กู้ชูหน่วนยังไม่มั่นใจนัก ขณะที่กำลังจะสัมผัสงูยักษ์มือของนางจึงยังสั่นเล็กน้อย ทว่าทันใดนั้นเซี่ยวอวี่เซวียนกลับเป็นฝ่ายตกใจและดึงมือของนางกลับ “เจ้าโง่รึ ถ้ามันกัดมือขาดจะทำอย่างไร”

ฟ่อ…

งูเก้าหัวที่กำลังมีความสุขขู่ฟ่อเมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยวอวี่เซวียน จากงูที่เชื่องๆ กลายเป็นดุร้ายขึ้นมาทันตาเห็น

ขนาดตัวของมันใหญ่มาก แม้ว่าจะไม่ได้มีเจตนาร้ายและเป็นเพียงการขู่เพื่อให้กลัว แต่เซี่ยวอวี่เซวียนก็ยังตกใจจนหน้าซีด

กู้ชูหน่วนกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง มันไม่ทำร้ายข้าหรอก”

กู้ชูหน่วนดึงมือออกจากการเกาะกุมและเอื้อมไปลูบหัวขนาดใหญ่หัวหนึ่งของงูเก้าหัว สิ่งที่ทำให้นางแน่ใจว่างูเก้าหัวไม่ได้มีเจตนาร้ายจริงๆ ก็คือการที่มันหลับตาและเลียนางอย่างสนิทเสน่หา ปล่อยให้นางลูบมันอย่างมีความสุข

ชัดเจนแล้วว่ามีการพึ่งพาและไว้วางใจ มันถือว่ากู้ชูหน่วนเป็นนายของมัน และบางทีอาจจะนับนางเป็นแม่ของมันด้วยซ้ำ

กู้ชูหน่วนถอนหายใจอย่างโล่งอก นางคลายความระแวดระวังภายในใจและลูบหัวมันทีละหัว เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ดูสิ หัวที่เก้าของเจ้าบวมอีกแล้ว ไปเล่นซนกับเจ้าเสือดาวน้อยมาอีกแล้วใช่หรือไม่”

ทันทีที่สิ้นเสียง กู้ชูหน่วนก็ชะงักไปนิดหนึ่ง

เสือดาวน้อย?

ใครกัน?

ทว่างูเก้าหัวกลับบิดร่างกายขนาดใหญ่ของมัน จากนั้นหัวทั้งเก้าก็โยกคลอนเหมือนระลอกคลื่น

เมื่อเห็นว่างูเก้าหัวไม่ได้มีเจตนาร้าย ความตึงเครียดภายในใจของเซี่ยวอวี่เซวียนจึงค่อยผ่อนคลายลง เขาขมวดคิ้วมองแววตาของกู้ชูหน่วนอย่างพยายามจะค้นหาคำตอบ

ระฆังวิญญาณสะบั้นยิ่งเปล่งประกายรุนแรงขึ้นทุกที กู้ชูหน่วนเงยหน้าและถามว่า “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ที่นี่มีสมบัติอะไรงั้นหรือ รีบพาข้าไปหาที”

ฟ่อๆๆ

งูเก้าหัวขดตัวเป็นวงกลมเข้าหากู้ชูหน่วนและเซี่ยวอวี่เซวียน จากนั้นจึงพาพวกเขาพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

มันเคลื่อนไหวเร็วมาก ยังไม่ทันที่กู้ชูหน่วนกับเซี่ยวอวี่เซวียนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ขึ้นไปนั่งอยู่บนลำตัวของงูเก้าหัวแล้ว

เสียงลมที่พัดหวีดหวิวผ่านข้างหูพัดปะทะมาโดยแรงจนพวกเขาลืมตาไม่ขึ้น กู้ชูหน่วนรับประกันได้เลยว่านี่เป็นความเร็วที่ไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยถึงสองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงแน่นอน

ฟ่อ…

งูเก้าหัวเลื้อยไปได้ราวๆ ครึ่งชั่วยามก็มาหยุดอยู่บนภูเขาหิมะลูกหนึ่ง

ที่ด้านนอกมีแสงแดดและสายลมอ่อนๆ ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีและมีดอกไม้เบ่งบานอย่างเต็มที่ ทว่าที่นี่กลับหนาวเหน็บจนสั่นสะท้าน มีเกล็ดหิมะโปรยปรายจนทั่วทุกหนแห่งกลายเป็นสีขาวโพลน

