บทที่ 941 ตึกแห่งความตาย

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

ในเวลาสั้นๆ เพียงสองนาที…หลังจากช่วงเวลานี้ผ่านไป จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกันแน่…

หลังจากที่พวกเขาเดินลัดเลาะมาจนถึงอาคารหลังหนึ่ง หลิงม่อก็ดึงแขนสวี่ซูหาน บอกเสียงเบาว่า “ถึงตรงนี้ก็พอแล้ว เธอจำเส้นทางไว้หมดแล้วใช่ไหม?”

“อืม จำไว้แล้ว…” สวี่ซูหานพยักหน้า

“ตอนนี้กลับไป แล้วแอบพาอวี่เหวินซวนกับเจ้าลิงผอมออกมาเงียบๆ ส่วนคนอื่นๆ ให้พวกเขาอยู่ในอาคารต่อไป จะให้ดีที่สุดจัดคนมาเฝ้าที่หน้าต่างคนหนึ่งด้วย สรุปคือ เธอต้องทำเหมือนทุกอย่างปกติดี นอกจากนี้…บอกพวกเขาให้เตรียมตัวได้เลย ถ้าหากทุกอย่างราบรื่น เวลาพักผ่อนของพวกเขาก็ใกล้จบลงแล้ว อีกอย่าง สิ่งที่รออยู่ก็ไม่ใช่เรื่องหมูๆ อย่างแน่นอน…” หลิงม่อบอก

“ฉันเข้าใจแล้ว” สวี่ซูหานตอบรับ พลางลอบคำนวณในใจเงียบๆ “สามสิบวิ เวลาเท่านี้มากพอให้ไปกลับได้แล้ว…เดี๋ยวก่อน ยังต้องคำนวณเวลาที่พวกอวี่เหวินซวน…ยังไม่ต้องพูดถึงความเร็วของอวี่เหวินซวน ศักยภาพร่างกายของเจ้าลิงผอมแย่กว่ามาก แต่ถึงแม้อย่างนั้น อย่างมากก็น่าจะใช้เวลาแค่หนึ่งนาทีล่ะมั้ง? เขาคำนวณไว้หมดแล้ว? เขาจะจัดการปัญหาทุกอย่างภายในหนึ่งนาทีนี้งั้นหรอ?”

สวี่ซูหานทอดมองไปที่อาคารหลังนั้นด้วยสายตาแฝงความนัยลึกซึ้ง ถึงแม้ภายนอกดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ไม่รู้ทำไม เธอกลับรู้สึกหวาดผวารางๆ แล้ว ความรู้สึกนี้อ่อนมาก อ่อนจนกระทั่งแม้แต่เสี่ยวป๋ายก็ไม่รู้สึก ถ้าไม่ใช่เพราะสวี่ซูหานขี้กลัวกว่าปกติ บางทีเธออาจไม่ตระหนักถึงมันก็ได้

แต่ขนาดเธอที่ไม่รู้เรื่องอะไรยังมีความรู้สึกอย่างนี้ ก็ไม่แปลกที่ถังฮ่าวจะตกใจถึงขนาดนั้น…

“แต่ว่า หลิงม่อไม่มีทางทำเรื่องที่ไม่มั่นใจแน่นอน…ก่อนจะมา เขาน่าจะถามเรื่องเกี่ยวกับที่นี่อย่างชัดเจนแล้วล่ะมั้ง?”

คิดถึงตรงนี้ สวี่ซูหานจึงหมุนกายเปลี่ยนทิศ และโฉบร่างหายไปอย่างรวดเร็ว

“เร็วมาก…” ถังฮ่าวมองปากอ้าตาค้าง ถึงแม้เขาจะประเมินพวกหลิงม่อไว้สูงแต่แรกแล้ว แต่หลังจากได้เห็นกับตา ถังฮ่าวกลับรู้สึกว่าตัวเองยังคงดูเบาคนกลุ่มนี้มากเกินไป

นอกจากอุปกรณ์เสริม ข้อได้เปรียบที่ดีที่สุดของพวกหลิงม่อไม่ใช่พลังพิเศษ แต่เป็นประสบการณ์รับมือกับศัตรูอันช่ำชอง รวมถึง…

“ความใจเย็นของผู้นำทีม…” ถังฮ่าวจ้องหลิงม่อด้วยสายตาสับสน พลางลอบคิดในใจ จนถึงตอนนี้ นอกจากหลิงม่อแล้วเขาเพิ่งจะเคยเจอพรรคพวกของอีกฝ่ายแค่สองคนเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะคนไหน เขาก็มองเห็นสิ่งที่พิเศษจากตัวทั้งสอง…

