บทที่ 378 กลับบ้านช้า

บทที่ 378 กลับบ้านช้า

“คุณลืมแล้วเหรอครับว่าผมเป็นใคร?”

อวี้ฮ่าวหรานหลุดขำแล้วถามเธอด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

ต่อให้ชายหนุ่มจะไม่มีพลังเหนือธรรมชาติ เขาก็ยังเป็นประธานบริษัทเครือฮ่าวหราน ดังนั้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีอันธพาลเป็นเจ้าของจึงเป็นเพียงเรื่องตลกในสายตาเขา

ช่วงเช้าผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว…

เวลาใกล้เที่ยง อวี้ฮ่าวหรานเป็นฝ่ายติดต่อหาตระกูลซู พ่อลูกสกุลซูจึงรีบมาหาถึงที่เมื่อได้รับรู้เรื่องราว

“ขอโทษด้วยนะครับ! ผมต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ! หว่านเอ๋อร์ของผมร่างกายอ่อนแอ เลยทำให้คุณต้องเดือดร้อน”

ทันทีที่ซูกว่างไห่มาถึง เขารีบโพล่งขอโทษ ท่าทีเช่นนี้ยิ่งทำให้อวี้ฮ่าวหรานนึกเหยียดหยาม

เหตุใดต้องเป็นฝ่ายเอ่ยขอโทษก่อน ทั้งที่ลูกสาวตนเองป่วยถึงขนาดนี้? หรือบางทีอาจเป็นเพราะในสายตาของเขา ลูกสาวไม่ได้มีค่าเท่ากับอำนาจ

ทั้งคู่พาบอดี้การ์ดมานับสิบคน แม้ก่อนหน้านี้เขาจะอธิบายอย่างชัดเจนไปแล้วก็ตาม

พวกเขากลับบอกว่าไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

“อย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็ลุกขึ้นเตรียมเดินทางกลับ

เขาไม่ได้กลับบ้านมาหนึ่งวันหนึ่งคืน เกรงว่าน้องภรรยาซึ่งไม่รู้สถานการณ์คงร้อนใจแย่แล้ว

“ถ้าเกิดเรื่องคับขันขึ้นก็โทรหาผมได้ตลอดเลยนะครับ”

อวี้ฮ่าวหรานกระซิบบอกซูหว่านเอ๋อก่อนกลับ และขับรถออกจากโรงพยาบาลมุ่งหน้ากลับบ้านทันที

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ที่บ้าน

“เอ๋? พี่เขย ทำไมถึงกลับมาตอนนี้ล่ะ?”

เมื่อหลี่หรงเห็นประตูเปิด เธอก็อดแปลกใจไม่ได้ เธอเพิ่งทำอาหารเสร็จ กำลังดูโทรทัศน์ระหว่างรอถวนถวนทานข้าว

“ทำไมไม่โทรมาหาฉันก่อน ฉันจะได้เตรียมทำอาหารไว้รอ”

หญิงสาวเห็นเช่นนี้จึงอดบ่นขึ้นไม่ได้ มีอาหารที่บ้านเพียงไม่กี่อย่าง มันจึงเพียงพอให้เธอกับถวนถวนกินเท่านั้น

หนูน้อยเห็นพ่อตนเองกลับมา เธอก็ไม่สนใจสิ่งใด ก่อนจะรีบวางจานลงและโผเข้าหาอ้อมแขนเขา

“พ่อจ๋า หนู…หนูไม่ได้เจอพ่อเป็นวันเลยนะคะ!”

อวี้ฮ่าวหรานกอดเธอกลับ

“แล้วถวนถวนคิดถึงพ่อไหมครับ?”

ชายหนุ่มบีบแก้มเล็กพองลมเบา ๆ เขาไม่ได้กลับบ้านมาทั้งคืน ย่อมคิดถึงลูกสาวเป็นธรรมดา

“คิดถึงสิ! ถวนถวนคิดถึงมากเลยด้วย!”

