ท่ามกลางสายธารแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน มักจะมีเหตุการณ์สำคัญที่สามารถสั่นสะเทือนได้ทั้งโลกเก้าร้อยล้านเกิดขึ้นเสมอมา

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เหล่านี้มันก็ยังพอที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ บางคนถึงขั้นทำนายมันได้ล่วงหน้า บางคนถึงขั้นล่วงรู้ถึงทุกรายละเอียดของมันได้ด้วยซ้ำ

ทว่าครั้งนี้มันต่างออกไป

มนุษย์แสงปรากฏตัวขึ้นโดยไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ

ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะมาพร้อมกับประกาศใหม่ และบัญญัติกฎใหม่ขึ้น

แต่วินาทีเดียวก่อนที่ร่างของมนุษย์แสงจะประกาศต่อทั้งโลกสองร้อยล้านชั้นในดินแดนชิงอำนาจ

ตลอดทั้งดินแดนชิงอำนาจพลันชิงมืดฟ้ามัวดินลงอย่างกะทันหัน

แสงจรัสที่เปล่งประกายสดใส ลากเป็นทางแลดูคล้ายหางอันยาวเหยียด ปรากฏขึ้นในทุกสถานที่ของดินแดนชิงอำนาจ

ฉากนี้มันแลคล้ายกับฝนดาวตก

อย่างไรก็ตาม อำนาจอันยิ่งใหญ่ที่มิอาจอธิบาย ก็ได้ห่อหุ้มฝนดาวตกเหล่านั้นเอาไว้ ส่งผลให้ไม่มีใครสามารถตรวจจับต้นกำเนิดของฝนดาวตานี้ได้เลย

กระทั่งการดำรงอยู่ที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนชิงอำนาจ  ทั้งหมดก็รู้เพียงแค่ว่ามีหลายสิ่งที่ไม่รู้จักได้ทำลายมิติและเวลา จากที่ไกลแสนไกล มายังดินแดนชิงอำนาจโดยตรง

แต่สิ่งที่ว่ามาเมื่อครู่นี้คืออะไร และวิธีการที่พวกเขาใช้เดินทางมาได้นั้น ไม่มีใครทราบคำตอบเลย

แม้แต่ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการตรวจสอบที่แข็งแกร่งที่สุด ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าฝนดาวตกพวกนี้หายไปที่ไหน

ฉากนี้มันกินเวลาเพียงวินาทีเดียว

วินาทีเดียวสั้นๆ

แค่วินาที

ฝนดาวตกทั้งหมดก็ถูกปกปิดตัวตน และหายไปโดยสิ้นเชิง

ราวกับว่ามันไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

ดินแดนชิงอำนาจกลับคืนสู่สภาวะปกติ

และในเวลานั้นเอง เสียงของมนุษย์แสงก็ดังขึ้น

“โปรดทราบ ผู้ศรัทธาคนแรกที่สามารถจุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว”

“หนทางสู่การเป็นเทพได้เปิดออกอย่างเป็นทางการ”

“อำนาจเทวะที่ถูกวางไว้โดยเทพวิญญาณจะถูกเปิดใช้งานในไม่ช้า”

“ดินแดนชิงอำนาจจะถูกซ่อนจากโลกเก้าร้อยล้านชั้น”

“นับจากนี้ไป ใครก็ตามที่ออกจากดินแดนชิงอำนาจ จะไม่สามารถเข้ากลับมายังดินแดนชิงอำนาจได้อีกเลยตลอดกาล!” ด้วยการประกาศของมัน ดินแดนชิงอำนาจก็ได้หายวับไปจากโลกเก้าร้อยล้านชั้น

นี่คืออำนาจเทวะของเทพวิญญาณทั้งเจ็ด ที่ทำการเปิดใช้งานกำแพงอุปสรรคอย่างเต็มกำลัง

โดยบทบาทเดียวของมันคือการซ่อน

…ซ่อนดินแดนชิงอำนาจทั้งหมดเอาไว้

ไม่มีใครรู้ว่าเทพวิญญาณทั้งเจ็ดกำลังคิดอยู่คืออะไร ทำไมถึงได้ทำการจัดวางมันไว้ล่วงหน้าแบบนี้

อย่างไรก็ตาม เหล่าทวยเทพคงไม่ทันคาดคิดเหมือนกัน ว่าฝนดาวตกจะวิ่งเข้ามาในช่วงเวลาก่อนที่ดินแดนชิงอำนาจทั้งหมดจะถูกซ่อนเอาไว้

บนยานอวกาศ

กัปตันตั้งใจฟังอย่างรอบคอบ เกี่ยวกับการประกาศของมนุษย์แสง

เขาไม่ได้เคลื่อนกายไปที่ใดเลย จนกระทั่งมนุษย์แสงหายไป

‘มีคนที่สามารถจุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!’

