเจ้าหมาโง่กับเฟยเฟยหรือไม่” นางถามทุกคน ทุกคนเพียงมองหน้ากันไปมา พอจิ่งเหิงปัวมองสีหน้าของทุกคนก็รู้ว่าแย่แล้ว สาวเท้าพรวดพราดวิ่งออกไปข้างนอกห้อง ถามชาวบ้านสองสามคนที่มาแอบมองอีกครั้งเหล่านั้นด้วยเสียงร้อนรนว่า “เห็นแมวสีม่วงกับนกแก้วจินกังบ้างหรือไม่” 

 

 

ทุกคนส่ายหน้าอย่างงงงวย มีเพียงเด็กคนหนึ่งที่ชี้ไปยังทิศทางหนึ่งอย่างขลาดกลัว เอ่ยว่า “ข้าเห็นแมวสีสันแปลกประหลาดยิ่งนักเดินไปทางนั้น ซ้ำยังเห็นนกเดินตามข้างหลังมันอย่างเงียบเชียบ…แมวตัวนั้นโซซัดโซเซ ท่าทางคล้ายเมาสุรา ข้าหวาดกลัว เลยไม่กล้าเดินตามไป…” 

 

 

พอจิ่งเหิงปัวหันหน้ามา ก็มองเห็นพอดีว่านั่นคือทิศทางสู่บึงโคลน 

 

 

… 

 

 

“สัตว์ประหลาดน้อยเมาสุราได้ด้วย!” 

 

 

“ยานอนหลับอาจจะส่งผลกระทบทำให้มันตื่นเต้นดีใจ?” 

 

 

“เจ้าหมาโง่ตามไปทำอะไรกัน เป็นห่วงมันหรือ?” 

 

 

“มันจิตใจดีงามขนาดนั้นเลยหรือ? น่าจะตามไปหวังมองดูเรื่องตลกขบขันเสียมากกว่า!” 

 

 

หนึ่งเค่อต่อมา จิ่งเหิงปัวกับเหยียลี่ว์ฉียืนอยู่ข้างบึงโคลนที่มีสัตว์หาทองในตำนาน นอกจากเปล่งแสงเล็กน้อยแล้ว บึงโคลนในยามราตรีก็ดูท่าทางไม่ได้แตกต่างจากพื้นราบมากนัก ส่วนลึกของความมืดมิดคล้ายมีเสียงประหลาดดังแว่วมา ส่วนลึกยิ่งขึ้นของความมืดมิดคือภูเขาสูงตระหง่านที่อยู่ข้างหลัง 

 

 

ด้วยเพราะกลัวว่าเจ็ดสังหารจะทำเสียเรื่อง พวกเขาจึงให้พวกเทียนชี่มัดพวกเฮฮาหลายตัวนั้นไว้ สองคนฉวยโอกาสในยามราตรีมายังข้างบึงโคลน เหยียลี่ว์ฉีเพิ่งจะจุดคบเพลิง เพื่อหวังเห็นสภาพแวดล้อมอย่างชัดเจน ก็พลันได้ยินเสียงกระพือปีกอย่างรวดเร็วระลอกหนึ่ง พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเจ้าหมาโง่กระพือปีกอยู่บนบึงโคลนอย่างบ้าคลั่ง บินพุ่งเข้ามา บินไปตะโกนไปว่า “แกว๊กๆ! แว้กๆ! แกว๊กๆ แกว๊กๆ แว้กๆ…” 

 

 

จิ่งเหิงปัวกับเหยียลี่ว์ฉีจ้องมองเจ้าหมาโง่อย่างตื่นตะลึง นึกไม่ถึงว่าเสียงนกร้องของเจ้าหมาโง่ยามไม่ท่องกลอนจะยั่วยวนเช่นนี้ 

 

 

เพียงแต่เจ้าหมาโง่ไม่ท่องกลอนแล้วด้วยซ้ำ ดูท่าทางสถานการณ์คงเร่งด่วนยิ่งนักเป็นแน่ 