ความเชื่อใจ…ไม่ใช่แค่ความเชื่อใจที่เกิดจากความเชื่อมั่นในความสามารถ แต่เป็นสิ่งที่ประหลาดกว่านั้นมาก…

“เพื่อการแข่งขันเอาตัวรอด…ไม่ใช่แค่ระหว่างคนกับซอมบี้ และไม่ใช่แค่ระหว่างคนกับคนเท่านั้น บางทีมันก็รวมไปถึงระหว่างพวกพ้องเดียวกัน กระทั่งระหว่างตัวเองด้วย…”

ถังฮ่าวค่อยๆ หรี่ตาเล็กลง ทันใดนั้นเขาเผยสีหน้าเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้

“สาเหตุที่เขาทำให้คนอื่นเชื่อใจได้ เพราะเขาไม่ได้กำลังหาทางให้ตัวเองรอดแค่คนเดียวสินะ? เหมือนกับที่เขาปฏิบัติต่อเด็กผู้หญิงคนนั้น…หรืออาจจะรวมถึงคนอื่นๆ ด้วย หึหึ ก็จริง มีคนแบบนี้อยู่ข้างๆ ไม่แปลกที่คนรอบตัวเขาคงจะได้รับอิทธิพลจากทุกการกระทำของเขา”

แต่ระหว่างที่เขากำลังคิดอยู่นั้น อยู่ๆ สายตาของถังฮ่าวก็แปรเปลี่ยนเป็นชั่วร้ายขึ้นมาอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ก่นด่าในใจอย่างโกรธแค้น “แต่คนประเภทที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือคนแบบแกนี่แหละ! แกคงจะมีคนรักอยู่ข้างกายด้วยสินะ? ไม่ก็ญาติ? แต่แกมีสิทธิอะไร…แกมีสิทธิอะไรถึงได้มีพวกเขาอยู่ข้างกายได้? ไม่น่าล่ะ! ไม่น่าล่ะฉันถึงได้เกลียดขี้หน้าแกนัก ที่แท้เพราะแกไม่เคยสัมผัสความสิ้นหวังเหมือนพวกฉันนี่เอง!”

“หึหึหึ ก็ดีเหมือนกันนะ ก็ดีเหมือนกัน! รอให้แกตายก่อน พวกนั้นจะต้องเสียใจมากแน่ๆ…พวกเขาจะต้องกลายเป็นเหมือนฉัน เป็นเหมือนกับฉัน…” เสี้ยววินาทีหนึ่ง สีหน้าของถังฮ่าวพลันแปรเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่ง แต่ผ่านไปเพียงหนึ่งวินาที อยู่ๆ เขากลับแค่นยิ้มเบาๆ แล้วปรับสีหน้าเป็นปกติ

“แกจะตายอยู่ที่นี่…”

เขาลอบสาปแช่งในใจ พลางค่อยๆ หลุบเปลือกตาต่ำลง

ความหวาดกลัวกลับมาฉายอยู่บนใบหน้าเขาอีกครั้ง ราวกับมีหน้ากากผุดขึ้นมาจากกลางอากาศอย่างรวดเร็ว…

ขณะเดียวกัน หลิงม่อกลับเหลือบมองไปยังมุมกำแพงมุมหนึ่ง และลอบสังเกตการณ์อาคารหลังนั้นอย่างเงียบๆ

ไม่กี่วินาทีต่อมา อยู่ๆ เขาก็เดินออกไปจากที่ซ่อนตัว แล้วโบกมือ “ไป!”

แถวๆ อาคารหลังนั้นไม่มีซอมบี้อยู่ซักตัว แต่เพราะความเงียบที่ผิดปกตินี้ กลับทำให้บรรยากาศโดยรอบดูแปลกกว่าเดิม บวกกับรอบด้านที่เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างแน่นขนัด นั่นยิ่งทำให้คนอดรู้สึกเหมือนกำลังถูกล้อมอยู่ไม่ได้ โดยเฉพาะหน้าต่างมืดๆ ที่อยู่รอบๆ เหล่านั้น เหมือนดวงตาที่กำลังจ้องมองพวกเขาอย่างไม่ประสงค์ดีอย่างไรอย่างนั้น