ว่าจบเธอก็ยื่นหน้ามาจุ๊บแก้มอวี้ฮ่าวหราน

“นี่…พี่เขย เดี๋ยวฉันจะไปทำอาหารเพิ่มแล้วกันนะ”

หลี่หรงดูเอือมระอาเล็กน้อย แม้เธอจะอยากจะตำหนิเขา หากแต่ตอนนี้ถวนถวนทำตัวติดเขาแจ เธอคงไม่อาจไปจู้จี้มากได้

เมื่อเห็นแบบนี้ อวี้ฮ่าวหรานจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดเขาก็รอดตัวมาได้

ไม่เช่นนั้นต่อให้เป็นเทพเจ้า ก็เกรงว่าไม่สามารถเลี่ยงการถูกบ่นได้

ด้วยฝีมืออันช่ำชองของหลี่หรง เธอจึงทำอาหารเสร็จอย่างรวดเร็ว และเธอก็อดถามขึ้นระหว่างกินอาหารไม่ได้

“พี่เขย บอกฉันมานะ เมื่อวานพี่ไปที่ไหนกัน”

“แค่ไปซื้อโบราณวัตถุแถวชานเมืองกับเพื่อนน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”

อวี้ฮ่าวหรานพลันนึกขึ้นได้ เขาหยิบปิ่นหยกดำออกมา

“นี่ไง ตามหาอยู่นานเลย แล้วพอดีเกิดเรื่องขึ้นระหว่างทางน่ะ”

เขายื่นปิ่นหยกรูปร่างแปลกตาให้เธอ

ตอนนี้เคล็ดวิชาที่ฝังไว้ในปิ่นนี้ถูกเขาปิดผนึกไว้แล้ว พวกมันจึงไม่สามารถทำอันตรายแก่ใครได้อีก

“เอ๊ะ…เย็นจังเลยพี่เขย มันทำมาจากอะไรเหรอ?”

หลี่หรงมองสำรวจอย่างสงสัย ปิ่นหยกดำแวววาวเย็บเยียบราวกับน้ำแข็ง ทำให้เธออุทานขึ้นด้วยความแปลกใจ

“สวยมากเลย เดี๋ยวนี้คงไม่มีช่างคนไหนทำได้ขนาดนี้แล้ว”

เธอเพ่งมองปิ่นหยกดำ มีลายมังกรและหงส์ปรากฏอยู่ ลายฉลุอันประณีตชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึกทึ่ง

“น่าจะเป็นของมีค่ามากนะคะ เพื่อนฉันเองก็บอกมาถึงได้รู้”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าพลางยกยิ้ม เขานึกโล่งใจ และเธอก็ไม่ได้สงสัยอะไรในท้ายที่สุด

แน่นอนว่าปิ่นหยกนี้ดูแปลกตา จึงดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ดี

หลี่หรงจับจ้องอยู่นาน พบว่าไม่ว่าจะแตะส่วนใด ปิ่นนี้ก็ดูเหมือนทำมาจากน้ำแข็งซึ่งให้สัมผัสเย็นยะเยือก

“สุดยอดไปเลย!”

สิ้นเสียงชื่นชม เธอก็ละความสนใจจากปิ่นหยก สีหน้าไม่สู้ดีก็พลันปรากฏขึ้น

“พี่เขย ในเมื่อพี่กลับมาแล้ว ช่วงบ่ายฉันขอตัวเข้าบริษัทหน่อยแล้วกันนะ”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

เขารู้สึกได้ว่าเธอเคร่งเครียด จะว่าไปแล้วแม้เขาไม่ได้อยู่ดูแลสักวัน คงไม่น่าเกิดเรื่องขึ้นที่บริษัท

