“ในเมื่อข้าได้รับการสืบทอดมรดกของท่าน เช่นนั้นแล้วพวกนั้นที่ตามฆ่าเราที่รออยู่ด้านนอก ข้าควรเตรียมของขวัญชุดใหญ่ไว้ให้พวกเขา” ดวงตาของมู่เฉียนซีฉายแววเย็นยะเยือก
ผู้เฒ่าประหลาดยิ้มมุมปาก “พิษหลากชนิดได้เตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว มีคนกล้ามาตามฆ่าสังหารเจ้า เช่นนี้จะต้องสั่งสอนพวกมันให้รู้สึกกันเสียบ้าง”
“จงรีบปรุงมันเถิด! ในตอนที่พลังที่เหลือเล็กน้อยของข้ายังไม่หายไป ข้าจะส่งเจ้าออกไป”
อย่างไรเสียวัตถุดิบก็มีเพียงพอแล้ว มู่เฉียนซีจึงได้เริ่มปรุงยาอย่างบ้าคลั่งเพื่อที่จะให้แน่ใจว่าเมื่อตอนออกไปนั้นนางจะมียาพิษมากพอที่จะเอาไปถมคนพวกนั้นให้ตายทั้งเป็นได้
ผู้เฒ่าประหลาดหัวเราะสะใจ เขากล่าว “ฮ่า! แม่สาวน้อยเจ้าช่างร้ายเสียจริง ของพวกนี้ ต่อให้เป็นผู้ที่เป็นถึงระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นสูงก็ยังต้านทานได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังอยู่ในบึงหมื่นพิษของเรา พวกนั้นต้องตายอย่างแน่แท้”
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ผู้เฒ่า ส่งพวกเราไปจากที่นี่เถอะ เรื่องของท่านข้าไม่ลืมแน่”
ผู้เฒ่าประหลาดกล่าวขึ้น “ดี! ข้าจะรอคอยให้เจ้าเติบโตขึ้นมาและไปช่วยสหายเก่าของข้า”
ทันใดนั้นแสงสีม่วงปรากฏขึ้นมาห่อหุ้มร่างนางไว้ จากนั้นนางก็ได้หายไปจากกลางถ้ำหมื่นพิษ
— ฟึ่บ! —
ทันใดนั้นที่ทะเลสาบสีดำก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้น ทำให้คนชุดขาวที่คอยดักอยู่รอบ ๆ ทะเลสาบตื่นตัวขึ้นมา
“ศิษย์พี่รอง!”
— พรึ่บ! —
คนเหล่านั้นล้อมด้านต่าง ๆ ของทะเลสาบเอาไว้ เพราะคิดที่จะจับพวกมู่เฉียนซีในทันทีที่พวกเขาออกมา
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
ร่างมู่เฉียนซีนั้นยังไม่ทันจะออกมา แต่ทว่ากลับมีเข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาราวกับดอกไม้ที่โรยร่วงจากต้น ปลิวอยู่กลางอากาศ
สีหน้าของพวกคนชุดขาวพลันหม่นคล้ำ “เจ้าเด็กบัดซบ ชอบเล่นอะไรพิเรนท์นัก”
ต่อมาเงาร่างสีเขียวโผล่ออกมาจากทะเลสาบ เขาสะบัดมืออย่างคล่องแคล่วไปทุกทิศทุกทาง ในตอนนั้นเอง กระสุนพิษหลากชนิดกระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดทาง
— ตูม! —
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นที่ด้านข้างของทะเสสาบ กลุ่มควันดำทะมึนพลันเข้าปกคลุมบดบังทัศนวิสัยของพวกนั้นในทันที
“พิษ! พิษร้าย!”