กัปตันถอนหายใจ ดูเหมือนว่าห้วงอารมณ์ที่แฝงมากับในน้ำเสียงมันไม่อาจฝืนระงับได้อีกต่อไป

ใช่! โดยการจุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ คุณจะสามารถได้ล่วงรู้ถึงทักษะและความรู้ของเทพ และใครบางคนก็ได้รับสิ่งนั้นไปก่อนแล้ว!

ย้อนมองกลับมาทางตนเองเล่า?

เขายังคงต้องพยายามดิ้นรนเพื่อหาเงินให้เพียงพอต่อการใช้เดินทางอยู่เลย

ไม่เพียงแค่ค่าเดินทางในการเดินทางไปกลับจากวิหารเท่านั้น

แต่มันรวมไปถึงหลังจากการจุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ด้วย เพราะแค่การฝึกฝนความสามารถต่างๆของเทพวิญญาณ มันก็ต้องใช้เวลา และทรัพยากรไม่ใช่หรือ?

ซึ่งในโลกใบนี้ ถ้ามีเงินไม่เพียงพอ ไม่ว่าเรื่องใดก็คงไม่อาจทำสำเร็จได้

ไม่ต้องพูดถึงการเป็นเทพ แม้กระทั่งการรักษาสิ่งพื้นฐานที่สุดของมืออาชีพอย่างเกียรติและศักดิ์ศรี มันก็จำเป็นต้องมีทุนสนับสนุนที่เพียงพอกันทั้งนั้น

กัปตันก้มหน้าลง เงียบงันไปครู่หนึ่ง

มือของเขากำแน่น คลายออก กำแน่น คลายออก สลับวนเวียนซ้ำๆ

“ตอนนี้เกือบจะถึงเวลาแล้ว และภัยคุกคามเพียงอย่างเดียวของฉันก็คือวังเฉิง และวังเฉิงมันก็ยกเลิกการอัญเชิญภูตไปแล้วซะด้วย…”

“ดูเหมือนว่าฉันคงจะต้องทำทุกอย่างให้มันจบไปซะแล้วสิในตอนนี้”

‘ฉันได้เตรียมการมาไว้มากมาย ก็เพื่อเฝ้ารอให้วันนี้มาถึงไม่ใช่หรือ?’

‘แล้วยังจะต้องมามัวลังเลอะไรเกี่ยวกับมันอีก?’

กัปตันในที่สุดก็กำหมัดแน่น และตัดสินใจขั้นเด็ดขาด

อีกด้านหนึ่ง

กู่ฉิงซานยืนอยู่ในห้องส่วนตัวของวังเฉิง

หนังสือพิมพ์ในมือของเขาได้เปิดเผยถึงเนื้อหาของข่าวทั้งหมด

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภายนอกยานอวกาศ ในโลกสองร้อยล้านชั้นของดินแดนชิงอำนาจได้มีฝนดาวตกวูบหายไป

นั่นเพราะเขากำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ผิดปกติอย่างอื่นอยู่

หนังสือพิมพ์ลุกเป็นไฟ

กู่ฉิงซานไม่ทันจะได้มีเวลาตอบสนอง เสียงคำรามของเปลวไฟก็ผุดออกมาจากในอากาศที่ว่างเปล่า และเผาฉบับหนังสือพิมพ์ทิ้งไป

อย่างไรก็ตามหนังสือพิมพ์กลับมิได้ลอยเป็นเถ้าฟุ้งกระจาย

แต่มันกลับกลายเป็นบางสิ่ง ที่คล้ายๆ กับผ้าสีดำกำลังแผ่ขยายอยู่ในมือของกู่ฉิงซาน

สีหน้าของกู่ฉิงซานแปรเปลี่ยนไป

เมื่อเห็นถึงปรากฏการณ์นี้ เขาก็ตระหนักได้ว่ามันไม่ใช่หนังสือพิมพ์ธรรมดาๆ แต่คล้ายจะมีฟังก์ชันพิเศษอื่นๆ แอบแฝงมา