ไม่มีสิ่งใดให้ต้องเป็นห่วง

หลี่หรงทำสีหน้าคร่ำเคร่งเมื่อเขาถามขึ้น

“เอ่อ… จริง ๆ แล้วมันก็มีปัญหาแหละพี่เขย ลูกค้าที่เซ็นสัญญาซื้อขายรายล่าสุดร้องเรียนเข้ามา แล้วก็มีปัญหายิบย่อยอื่น ๆ ด้วย แต่ฉันก็น่าจะแก้ได้”

เธออธิบาย อวี้ฮ่าวหรานก็พยักหน้าเมื่อได้ฟัง

“ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรหาพี่นะ”

ตั้งแต่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของบริษัทฮัวหรง ในที่สุดก็เกิดปัญหาขึ้นจนได้

หลังทานข้าวเสร็จ หลี่หรงก็รีบหยิบกระเป๋าออกจากบ้านไปทันที ดูเหมือนว่าเรื่องที่บริษัทจะเป็นเรื่องด่วนจริง ๆ

อวี้ฮ่าวหรานยังไม่ซึบซับพลังวิญญาณจากปิ่นหยกดำในช่วงบ่าย เขายังอยู่เล่นกับถวนถวนพักใหญ่

เวลาล่วงเลยไปจนถึงห้าโมงเย็น หลี่หรงก็ยังไม่กลับบ้าน จนกระทั่งเวลาหกโมงเย็น

“พ่อจ๋า หนูหิวจัง…เมื่อไหร่คุณน้าจะกลับมาเหรอ?”

“เดี๋ยวก็กลับมาแล้วลูก”

เวลาหนึ่งทุ่มตรง…

“พ่อจ๋า หนูหิวจะแย่แล้วนะคะ…ทำไมคุณน้ายังไม่กลับมาอีกเหรอคะ?”

“อีกแปปเดียวก็กลับมาแล้วลูก…”

จนกระทั่งเวลาสองทุ่ม…

“พ่อจ๋า ถวนถวนหิวจังเลยค่ะ…”

“ไปกันลูก! เราไปหาคุณน้ากันเถอะ!”

อวี้ฮ่าวหรานไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป สองทุ่มแล้วเธอก็ยังไม่กลับมา น้อยครั้งที่จะเป็นเช่นนี้

ดูท่าที่บริษัทคงเกิดปัญหาขึ้นจริง ๆ

“เย้! ไปบริษัทคุณน้ากันเล้ย”

เมื่อถวนถวนได้ยินคำเขา เธอก็เริงร่าขึ้นมาทันตา

“เดี๋ยวพ่อจะพาลูกไปกินข้าวเย็นก่อนนะครับ”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าขณะบอก ตอนนี้สองทุ่มแล้ว ต่อให้เธอจะกลับมาบ้านก็คงไม่มีเวลาทำอาหาร

“เอาสิคะ! ถวนถวนอยากกินเคเอฟซี!”

เมื่อเห็นลูกสาวแทบจะกระโจนออกไปกินข้าว เขาก็ยิ้มแก้มปริ

“ได้เลย! เราไปกินเคเอฟซีกันนะ!”

อวี้ฮ่าวหรานกอดถวนถวนและรับปากกับเธอ ทั้งคู่ไม่รอช้ารีบออกจากบ้าน

หลังจากแวะกินเคเอฟซี เขาพาลูกสาวตรงไปยังบริษัทฮัวหรง

ตอนนี้เวลาสองทุ่มครึ่งแล้ว หลี่หรงก็ยังไม่โทรหาด้วยซ้ำซึ่งถือว่าผิดปกติมาก!

ด้วยเหตุนี้อวี้ฮ่าวหรานจึงเป็นกังวลเล็กน้อย

เขาขับรถมาถึงบริษัทภายในครึ่งชั่วโมง แสงไฟยังคงสว่างโร่ทั่วอาคาร

“คุณหลี่อยู่ที่ไหน?”

ตอนนี้พนักงานต้อนรับที่ล็อบบี้ชั้นล่างเลิกงานแล้ว อวี้ฮ่าวหรานจึงจำเป็นต้องถามจากพนักงานที่เพิ่งเลิกงาน