สีหน้าของพวกคนชุดขาวเปลี่ยนไปอย่างมาก เวลานี้ของล้ำค่าเหล่านั้นที่ติดตัวพวกเขา เริ่มเอาพิษเหล่านั้นไม่อยู่เสียแล้ว
บัดซบดีแท้! พวกเจ้าหนุ่มนี่เข้าไปในทะเลสาบเพียงไม่นาน เหตุใดถึงได้มีพิษร้ายมากมายเช่นนี้
ท่ามกลางกลุ่มควัน เข็มยาจำนวนนับไม้ถ้วนประหนึ่งบินลอยออกมา ทั้งผงพิษ เข็มพิษ และหมอกพิษ
เข็มยาพิษของมู่เฉียนซีถูกปล่อยออกไปอย่างไม่หยุดยั้งดั่งเม็ดทรายที่ถูกขว้างปาอย่างไม่เสียดาย ทำให้คนชุดขาวกลุ่มนั้นแทบจะร่างแตกสลาย พวกเขาตกอยู่ในวังวนของความโกลาหล
เงาร่างสีขาวอันละเอียดนั้นได้วาบผ่านไปดั่งสายฟ้าฟาด กรงเล็บที่คมกริบไร้สุ้มเสียงนั้นเข้าฆ่าฟันอย่างไร้ความปราณี
อู๋ตี้ทำให้ร่างของตนเองล่องหนหายไป มันซ่อนร่างมันไว้ในความว่างเปล่าแล้วเข้าโจมตี แม้แต่ผู้ที่มีฝีมือขั้นสูงถึงระดับจักรพรรดิแห่งภูตก็ทำได้เพียงแต่ยอมรับในชะตากรรม
เสี่ยวหงนั้นยิ่งร้ายไปกว่าอู๋ตี้มากมายนัก ในขณะที่พวกคนชุดขาวตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวาย มัวแต่รวบรวมพลังวิญญาณเพื่อที่จะมาป้องกันพิษร้าย ลูกไฟลูกใหญ่ม้วนตัวพุ่งเข้ามาอย่างโหดเหี้ยม หมายใจว่าจะกลืนกินทุกสิ่งอย่างตรงหน้า
ทางด้านชิงอิ่ง เขาเหมือนดั่งเทพแห่งความตายที่ไร้ความรู้สึก และได้เกี่ยวคร่าเอาชีวิตของเหล่าคนชุดขาวที่หมายจะทำร้ายคนผู้เดียวที่เขาต้องการจะปกป้อง
— ปัง! ปัง! ปัง! —
เพียงสู้กันไปไม่นาน ก็ทำให้พวกคนชุดขาวได้รับบาดเจ็บกันอย่างหนัก
พิษแพร่กระจายไปทั่วทั้งในอากาศและพื้นดิน กอปรกับการที่ที่นี่เป็นบึงหมื่นพิษ สถานการณ์ของกลุ่มคนชุดขาวนั้นถือว่าไม่ดีเป็นอย่างมาก
สีหน้าของพวกเขายิ่งนานเข้ายิ่งดูอัปลักษณ์ หนึ่งในคนพวกนั้นกล่าวขึ้น “ถอยกันก่อนเถอะ!”
“ใช่ รีบไป!”
พวกเขาต้องรีบออกไปให้เร็วที่สุด เมื่อถึงเวลานั้นค่อยให้ศิษย์พี่ใหญ่หรือผู้อาวุโสของสำนักมาจัดการ เด็กหนุ่มปีศาจผู้นี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะจัดการได้ด้วยตนเอง
พวกเขานั้นฝ่าฟันออกมาอย่างยากลำบาก แต่ทว่าทางที่หลบหนีออกมาก็มีกับดักที่ได้ถูกวางเอาไว้ด้วยพิษชนิดต่าง ๆ
โทสะแล่นเข้าทำร้ายจิตใจพวกเขาอย่างหนัก พวกเขาโกรธจนดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ “บัดซบ! แม้แต่ยาระบาย เจ้าหนุ่มนั่นก็ยังเอามาใช้”
“อ๊าก!”
“คัน! คันยิ่งนัก!”
“ช่างร้อนเสียจริง!”
คนชุดขาวเหล่านั้นประเมินเด็กหนุ่มมู่ซีที่น่ากลัวผู้นี้ต่ำไป นอกจากยาพิษที่เป็นพิษร้ายแรงแล้ว ยาที่เป็นพิษธรรมดาทั่วไปที่ผู้อื่นมักจะไม่นึกระวัง ก็ได้ถูกมู่ซีนำมาใช้แทบทุกชนิด
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่มันก็ทำให้เกิดความวุ่นวายเป็นอย่างมากแก่คนชุดขาวเหล่านั้น
เสี่ยวหง อู๋ตี้ และชิงอิ่งเคลื่อนไหวดุจดั่งโคจรเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม ทั้งสามทิศทางที่พวกเขาโคจรอยู่นั้นได้ล้อมพวกคนชุดขาวเอาไว้ตรงกลาง
เดิมทีเป็นพวกนั้นที่จะล้อมฆ่ามู่เฉียนซี ทว่าตอนนี้ได้เกิดการสลับตัวนักแสดงขึ้นเสียแล้ว
ในยามนี้ใบหน้าของพวกเขาหม่นคล้ำลง พลังวิญญาณทั้งตัวก็ใช้ได้ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไรแล้ว ศิษย์พี่รองผู้นั้นชำเลืองมองไปทางมู่เฉียนซีด้วยสายตาชั่วร้ายก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้าหนุ่ม ข้าจะฆ่าเจ้า!”
แม้ว่าพลังของเขาจะลดลงอย่างน่าสังเวช แต่ก็ยังเพียงพอที่จะรับมือกับระดับปรมาจารย์ภูตคนหนึ่งได้
“เหอะ! แน่ใจรึ ? ต่อให้เจ้าดิ้นรนให้ตายก็ไม่รอดจากเงื้อมมือข้า!” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเย็นชา ชักกระบี่มังกรเพลิงออกมาในทันใด
นางตวัดกระบี่ออกไปไม่รอช้า “มังกรเพลิงสังหาร!”
