ตอนที่ 94 นี่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายเลยเหรอ (2)

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

อันซย่าซย่าจ้องมองดูเขา ท่าทางตกตะลึง เซิ่งอี่เจ๋อยิ้มมุมปากและมองตอบเธออย่างอ่อนโยน  

 

 

คงจะคิดว่า… เขาจะไม่กลับมาแล้วละสิ  

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อ…” อันซย่าซย่าพึมพำเรียกชื่อเขา แล้วชายหนุ่มก็เลิกคิ้วข้างหนึ่ง “หืม?”  

 

 

เขาไม่ควรจะกลับมา และไม่ควรจะเกี่ยวข้องอะไรกับอันซย่าซย่าอีกต่อไปแล้ว 

 

 

แต่อย่างไรก็ตาม มีอะไรบางอย่างบีบคั้นหัวใจเขาเมื่อหวนนึกถึงคำถามอย่างกริ่งเกรงของเธอที่ว่า “นายจะกลับมาใช่ไหม” ก่อนที่เขาจะออกมา  

 

 

ทั้งหมดที่เขารู้ก็คือ อันซย่าซย่าไม่ใช่คนเดียวที่จะรู้สึกเศร้าถ้าเขาไม่กลับมา เขาเองก็เหมือนกัน 

 

 

เพราะเหตุนั้น เขาจึงกลับ  

 

 

“อีตาโง่! ซื่อบื้อ! ทำไมถึงทำตัวงี่เง่าแบบนั้น!” อันซย่าซย่ากระโดดเขกหัวเขา 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยความประหลาดใจ เขาหลอนไปเองหรือเปล่า อันซย่าซย่าเพิ่งเขกหัวเขา? แล้วก็ถึงกับต้องกระโดดด้วย? 

 

 

ก่อนที่การโจมตีครั้งถัดไปจะแล่นลงบนศีรษะ เขาก็จับข้อมือเล็กๆ ของเธอไว้และพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เดี๋ยวนี้ชักกล้าใหญ่แล้วนะ โพสต์ด่าฉันไม่ได้แล้วก็เลยคิดจะทำร้ายร่างกายกันแทนใช่ไหม” 

 

 

เธอแทบอยากจะถ่มน้ำลายใส่เขา “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอว่าอย่าหักโหม ทำไมถึงต้องเต้นด้วย นายแค่อยากจะอวดใช่ไหมล่ะ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับนาย…เชอะ! นายเคยคิดถึงเหล่าแฟนๆ ที่น่าสงสารหรือครอบครัวของนายบ้างไหม สุขภาพของนายควรอยู่เหนือสิ่งอื่นใดสิ!” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อเพิ่งตระหนักได้หลังจากถูกเธอบ่นว่าอย่างยาวเหยียด 

 

 

ผู้หญิงคนนี้…เป็นห่วงเขาหรือ 

 

 

เอ่อ… 

 

 

เขาปล่อยมือเธอก่อนจะอธิบายให้ฟังอย่างใจเย็น “ถ้าฉันไม่เต้น ก็จะมีข่าวซุบซิบตามมา ทำไมต้องทำให้เรื่องมันซับซ้อนถ้าฉันสามารถแก้ไขได้ด้วยเรื่องง่ายๆ” 

 

 

อันซย่าซย่าถึงกับอึ้งไปจากคำตอบของเขา เธอเดินกระทืบเท้าทำแก้มป่องออกไป พอเดินไปได้ครึ่งทางก็หันหลังกลับมาหาเขาพลางบ่นพึมพำราวกับภรรยาตัวน้อย “มานี่เดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวอาหารก็เย็นหมดหรอก” 

 

 

คราวนี้ แม้แต่นัยน์ตาของเขาก็ยิ้มได้ 

 

 

ระหว่างกำลังเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อทานมื้อค่ำ เขาก็แอบได้ยินการสนทนากันระหว่างอันอี้เป่ยกับอันซย่าซย่า 

 

 

“ซย่าซย่า ไม่ได้ไปเดินเล่นแล้วเหรอ” 

 

 

“เดินเสร็จแล้ว!” 

 

 

“เชอะ ยัยจอมขี้เกียจเอ๊ย เออนี่แน่ะ พี่เอาเจ้าเสี่ยวไป๋ไปไว้ในห้องเธอนะ ให้อาหารมันด้วย” อันอี้เป่ยรอดูอย่างกระหยิ่มใจต่อเหตุร้ายที่กำลังจะมาเยือนน้องสาว 

 

 

อึดใจต่อมา อันซย่าซย่าก็หวีดร้องหลังคาบ้านแทบสะเทือน เซิ่งอี่เจ๋อรู้ว่ากล้ามเนื้อใบหน้าเขากระตุก 

 

 

อันอี้เป่ยไม่สามารถปล่อยให้วันหนึ่งผ่านไปโดยที่ไม่แกล้งน้องสาวไม่ได้เลย 

 

 

เขารีบกินข้าวอีกไม่กี่คำและขอตัวผละจากโต๊ะอาหารเพื่อขึ้นไปข้างบน 

 

 

ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้า ตรวจดูบาดแผลในกระจก รอยเลือดซึมออกมาจากผ้าก็อซหลายแห่ง เขาคงทำแผลฉีกระหว่างการเต้น 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อจัดการบาดแผลเท่าที่เขาพอจะเอื้อมถึงอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีแผลที่หลังซึ่งไกลเกินกว่าเอื้อมถึง เขายู่ปากและตัดสินใจว่าจะทิ้งมันไว้อย่างนั้น 

 

 

แต่แล้วอยู่ๆ เสียงกรีดร้องของอันซย่าซย่าก็ดังมาจากนอกห้อง ตามมาด้วยเสียงสับเท้ารัวๆ และเสียงร้องเหมียวๆ ของแมว 

 

 

ชายหนุ่มเปิดประตูห้องพลางนิ่วหน้า ที่ด้านนอก อันซย่าซย่ากำลังถูกเจ้าเสี่ยวไป๋วิ่งไล่วนเวียนไปมา 

 

 

เสี่ยวไป๋วิ่งตามเธอไปรอบๆ ดูท่าทางน่าสงสาร ราวกับมันกำลังพูดว่า มาเล่นกับหนูหน่อย เหมียว 

 

 

แต่อันซย่าซย่านั้นกลัวแทบตาย เมื่อเห็นประตูห้องเขาเปิด เธอก็เผ่นเข้าไปในห้องเขาโดยไม่คิด 

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อ ช่วยด้วย!” 

 

 

หญิงสาวชนเขาเข้าอย่างจัง ชายหนุ่มซวนเซถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนจะตั้งหลังได้ เขาจับคอเสื้อเธอไว้แล้วหยอกเล่น “กลัวเหรอ งั้นฉันคงต้องคิดทบทวนดูก่อนว่าจะช่วยดีหรือเปล่า…” 

 

 

“เหมียว—” เจ้าเสี่ยวไป๋วิ่งตามเธอมา ท่าทางน่ารักมากมาย 

 

 

“ไม่ต้องคิดแล้ว! ฉันจะยอมทำทุกอย่างที่นายบอก!” อันซย่าซย่าร้อง