ความเร็วในการเคลื่อนไหวของหลิงม่อกับเสี่ยวป๋ายไม่ถือว่าเร็วมาก แต่ไม่นานพวกเขาก็เข้าไปใกล้อาคารหลังนั้น

ก่อนจะเข้าไป เขากลับทำเรื่องที่ถังฮ่าวไม่ค่อยเข้าใจนัก…

“แกร๊ก…”

เมื่อประตูหลักถูกลงกลอนอย่างแน่นหนา หลิงม่อก็เผยรอยยิ้มเย็นชาออกมาเบาๆ

เขาตบมือ แล้วหันไปมองรอบตัว “คราวนี้ก็ไม่มีทางออกอื่นเหลือแล้ว”

“ข้างในอันตรายมาก…” ถังฮ่าวอดเตือนไมได้

“ฉันรู้” หลิงม่อกลับพูดอย่างไม่สนใจ

“รู้บ้าอะไรวะ!” ถังฮ่าวอดแอบด่าเขาในใจไม่ได้ เขาในตอนนี้ไม่ได้ต่างไปจากเวลาปกติแม้แต่น้อย แม้แต่การเปลี่ยนแปลงด้านดวงจิตที่เลือนรางมาก ก็แทบมองไม่ออก…เขาในตอนนี้ กับเขาที่มีสีหน้าชั่วร้ายเมื่อกี้ เหมือนเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง…และเรื่องนี้ คล้ายว่าตัวถังฮ่าวเอง ก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน…

“แต่ว่า ถึงแม้ฉันเป็นคนบอกแผนการให้รู้ แต่ฉันก็เดาไม่ออกเหมือนกันว่าไอ้หลิงม่อจะทำอะไรหลังจากที่รู้ข้อมูลพวกนั้นบ้าง…”

โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของหลิงม่อในตอนนี้ ซึ่งอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาไปมาก…

เดิมทีเขานึกว่าหลิงม่อจะรอให้ทีมเสริมมาถึงก่อน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่หลิงม่อจับตาดูทางออกที่สองนี้ไว้แล้ว เขากลับสอดมือเข้าในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินกลับมายังประตูหน้าอีกครั้ง

“หมอนี่กำลังรนหาที่ตายหรือไงวะ…” ถังฮ่าวเพิ่งจะคิดอย่างสังหรณ์ใจไม่ดี ก็เห็นหลิงม่อเดินนำออกไปก่อนแล้ว

และเสี่ยวป๋ายก็รีบสะบัดหัวแล้วเดินตามออกไป บังคับให้ถังฮ่าวต้องเข้าใกล้ประตูใหญ่อันมืดมิดบานนั้นไปด้วย…

“แอ๊ด…”

พอก้าวเท้าเข้าไปในอาคาร กลิ่นฉุนรุนแรงกลิ่นหนึ่งก็พุ่งเสียดแทงจมูกทันที

และหลิงม่อที่เพิ่งจะเดินไปไม่กี่ก้าว ก็เหมือนจะเหยียบโดนอะไรบางอย่างที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เข้า

“แบตเตอร์รี่” หลิงม่อก้มลงหยิบสิ่งที่เขาเหยียบโดนขึ้นมา แล้วมองดูสองสามรอบ “เหมือนจะเพิ่งถูกทิ้งได้ไม่นาน” พูดไป อยู่ๆ เขาก็กันไปมองถังฮ่าว “พวกแกมาที่นี่ต้องใช้ไฟฉาย?”

“เวลากลางคืน…” ถังฮ่าวอธิบาย

พอมาถึงที่นี่ เสียงพูดของเขาก็เบาลงมาก เหมือนกลัวว่าจะไปรบกวนอะไรเข้า

“มาที่นี่กลางคืน?”

เสียงของหลิงม่ออาจฟังดูเหมือนสงสัย แต่ถังฮ่าวเพิ่งทำท่าเหมือนอยากจะอธิบายอะไรบางอย่าง ก็พบว่าหลิงม่อเก็บแบตเตอร์รี่ก้อนนั้นใส่กระเป๋า จากนั้นก็เดินลึกเข้าไปในห้องโถงใหญ่

“คนล่ะ?” เขาถามโดยไม่หันมามอง

“น่าจะอยู่ในนี้นั่นแหละ…” ถังฮ่าวตอบ

ในตอนนี้เอง ท่ามกลางห้องโถงใหญ่อันมืดมิด กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ ทันที…

—————————————————————————–