พลังจากกระบี่นั้นรุนแรงนัก แม้ผู้ใช้ท่ามังกรเพลิงสังหารนี้เป็นเพียงระดับราชาแห่งภูตก็ตามที ไม่ว่าจะผู้ใดก็ยังไม่สามารถต้านทานท่านี้ได้อย่างง่ายดาย
ณ ตอนนี้พลังของมู่เฉียนซีนั้นไม่แค่เพียงขั้นของจอมภูตอีกต่อไป
— ตูม! —
คนอื่น ๆ นั้นเห็นศิษย์พี่ใหญ่โดนกระบี่ของมู่ซีฟันกระเด็นออกไป บนร่างของผู้นั้นก็ยังมีเลือดไหลออกมาจากแผลที่เป็นรูขนาดใหญ่น่าสะพรึงกลัว
พวกเขาตกใจมาก เจ้าเด็กหนุ่มวิปริตผู้นี้แข็งแกร่งขึ้นไปกว่าเดิมอีกแล้ว เช่นนี้ศิษย์พี่รองของพวกเขาก็ยิ่งไม่สามารถต่อกรกับเจ้าเด็กนั่นได้ ไม่ต้องพูดถึงหุ่นเชิดรบและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเขาเลย
“อย่าฆ่าพวกเรา! อย่าฆ่าพวกเราเลย…”
เวลานี้นั้น พวกเขารู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่าชะตาชีวิตของพวกเขาไม่ได้อยู่ในกำมือของตัวเองอีกต่อไป หากอีกฝ่ายต้องการที่จะสังหารพวกเขา ก็เพียงแค่ใช้พิษหรือขยับกระบี่เท่านั้น
ศิษย์พี่รองลุกขึ้นจากกองเลือดอย่างยากลําบาก กระบี่ของมู่เฉียนซีมีพลังเป็นอย่างมาก ทว่าเขามีเกราะของจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าอยู่ จึงไม่ได้ถูกโจมตีสิ้นลมหายใจไปในครั้งเดียว
เขากล่าวเสียงแหบพร่า “เจ้าหนุ่ม ข้าเป็นหมอเทวดาแห่งสำนักเอ้อชิง หากเจ้ากล้าฆ่าพวกเรา หัวหน้าสำนักของข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ หากว่าเจ้ารู้แล้ว ก็จงรีบให้ยาแก้พิษและปล่อยพวกเราเสีย”
พวกเขาเกิดมาเป็นศิษย์ของสำนักเอ้อชิง แม้ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากเช่นนี้ ก็ยังจะทำตัวสูงส่งเช่นเดิม
มู่เฉียนซีตะลึงงัน เพราะผู่เฒ่าผู้นั้นเพิ่งจะบอกกับนางว่าเขาได้ถูกผู้อาวุโสของหุบเขาหมอเทวดาทำร้าย จึงฝากให้นางนั้นล้างแค้นให้
ในตอนนี้คนพวกนี้มาหาถึงที่ แล้วยังกล่าวอีกว่าเป็นคนของหุบเขาหมอเทวดา ช่างบังเอิญเสียจริง!
ศิษย์พี่รองจงใจกล่าว “ทวีปเซี่ยโจวเล็ก ๆ นี้ไม่สามารถทนรับโทสะของอาจารย์ของข้าได้ หากเจ้ากล้าก็ลองลงมือ ลองดูสิเจ้าหนุ่ม!”
ในสำนักเอ้อชิงนั้นมียอดฝีมือระดับจักรพรรดิที่ตำแหน่งเหนือชั้นอยู่ด้วย อีกทั้งผู้เป็นศิษย์ของอาจารย์ในสำนักเขาล้วนแล้วแต่เป็นนักปรุงยา นักปรุงยานั้นมีสถานะที่สูงส่งเพียงใดไม่ต้องอธิบายเลย แม้แต่ผู้แข็งแกร่งยังต้องมาร้องไห้อ้อนวอนขอให้นักปรุงยาปรุงยาให้
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น สีหน้าขรึมเข้มไร้แววตื่นตระหนก “ไม่ว่าพวกเจ้าจะมาจากที่ใด วันนี้ข้าต้องการให้พวกเจ้าตาย เช่นนั้นพวกเจ้าก็ต้องตาย”
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
เข็มยาหลายเข็มลอยออกมา พวกเขาที่โดนพิษร้ายแรงเข้าไปหลายชนิดก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ไม่สามรถหลบหลีกได้อย่างรวดเร็วนัก
— ฉึก! ฉึก! —
ศิษย์พี่รองผู้นั้นมองศิษย์น้องที่อยู่ข้าง ๆ ล้มลงไปกับพื้นทีละคน ๆ เขากล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว”
มุมปากมู่เฉียนซีกระตุก “ใช่ ข้าโหดเหี้ยม! ทว่าแล้วใครเป็นผู้ที่จะมาแย่งชิงของของข้า บีบบังคับให้ข้าต้องเข้ามาบึงหมื่นพิษนี้ แล้วทำให้ข้าจนมุมหลายครั้ง ?”
เขากล่าวสวนขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ “หม้อเทพนิรันดร์และแผนที่บนม้วนไม้ไผ่นั่นเป็นของสำนักพวกเราชัด ๆ เจ้าต่างหากที่ดื้อรั้นไม่ยอมส่งมอบมันมาให้เรา พวกเราถึงได้ลงมือกับเจ้า”
.