นี่คือหนังสือพิมพ์ที่เสี่ยวเหมียวเคยยัดใส่มือตัวเขาเอง

แต่ตอนนี้ เนื่องจากมันไม่น่าจะใช่หนังสือพิมพ์ธรรมดาแล้ว ดังนั้น ย่อมหมายความว่าเสี่ยวเหมียวต้องจงใจใส่อะไรบางอย่างที่แฝงความหมายอันลึกซึ้งเอาไว้แน่นอน

ซึ่งนี่มันแตกต่างไปจากสมองกล้ามเนื้ออย่างพี่ชายของเธอ เสี่ยวเหมียวน่ะมักจะวางแผน และมีความคิดมากมายอยู่เสมอ

แล้วถ้าเช่นนั้น ผ้าสีดำที่ซ่อนอยู่ภายใต้หนังสือพิมพ์มันคืออะไรกันแน่นะ?

กู่ฉิงซานไตร่ตรองด้วยความสงสัย

อย่างไรก็ตาม เห็นแค่เพียงบนผิวผ้าสีดำเริ่มเกิดแสงสว่างจางๆขึ้น

เริ่มจากจุดแสงเล็กๆ ค่อยๆ กลายเป็นแสงสลัว แล้วก่อให้เกิดหมอกควันขึ้น

นี่มันเป็นฉากที่ค่อนข้างจะแปลกมาก

ขณะที่กู่ฉิงซานกำลังสงสัย หน้าต่างเทพสงครามก็ส่องสว่างขึ้น

บรรทัดแสงหิ่งห้อยปรากฏลงใจกลางหน้าต่าง

“ผนึกผ้าดำได้ถูกเปิดออกแล้ว”

“คุณได้ค้นพบไอเท็ม ผ้าดำปริศนาแห่งกระบี่ปฏิญาณ”

“คุณภาพ อุปกรณ์พิเศษ”

“คำอธิบายตามพงศาวดารวันสิ้นโลก กระบี่ปฏิญาณ คือหนึ่งในองค์กรที่ลึกลับที่สุดในโลกเก้าร้อยล้านชั้น ข่าวที่เปิดเผยต่อสาธารณะไม่มีระบุว่าพวกเขากระทำสิ่งใดเลย แต่มีเฉพาะเพียงตัวตนทรงอำนาจระดับสูงเท่านั้น ที่ทราบว่ามันมีอยู่จริง”

“วิชายุทธ์เทพสงคราม ผ้าดำปริศนา เป็นไอเท็มพิเศษขององค์กรที่ใช้สำหรับการติดต่อกับมิติและเวลาบางแห่ง คุณไม่สามารถเรียนรู้ทักษะใดๆ จากมันได้”

กู่ฉิงซานกวาดสายตาอ่านจนจบ

และไม่รีรอให้เขาใช้เวลากลั่นกรอง ก็มีเสียงของผู้หญิงดังออกมาจากผ้าดำที่อยู่ใจกลางหมอกเย็น

“อีกฝั่ง…หนึ่ง…เป็น…ใครกัน?”

เสียงของหญิงสาวที่ฟังดูไม่ปะติดปะต่อ และแผ่วเบา คล้ายกับคนที่กำลังใกล้ตายดังขึ้น

เมื่อได้ยินถึงเสียงอันคุ้นเคยนี้ จิตฟุ้งซ่านของกู่ฉิงซานก็สงบลงโดยสมบูรณ์

เขาเอ่ยถามทันที “คุณคือหยุนจี? จ้าวแห่งหมอก ผู้คุ้มภัยแห่งโชคชะตาลี้ลับ ภัยพิบัติแห่งอาณาจักรทั้งมวล ใช่หรือเปล่า?”

ปรากฏเสียงรบกวนดังมาจากฝั่งตรงข้าม

จำต้องใช้เวลาสักพักเลย กว่าที่เสียงรบกวนเหล่านี้จะสงบลง

เสียงของผู้หญิงดังขึ้นอีกครั้ง

“กู่ฉิงซานหรือ? ฉันแค่รู้ว่ามีคนของพวกเราอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นนาย”

เธออ้าปากสูดลมหายใจ ดิ้นรนเอ่ยต่อด้วยความยากลำบาก “…อาการบาดเจ็บของฉันร้ายแรงเกินกว่าจะเคลื่อนไหวได้ ฉันทำได้แค่ส่งสัญญาณที่อยู่ให้กับนาย ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอะไรต้องทำแล้วล่ะก็ ได้โปรดรีบมาช่วยฉันด้วยเถอะ”

เห็นแค่เพียงจุดแสงในหมอกหนารวมตัวเข้าด้วยกันจากผ้าสีดำ ก่อนจะไหลลงไปในมือของกู่ฉิงซาน ตรงไปยังทะเลแห่งห้วงสติของเขา

กู่ฉิงซานสามารถรับรู้ถึงตำแหน่งแบบเฉพาะเจาะจงของอีกฝ่ายทันที

“คุณรอก่อนนะ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ!”

