ตอนที่ 1297 ชำระแค้น (7)
ดวงตาสีม่วงปีศาจคู่นั้นไม่มีความรื่นเริงอยู่อีกแล้ว แต่สายตาเต็มไปด้วยความเลือดเย็นอำมหิต
ตอนที่จวินอู๋เหยาเจอจวินอู๋เสียตอนนั้น เขาไม่ได้พูดอะไร และไม่ถามอะไรมากด้วย แต่เหตุการณ์นั้นไม่ได้ลบเลือนไปจากความทรงจำของเขาเลย
นั่นเป็นครั้งที่เขาเกือบเสียนางไป
มันทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนก เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน และเขาก็รู้สึกมันได้อย่างชัดเจน
เขาไม่ยอมให้พวกมันตายง่ายๆหรอก ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดที่จวินอู๋เสียได้รับ หรือความตื่นตระหนกตกใจที่เขารู้สึก เขาจะไม่ปล่อยให้พวกมันตายง่ายๆแน่
มีแค่การทรมานพวกมันเท่านั้น เขาถึงจะระงับความตื่นตระหนกที่เกือบเสียจวินอู๋เสียไปได้
เสียงร้องโหยหวนที่น่าสมเพชและโศกเศร้า สำหรับจวินอู๋เหยามันฟังเหมือนเสียงร้องเพลงสรรเสริญ
กลิ่นเลือดคาวคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ราวกับจะดึงเขากลับไปสู่อดีตที่ทุ่งสังหารหมู่อันโหดร้าย!
ผู้อาวุโสฮุยอยากอ้อนวอนขอความตาย แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เขาทำได้แค่มองดูร่างของชายชุดเขียวค่อยๆสลายไปด้วยอสูรโลหิต เสียงกรีดร้องโหยหวนของชายชุดเขียวดังแสบแก้วหู ลำคอของเขาแทบพังจากการกรีดร้องอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ยังไม่สามารถทำให้มันจบสิ้นได้
ความเจ็บปวดนั้นเป็นเหมือนก้นเหวลึก จิตใจของชายชุดเขียวแทบจะพังทลายจากความทรมานที่ไม่อาจทนรับได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของอสูรโลหิตก็คือการทำให้เขามีสติรู้ตัวอย่างชัดเจนตลอดเวลา
มีแค่การมีสติรู้ตัวเท่านั้นที่นำความทรมานมาให้ได้มากที่สุด!
เย่ฉาและเย่เหม่ยยืนเงียบๆอยู่ข้างหลังจวินอู๋เหยา แววตาของทั้งคู่เปล่งประกายลุกโชน
การติดตามจวินอู๋เหยาอย่างใกล้ชิดเป็นเวลานาน ทำให้ชายทั้งสองรู้สึกถึงเจตนาฆ่าฟันของจวินอู๋เหยาได้อย่างชัดเจนว่ารุนแรงเพียงใด พวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงรังสีฆ่าฟันที่รุนแรงแบบนี้จากตัวนายท่านของพวกเขามานานแล้ว ดูเหมือนมันจะนำพวกเขาย้อนกลับไปในตอนที่พวกเขายืนอยู่กับจวินอู๋เหยาตอนที่พวกเขาสังหารหมู่ไปทั่วทุกแห่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เลือดที่เย็นมานานก็เดือดพล่านขึ้นใหม่อีกครั้งในตอนนี้เอง
นี่คือเจ้านายที่พวกเขาสาบานว่าจะจงรักภักดี และเป็นพระเจ้าผู้สร้างพวกเขาขึ้นมา!
ในกองทัพราตรี ไม่มีถูกหรือผิด ไม่มีความจริงหรือโกหก
กองทัพราตรีรู้แค่ว่าจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายท่านเจว๋
ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งอะไรก็ตาม!
ตั้งแต่ต้นจนจบ ใบหน้าของจวินอู๋เหยามีรอยยิ้มปีศาจแบบเดิมตลอด เหมือนทั้งหมดนี้ไม่ใช่การฆ่าที่โหดร้ายเลยสักนิด ไม่ใช่การทรมาน แต่เป็นแค่เกมที่น่าสนใจเท่านั้น เสียงร้องที่น่าสงสารของชายชุดเขียวและความหวาดกลัวของผู้อาวุโสฮุย เป็นแค่ของเล่นที่สร้างความบันเทิงให้เขา
…………………………..
ในป่าทึบ พวกคนที่รออยู่ที่เดิมได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างสิ้นหวัง เสียงนั่นทำให้พวกเขาเย็นวาบไปทั่วร่าง
กลิ่นคาวเลือดที่โชยเข้ามาในป่าทึบหลังจากนั้นก็รุนแรงจนทำให้พวกเขาคลื่นไส้
“พี่ใหญ่อู๋เหยา……เขาทำอะไรลงไป?” เฉียวฉู่กลืนน้ำลายเสียงดังและถามขึ้น เขามองไปยังทิศทางนั้น และได้ยินแต่เสียงที่ดังมาถึงหูของเขากับกลิ่นที่ลอยอยู่ในอากาศซึ่งทำให้เขาหนาวเย็นไปถึงกระดูก
“ข้าขอแนะนำให้เจ้าเก็บความอยากรู้อยากเห็นนั่นซะ มันจะดีกับตัวเจ้าเอง” ฟ่านจั๋วพูดพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับหัวใจที่เต้นแรง เขารู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่าที่รุนแรงมากจนทำให้เขาหายใจไม่ออก มันค่อยๆแพร่กระจายไปทั่วผืนป่าอย่างช้าๆ
ถ้าเขาเดาไม่ผิด เจตนาฆ่าที่รุนแรงนี้ต้องมาจากจวินอู๋เหยา
เจตนาฆ่านั้นรุนแรงมาก ขนาดมาจากระยะไกลแบบนี้ยังทำให้เขารู้สึกอึดอัดได้ ถ้าพวกเขาเข้าไปใกล้ เกรงว่าพวกเขาทุกคนคงไม่สามารถต้านทานรังสีกดดันแบบนั้นได้
จวินอู๋เสียไม่พูดอะไรเลยสักคำ นางแค่นั่งเงียบๆอยู่ด้านหนึ่ง และอุ้มเจ้าแมวดำเอาไว้ในอ้อมแขน
การฆ่าครั้งนี้เป็นการเต้นรำที่เขาออกแบบท่าเต้นให้กับนาง
นางจะไม่หยุดมัน และไม่ต้องการหยุดมันด้วย
ขณะที่ทุกคนกำลังจมอยู่กับบรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัว เสี่ยวเจว๋ที่นั่งยองๆอยู่เงียบๆมาตลอดเวลาก็ลุกขึ้นยืนโดยไม่มีใครสังเกตเห็น และก้าวขาสั้นๆ เดินตรงไปยังทิศทางของผาสุดสวรรค์