 

 

เจ้าหมาโง่บินมาบริเวณใกล้เคียง คราวนี้จิ่งเหิงปัวถึงได้มองเห็นว่าขนนกของมันร่วงหายไปหลายเส้น พุ่มขนบนหัวที่หวงแหนที่สุดในยามปกติหลุดหายไปครึ่งหนึ่ง พัดพลิ้วเอนเอียงอยู่บนศีรษะ 

 

 

“หมาโง่ เกิดเรื่องใดขึ้น!” 

 

 

“ยามสายัณฑ์ผ่านพ้นกลางต้นซิ่ง ปีศาจวิ่งเข้าฝันกันทั้งฝูง!” เจ้าหมาโง่กระโดดขึ้นบนหัวไหล่นาง ปีกชี้ไปยังความมืดมิดข้างหน้า 

 

 

“ข้าไปดูเอง” เหยียลี่ว์ฉีฉวยมือหยิบบานประตูที่แบกมาขึ้น กะพริบกายเฉียดออกไป 

 

 

เรือนร่างขึ้นลงหลายครั้ง เขามาถึงตรงกลางบึงโคลนแล้ว ปราดแรกมองเห็นข้างหน้ามีแสงสีม่วงแสงสีดำเปล่งประกายระยิบระยับ เสียงคำรามขู่ฟ่อดังต่อเนื่องคล้ายกำลังต่อสู้กันเป็นกลุ่ม เหยียลี่ว์ฉีสะบัดแขนเสื้อเพียงครั้งวางบานประตูลง เรือนร่างเพิ่งร่วงหล่นบนบานประตู บานประตูก็สะเทือนเล็กน้อย จิ่งเหิงปัวเองก็มาถึงแล้วเช่นกัน 

 

 

เหยียลี่ว์ฉีตกใจเล็กน้อย เหลือบตามองเอ่ยว่า “การหายตัวของเจ้ารวดเร็วแม่นยำขนาดนี้ตั้งแต่ยามใด?” 

 

 

“ทะลวงเส้นลมปราณเริ่นและตูแล้ว วรยุทธ์เทพจึงพัฒนาขึ้นมาก” จิ่งเหิงปัวมัวเป็นห่วงเฟยเฟย จึงกล่าวตอบออกไปอย่างเหลวไหล ดวงตาหรี่มองท่ามกลางความมืดมิด มองเห็นเงาสีดำขนาดเท่ากระต่ายหลายกลุ่มหลายก้อนขึ้นลงไปมาบนบึงโคลนอย่างเลือนราง ท่าทางรวดเร็วอย่างยิ่ง ทอดยาวเหยียดกลายเป็นเส้นสีดำปานสายฟ้าแลบนับไม่ถ้วน มองเห็นแค่ดวงตาที่แพรวพราวดุจทับทิมกับเขี้ยวยาวขาวราวหิมะที่โผล่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ภายในฝูงเงาดำนั้น เฟยเฟยพุ่งชนกระแทกดุจแสงม่วงกลุ่มหนึ่ง ทางนี้ถีบเท้าหนึ่ง ทางนั้นกัดครั้งหนึ่ง ต่อสู้จนขนสัตว์ปลิวว่อน โคลนเลนกระเซ็นไปทั่วทิศ 

 

 

จิ่งเหิงปัวเห็นแล้วเดือดดาล 

 

 

สัตว์จำนวนมากรังแกสัตว์จำนวนน้อย? 

 

 

ไม่รู้หรือว่าพี่ถูกเรียกว่าสัตว์ป่าผู้เลิศล้ำทั่วหล้า? 

