ตอนที่ 93 นี่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายเลยเหรอ (1)

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

อันซย่าซย่าเดินกลับไปกลับมาอย่างเป็นกังวลขณะที่เธอกลั้นหายใจและดูวิดีโอบนโทรศัพท์ 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อเริ่มร้องเพลงระหว่างนั้นก็เต้นท่าทางยากๆ ไปด้วย 

 

 

ทุกครั้งที่เขาหมุนตัวแทบทำให้อันซย่าซย่าใจหายใจคว่ำ 

 

 

แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เผยให้เห็นถึงอาการเจ็บปวดบนสีหน้า ไม่มีแม้กระทั่งความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ สักจุดในการเต้นอันลื่นไหล 

 

 

เขาทั้งร้องทั้งเต้นจนโน้ตเพลงสุดท้ายจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ 

 

 

ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงปรบมือ 

 

 

เขาลือเรื่องการบาดเจ็บของเขาก็เป็นอันจบไป 

 

 

หลูเคอผู้จัดการของเขาเป็นผู้ตอบคำถามต่างๆ แทน ส่วนเซิ่งอี่เจ๋อเดินลงจากเวทีไปหลังจากการพูดคุยสั้นๆ อีกไม่กี่คำ 

 

 

เมื่อเขากลับไปถึงหลังเวทีชายหนุ่มผมสีทองอ่อน ที่เขารู้จักสนิทสนมเป็นอย่างดีก็ตบไหล่เขาอย่างคุ้นเคย “จบการแถลงข่าวแล้วเหรอ” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อซวนเซไปเล็กน้อยเขาขมวดคิ้วแล้วพยักหน้าตอบเบาๆ แค่ “อืม” 

 

 

เมื่อตระหนักถึงบางสิ่งที่ไม่ถูกต้องของอีกฝ่าย ชายหนุ่มผมทองก็เลิกคิ้วขึ้นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร 

 

 

ด้วยว่ามีคนอยู่มากมายแถวนั้น คงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากขึ้นถ้าข่าวการบาดเจ็บของเซิ่งอี่เจ๋อยังคงแพร่ออกไปอีก 

 

 

เขาถอนหายใจ “พักผ่อนให้เต็มที่ นายยังเด็กอยู่อย่าผลักดันตัวเองมากเกินไปล่ะ” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก” 

 

 

เขาเลือกเส้นทางเดินนี้ด้วยตัวเองเพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเจ็บปวดหรือยากแค่ไหนมันก็เป็นความรับผิดชอบของเขา 

 

 

หนุ่มผมทองตบหน้าผากตัวเอง “ฉันเกือบลืมไปเลย หน่วยรักษาความปลอดภัยเพิ่งโทรมาหาฉันเมื่อกี้และฝากให้ฉันบอกนายว่าลุงเซิ่งมาที่นี่ เขารอนายอยู่ที่ประตูด้านข้างของบริษัท” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อเปลี่ยนเสื้อผ้าไปใส่ชุดที่สบายขึ้นแล้วเลี้ยวไปทางประตูด้านข้างโดยไม่สนใจความเจ็บปวดจากบาดแผลของเขาแม้แต่น้อย รถโรลส์รอยซ์คันหนึ่งจอดอยู่ที่ข้างถนนมันช่างดูขัดกับฉากหลังในย่านนี้เหลือเกิน ชายหนุ่มเดินไปยังรถคันนั้น เปิดประตูเข้าไป พลางพยักหน้าทักทายอย่างเย็นชา ชายวัยกลางคนคนหนึ่งหันมาหาเขา ดูท่าทางไม่พอใจ “ไอ้เรื่องที่ตกลงไปในแม่น้ำนี่มันอะไรกัน” 

 

 

“คุณไม่ได้สืบมาแล้วหรือไง” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย  

 

 

เซิ่งจื้อหย่วนฟาดหนังสือพิมพ์ในมือเขาอย่างโมโห “จะต้องให้ฉันบอกแกเรื่องนี้กี่ครั้งกี่หนกัน ฉันไม่อนุญาตให้แกมาเข้าวงการนี้ เพื่อให้แกเอาตัวเองไปตกอยู่ในอันตรายหรอกนะ!” 

 

 

“ผมดูแลตัวเองได้”  

 

 

เซิ่งจื้อหย่วนใจเย็นลงเล็กน้อยหลังจากหยุดคิด “ฉันรู้ว่าแกยังเคืองฉันอยู่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ฉันไม่ใช่คนเดียวที่ควรถูกตำหนิสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันควรจะช่วยคนแปลกหน้าและปล่อยให้มันแก่ตายงั้นเรอะ” 

 

 

คำพูดเหล่านั้นทิ่มแทงเข้าไปยังจุดที่บอบบางที่สุดของเขา ชายหนุ่มเย้ยหยัน “ผมขอให้คุณช่วยเหรอ คุณมีสิทธิ์ตัดสินว่าผมจะอยู่หรือตายงั้นเหรอ” 

 

 

เซิ่งจื้อหย่วนขุ่นเคืองใจ “ฉันเลี้ยงแกมาเพื่อให้แกมาเถียงฉันแบบนี้เหรอ” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อจ้องหน้าเขาก่อนจะลงจากรถโดยไม่แม้แต่จะโต้ตอบใดๆ 

 

 

จากนั้นเขาก็ก้าวขึ้นรถของตัวเอง คนขับถามอย่างลังเล “นายน้อยครับ เราจะไปไหนกันครับ” 

 

 

นานทีเดียวกว่าเซิ่งอี่เจ๋อจะให้คำตอบ “กลับไปบ้านครอบครัวอัน” 

 

 

“ครับ” 

 

 

เซิ่งจื้อหย่วนมองดูรถปอร์เช่สีดำขับออกไป เขาถอนหายใจอย่างหนักหน่วงอยู่ภายในรถ 

 

 

หลายปีผ่านไป เซิ่งอี่เจ๋อก็ยังไม่ยอมเรียกเขาว่า “พ่อ” 

 

 

หรือว่าตอนนั้นมันจะเป็นความผิดของเขาจริงๆ 

 

 

– 

 

 

ที่บ้านอัน – อันซย่าซย่าถูกความวิตกกังวลถาโถมเข้าใส่จนถึงกับกินมื้อค่ำไม่ลง ภายใต้สายตาอันประหลาดใจของทั้งป่าป๊าอันและอันอี้เป่ย เธอก็วางตะเกียบลง “หนูอิ่มแล้วค่ะ จะไปเดินเล่นหน่อยนะคะ” 

 

 

เธอคว้าเสื้อแจ็กเกตแล้วก็วิ่งลงบันไดข้ามทีละหลายขั้น เธอจะโบกเรียกรถแท็กซี่เพื่อให้ไปส่งเธอที่เว่ยยางเอ็นเตอร์เทนเมนต์ 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อช่างเป็นภาระอันหนักอึ้งในใจเธอนัก! 

 

 

หญิงสาวกระแทกเข้ากับอ้อมแขนอันอบอุ่นทันทีที่เธอเปิดประตูหน้าบ้าน 

 

 

น้ำเสียงทุ้มและเนิบนาบของเขาดังขึ้นเหนือศีรษะเธอ “ยัยซย่าขาสั้น เธอวิ่งเร็วขนาดนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”