เขาตะโกน

หยุนจี “ฉันจะไม่ไหวแล้ว แต่อย่างน้อยฉันก็พอที่จะบอกอะไรบางอย่างกับนายก่อนตายได้ เพราะฉะนั้นช่วยรีบมาเร็วๆด้วยเถอะ”

ดูเหมือนว่าคำกล่าวนี้จะใช้พลังของเธอจนหมดสิ้น เพราะเมื่อพูดจบ เสียงก็ถูกตัดไปทันที

กู่ฉิงซานแทบลืมหายใจ

เขาเร่งหยิบแผนที่นำทางจากในลิ้นชักและเริ่มตรวจสอบมันอย่างระมัดระวัง

ตามความทรงจำของวังเฉิง กู่ฉิงซานได้ทำการเทียบเปรียบพิกัด และจัดวางแผนภูมินำทาง จนสามารถค้นพบถึงตำแหน่งของหยุนจีได้อย่างรวดเร็ว

ตลาดมืดเกรย์แฮนด์

หยุนจีอยู่ในตลาดมืด!

อ้างอิงจากตามพิกัด มันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่!

กู่ฉิงซานเริ่มเค้นสมองคิดหาวิธีช่วยเหลือเธอทันที

นับจากช่วงเวลานี้ไป เขาได้ละทิ้งซึ่งแผนการทุกอย่างทั้งหมดที่ทั้งคิด ทั้งเตรียมการ โยนไปไว้เบื้องหลังโดยสมบูรณ์

ช่างหัวมันว่ายานอวกาศลำนี้จะมีความลับหรือปัญหาอะไรเก็บซ่อนอยู่ เพราะในปัจจุบันการช่วยคนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด!

ตอนนี้ ยานกำลังจะมุ่งหน้าไปยังตลาดมืดอยู่แล้วก็จริง แต่เนื่องจากเพราะพวกมอนสเตอร์มิติ ที่บางครั้งก็ปรากฏตัวออกมาระหว่างทางอย่างกะทันหัน ดังนั้นจึงต้องระมัดระวัง ไม่สามารถเร่งความเร็วยานได้

เขาจะต้องไปควบคุมยานอวกาศให้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด!

กู่ฉิงซานตัดสินใจ และรีบออกจากห้องของวังเฉิงอย่างรวดเร็ว

เขาตระหนักได้มาตั้งนานแล้วว่ากัปตันน่ะ มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในเรื่องของเงิน

ดังนั้น เขาจะใช้เงินทั้งหมดของวังเฉิง แก้ไขปัญหาในข้อนี้

เพราะท้ายที่สุดแล้ว คำขอเดียวของเขาก็คือต้องการให้เร่งเครื่องเร็วขึ้น

กู่ฉิงซานก้าวฉับๆตรงไปยังห้องของกัปตัน

แต่สักพักหนึ่ง

ฝีเท้าของเขาก็ต้องหยุดลง

เพราะดันมีเรื่องแปลกๆ บางอย่างเกิดขึ้นรอบตัวเขา

กู่ฉิงซานตบลงในถุงสัมภาระ ชุดเกราะรบนายพลชั้นเฉินเว่ยบินออกมาและสวมทับใส่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว

เขาเอื้อมออกไปคว้าดาบขุนเขาเทวะหกโลกาไว้ในกำมือ

“จงเผยตัวออกมาเดี๋ยวนี้!”

กู่ฉิงซานตวาด

แต่ก็ไม่มีใครตอบเขา

อันที่จริงแล้วเรือทั้งลำบัดนี้กลายเป็นวังเวง ไร้สิ่งสรรพเสียงใดๆ

กู่ฉิงซานปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกมา กวาดไปตลอดทั้งลำยาน

…ไม่มีใคร

ทุกคนบนยานอวกาศหายหัวไปกันหมดเลย!

………………………………….