 

 

ดวงตาเหลือบมอง เห็นบนโคลนเลนมีของจิปาถะลอยอยู่มากมาย ทั้งกิ่งไม้ก้อนหินซากสัตว์ แขนเสื้อของนางพลันสะบัดครั้งหนึ่งแล้วหยุดค้าง 

 

 

เสียงเพียะๆ ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง โคลนเลนสาดกระเซ็น กิ่งไม้โครงกระดูกก้อนหินบนบึงโคลนเหล่านั้นพลันถูกลากขึ้นมา ลอยสู่กลางอากาศ 

 

 

บนฝั่งไกลออกไปนั้นมีแสงคบเพลิงสว่างวูบ ชาวบ้านรีบตามมาดูการต่อสู้แล้ว แสงไฟสาดส่องบึงโคลนให้สว่างไสว พอทุกคนเงยหน้าก็พลันมองเห็นเงาด้านหลังของสตรีกลางบึงโคลน เพรียวบางแช่มช้อย สองมือชูขึ้นสูง แขนเสื้อกว้างปลิวว่อน ด้วยสองมือที่ชูขึ้นสูงของนาง สิ่งของที่ลอยล่องบนทั่วทั้งบึงโคลน พลันเหินขึ้นมาหยุดค้างกลางอากาศ! 

 

 

ความเงียบสงัดในพริบตาหนึ่ง ภายในดวงตาที่เบิกกว้างเต็มไปด้วยความงงงวย 

 

 

ชั่วครู่ ก็มีเสียงตะโกนว่า “ท่านเทพ!” พาให้ทุกคนได้สติขึ้นมา คนส่วนใหญ่คุกเข่าพุ่งลงไปดังสวบ 

 

 

ตรงกลางบึงโคลนนั้น เงาดำกลุ่มนั้นถูกแสงไฟรบกวน พอเงยหน้าขึ้นมองเห็นกิ่งไม้ก้อนหินที่หยุดค้างทั่วท้องฟ้าเช่นกัน ทุกตัวตกตะลึง 

 

 

จิ่งเหิงปัวใช้สองมือกระแทกลงไปข้างล่างอย่างรุนแรง! 

 

 

“รังแกสัตว์ของข้า ไปตายซะ!” 

 

 

ของจิปาถะทั่วท้องฟ้าพุ่งคำรามลงมา 

 

 

เสียงดังพลึ่กพลั่กพลึ่กพลั่ก ข้างบนข้างล่างบึงโคลนเกิดฝนโคลนหินระลอกหนึ่ง ส่วนยอดของวงล้อมกระแทกสัตว์หาทองฝูงนั้นอย่างรุนแรง สัตว์หาทองฝูงนั้นถูกชนจนมึนงงวิงเวียน ล้มเลิกแนวขบวนโดยพลัน กรีดร้องพลางวิ่งหนีทั่วทิศ เฟยเฟยฉวยโอกาสกระโจนขึ้นไป กำปั้นต่อยเสือร้ายภูเขาใต้ ปลายเท้าเตะมังกรทะเลเหนือ คว้าพวกที่หลบหนีช้าเหล่านั้นไว้ กรงเล็บหนึ่งตบจนหมอบราบ อีกกรงเล็บหนึ่งใช้โคลนหุ้มเป็นกลุ่มก้อน ตบลงไปในบึงโคลนอย่างรุนแรง 

 

 

“เฟยเฟย จับเป็นหลายตัวหน่อย!” จิ่งเหิงปัวสะบัดสองมืออย่างต่อเนื่อง กระชากสัตว์หาทองที่ถูกเฟยเฟยหุ้มเป็นโคลนเหล่านั้นออกมาจากภายในโคลนอีกครั้ง กระแทกบนหัวของสัตว์หาทองที่รอดตายอย่างรุนแรง การใช้ความคิดควบคุมสิ่งของของนางปลดปล่อยออกมาถึงระดับสูงสุดแล้ว เป็นเพียงความคิดชั่ววูบเดียว คนหรือสัตว์ธรรมดาตามความเร็วของนางไม่ทัน บนบึงโคลนมีเสียงทึบดังพลั่กๆๆ ระลอกหนึ่ง สัตว์หาทองล้มลงอย่างต่อเนื่อง ถูกเฟยเฟยคว้าผิวหนังบริเวณหัวไว้ เหวี่ยงลงบนบานประตูอย่างรุนแรง ชั่วครู่เดียวเหวี่ยงลงบนบานประตูเป็นกองเล็กกองหนึ่ง 