กู้ชูหน่วนรู้สึกเหมือนตัวเองข้ามเวลาจากฤดูใบไม้ผลิมาสู่ฤดูหนาว

ฟ่อๆๆ

หลังจากงูเก้าหัววางพวกเขาลง หัวทั้งเก้าก็กลายเป็นเหมือนพลั่วที่ขุดหิมะไม่ยอมหยุด ทำงานอย่างเต็มที่ ดูเหมือนตัวนิ่มที่ชอบขุดดินไม่มีผิด

เกล็ดหิมะถูกมันดุนขึ้นมาไม่หยุดจนร่างกายที่ทั้งหนาทั้งอ้วนของมันแทบจะเจาะทะลุเข้าไป

เซี่ยวอวี่เซวียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ข้าเห็นว่างูก็ชอบเล่นหิมะ”

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เป็นพวกคึกคักร่าเริง”

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์”

“เอ้า ก็มันมีเก้าหัว จิ่วแปลว่าเก้า เรียกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ถูกแล้วนี่”

ลำตัวที่ยาวกว่าหนึ่งร้อยเมตรเจาะเข้าไปอย่างน้อยๆ ก็เจ็ดสิบเมตรแล้ว เห็นอย่างนั้นกู้ชูหน่วนจึงอดสงสัยไม่ได้ว่ามันจะจมลงไปในหิมะแล้วกลับขึ้นมาไม่ได้แล้วหรือเปล่า

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังปึ่ง เกล็ดหิมะเป็นชั้นๆ ระเบิดออก หลังจากขุดลงไปบนพื้น เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ขดหางขนาดใหญ่ของมันแล้วถอยกลับมา พร้อมกันนั้นก็คาบแกนผลึกแก้วไว้ในปากทั้งเก้า

แกนผลึกแก้วเปล่งประกายหลากสีสัน แม้จะมองจากระยะไกลก็ยังรู้สึกได้ถึงความสบายใจที่แผ่ซ่าน และพลังของแก่นแท้ที่ซัดสาด

“ช่างเป็นพลังวิญญาณที่เข้มข้นยิ่งนัก พระเจ้า แกนผลึกแก้วหลากสีคือแกนผลึกของกิเลนเขาเดียว มีอายุอย่างน้อยๆ ก็หมื่นปี แม่สาวอัปลักษณ์ นี่มันคือสมบัติที่ประเมินค่ามิได้โดยแท้!”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์โยกตัวไปมา มันส่งแกนผลึกแก้วทั้งเก้าให้กู้ชูหน่วนราวกับจะขอความดีความชอบ ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ ราวกับกำลังรอฟังคำชมเชยจากนาง

เซี่ยวอวี่เซวียนเอื้อมมือออกไปเพื่อจะหยิบแกนผลึกแก้ว ทันใดนั้นเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ขู่ฟ่อและจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ

เซี่ยวอวี่เซวียนถอยหนีทันที เขารับประกันได้เลยว่าถ้าเขาแตะต้องแกนผลึกแก้ว งูเก้าหัวตัวนี้จะต้องกินเขาแน่นอน

“เจ้าจะลำเอียงเกินไปแล้วมั้ง ข้าไม่ดีกว่าแม่สาวอัปลักษณ์ตรงไหน”

ดูเหมือนเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะมีสติปัญญา มันยกหางขึ้นและชูคออย่างเย่อหยิ่งราวกับจะบอกว่าเขาไม่มีอะไรเทียบกู้ชูหน่วนได้เลยสักอย่าง เห็นแล้วเซี่ยวอวี่เซวียนแทบอยากจะวิ่งหนี

กู้ชูหน่วนรับแกนผลึกแก้วหลากสีทั้งเก้าเอาไว้ จากนั้นรอยยิ้มน้อยๆ จึงปรากฏขึ้นที่มุมปาก

นี่คือของดีอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะที่ถือแกนผลึกแก้วทั้งเก้าเอาไว้ นางรู้สึกได้เลยว่าตนเองกำลังจะทะลวงผ่านระดับสามไปได้

ถ้านางกินแกนผลึกแก้วเข้าไป นางจะไม่ทะลวงผ่านหลายระดับเลยหรือ