 

 

เดิมทีเหยียลี่ว์ฉีตระเตรียมที่จะลงมือ ยามนี้มองนางก็แสดงพลานุภาพครั้งยิ่งใหญ่ ยิ้มแย้มถลกแขนเสื้อขึ้นเสียเลย ชื่นชมท่วงท่าห้าวหาญของนางภายใต้แสงไฟ 

 

 

ภายในดวงตาของเขามีความชื่นชมแผ่วบางเวียนวน…แต่ก่อนมักรู้สึกว่าสตรีบอบบางเพริศแพร้วถึงนับว่าเป็นความงดงาม ทว่าบัดนี้กลับรู้สึกว่าสตรีงดงามผู้อยู่ท่ามกลางไอดุร้ายและความหนาวสะท้าน ดุจดั่งมีดโค้งกันคิ้วจากแขนเสื้อแดงเล่มหนึ่ง พาให้นัยน์ตาตะลึงพรึงเพริดได้เช่นเดียวกัน 

 

 

ชาวบ้านที่อยู่บนฝั่งกำลังร้องยินดี สัตว์หาทองมากมายขนาดนั้น หากส่งให้ทางการ ไม่เพียงแต่ทำภารกิจสำเร็จ ซ้ำยังได้รับรางวัลมากมาย! 

 

 

“พอแล้ว!” เหยียลี่ว์ฉีพลันตะโกนลั่นว่า “หนักเกินไปแล้ว! ระวังบานประตูรับไม่ไหว!” 

 

 

จิ่งเหิงปัวได้สติขึ้นมา พอก้มหน้ามองก็เห็นบานประตูจมลงเล็กน้อยแล้ว ประตูบานนี้แบกรับน้ำหนักของตนเองกับเหยียลี่ว์ฉีสองคนพอดี พอเพิ่มสัตว์หาทองหลายตัวที่พอกด้วยโคลนจึงแลดูหนักอึ้ง นางสะบัดแขนเสื้อเพียงครั้ง สัตว์หาทองที่อยู่บนบานประตูเหินขึ้นกลางอากาศ ข้ามผ่านบึงโคลนหลายจั้ง ทับถมลงบนฝั่งอย่างหนักหน่วง 

 

 

ชาวบ้านที่อยู่บนฝั่งกระโดดโลดเต้นพลางพุ่งเข้าไป รีบเร่งมัดสัตว์หาทองไว้ 

 

 

สายตาตกตะลึงของเหยียลี่ว์ฉีแปรเปลี่ยนเป็นตรวจสอบแล้ว…ความสามารถพิเศษของจิ่งเหิงปัวคล้ายก้าวหน้าลึกล้ำ แต่ก่อนแม้นางใช้ความคิดควบคุมสิ่งของได้ ทว่าไม่ราบรื่นปานนี้เป็นแน่ ยามแขนเสื้อยาวปลิวว่อนผุดเผยทิศทางความคลุ้มคลั่งรำไร อาศัยเพียงท่าทางแสดงอำนาจคล้ายมีความรู้สึกดั่งกลืนกินสายลมมวลเมฆ 

 

 

ก่อนหน้านี้เป็นเพราะนางซุกซ่อนเอาไว้หรือความสามารถที่ซ่อนเร้นถูกปลุกให้ตื่นฟื้นแล้วกันแน่? 

 

 

ยิ่งกว่านั้นนางยังมียาพิษอยู่ภายในร่างกาย หากหายเป็นปกติจะมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไร?