อับอายเจียนตาย

 

เหลียงหวางหรูตื่นตกใจสุดขีด นางพยายามค้ำยันตัวเองเพื่อลุกขึ้น แต่บาทาที่เตะกลางอกก่อนหน้ากลับไม่เบา นางเจ็บจนไม่สามารถลุกขึ้นมาช่วยได้

เมื่อเห็นว่ามีดสั้นลุจ่อเข้าใกล้แก้วตาของเย่หยวนขึ้นทุกที เหลียงหวางหรูก็ทำอะไรไม่ถูกและเริ่มกรีดร้องน้ำตาคลอด้วยความวิตก

จางชุนและคนอื่นๆได้แต่จ้องมองภาพฉากนี้อยางไร้ประโยชน์ คุณหนูรองขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมเลือดเย็นตั้งแต่ไหนแต่ไร เด็กหนุ่มคนนี้ที่ไปยั่วยุโทสะ นับว่าดวงซวยอย่างแท้จริง

เห็นว่าเหลียงหวางหรูกระวนกระวายแทบบ้า เพราะการกระทำของนาง เหลียงหวางหรงยิ่งรู้สึกสุขใจยิ่งกว่าอะไร

การที่เหลียงหวางหรูเป็นเช่นนี้ คือสิ่งที่นางอยากจะเห็นมากที่สุด

และไอ้พิการนั้นก็ทำให้นางทั้งอับอายและรังเกียจเกินพรรณนา!

 

เหลียงหวางหรงยกมีดสั้นขึ้นและแทงลงตรงกลางแก้วตาเย่หยวนอย่างเลือดเย็น

ทุกคนโดยรอบไม่สามารถทนดูภาพฉากที่โหดเหี้ยมนี่ได้ พวกเขาพลิกหน้าหันไปทางอื่นฉับพลัน

แต่หลังจากที่กลั้นใจรอมาสักพัก กลับไม่มีเสียงร้องของเย่หยวนดังออกมาเลยสักนิด

 

นานเกินผิดสังเกต พวกเขาแต่ละคนจึงค่อยๆเบี่ยงหน้ากลับมามอง

 

ตุบบ!

มีดสั้นร่วงกระแทกพื้นเสียงดัง ทันทีทันใด ไฟสวาทใคร่รักของอิสตรีปะทุขึ้น ทั่วทั้งเรือนร่างของเหลียงหวางหรงร้อนผ่าวเปี่ยมตัณหา

 

พวงแก้มของนางเห่อแดง มือทั้งสองเริ่มลูบไล้ไปบนเรือนร่างของนาง คู่ดวงเนตรสีน้ำตาลแสนยั่วยวนกดมองไปที่จางชุนด้วยความเสน่ห์หา ซึ่งนี่ต่างทำให้ฝูงชนที่มุงดูแตกออกถอยห่างในทันที

ส่วนจางชุนถึงกับขนลุกซู่วไปทั่วอณู

 

“คุณหนูรอง คุณหนู…”

จางชุนรู้สึกได้ตามสัญชาติญาณ นี่มิใช้เรื่องดีแน่แท้ ท่าทีของคุณหนูรองเป็นที่ชัดเจนว่า นางกำลังต้องการอะไรบางอย่างจากตัวเขา!

โดยไม่คิดลังเล คุณหนูรองพุ่งจู่โจมเข้าใส่จางชุนดั่งราชินีเสือสุดกระหายใคร่รัก นางโอบรัดรอบเอวของเขาพร้อมกดศีรษะประทับจูบแสนดูดดื่มอย่างบ้าคลั่ง

 

“พี่ใหญ่ชุน หรงเอ๋อ…หรงเอ๋อแอบชอบท่านมานานแล้ว! ท่าน…ท่านช่วย… ช่วยหรงเอ๋อหน่อยได้หรือไม่? ช่วยให้หรงเอ๋อมีความสุขได้ไหม?”

เสียงหวานละมุนของเหลียงหวางหรงที่แผดดังระทวยข้างหูจางชุน นี่ทำเอาเขาแขนขาอ่อนแรงชั่วขณะ

เหล่าทหารยามคนอื่นๆต่างตื่นตะลึงสุดขีด นี่…ไฉนสถานการณ์ถึงพลิกตาลปัตรเช่นนี้?

หากกล่าวตามตรง เหลียงหวางหรงเป็นหญิงสาวที่งดงามมาก และด้วยไฟสวาทที่สุมทรวงของนางในปัจจุบัน แล้วจางชุนจะใจแข็งทานทนได้อย่างไร?

เว้นเสียว่าทั้งหมดเป็นเพียงคำล่อลวง

มีพยานรู้เห็นมากมายขนาดนี้ ยามที่กลับไป เขาไม่ถูกประหารทันควันเลยรึ?

 

ทันทีที่คิดได้แบบนั้น สีหน้าของจางชุนพลันซีดขาวทันทีด้วยความกลัว ก่อนจะพยายามผลักไสเหลียงหวางหรงออกไป ทว่านางกลับติดหนึบไม่ไปไหนดั่งลูกสุนัขติดแม่ อ้อมกอดสวาทนั้นมิยอมคลายออกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

 

สถานะของเหลียงหวางหรงในตระกูลเหลียงสูงมาก จางชุนเองก็ไม่กล้าลงไม้ลงมือแรงเช่นกัน ภายใต้สถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกแบบนี้ ล้วนทำให้ทุกคนแทบจะเป็นบ้า

 

“พวกเจ้ายังจะยืนมองอันใด! ช่วยดึงคุณหนูรองออกไปโดยเร็ว!”

จางชุนขนลุกซู่วยันหนังศีรษะไปหมด ยามนี้เขาไร้ซึ่งอารมณ์ราคะใดต่อหญิงสาวนางนี้ที่ประเคนเรือนร่างถึงหน้าประตูบ้าน ถ้าหากเรื่องนี้ถูกรายงานไปถึงตระกูลเหลียงจนเป็นข่าวอื้อฉาว คนรับใช้อย่างเขาได้ตายแน่นอน

เหล่าทหารยามได้สติขึ้นและรีบตรงเข้ามาแยกเหลียงหวางหรงออกไปทันที

 

เหลียงหวางหรงดิ้นรงสุดแรงเกิด พร้อมฉุดรั้งเสื้อผ้าอาภรณ์บนร่างจางชุนจนหลุดเละเทะเพื่อเหนี่ยวไม่ไปไหน

โชคยังดีที่เหล่าทหารยามพวกนี้แข็งแกร่งพอ จนท้ายที่สุดพวกเขาก็แยกนางจากจางชุนออกมาได้สำเร็จ

เหลียงหวางหรงในตอนนี้แพรพรรณส่วนบนที่ปกคลุมเรือนร่างเลื่อนหลุดกระจายออกอย่างไร้ระเบีบย จนเผยให้เห็นเนินอกสีขาวนวลดุจหิมะทรงโต สิ่งนี้น่าดึงดูดไม่น้อยสำหรับเหล่าทหารยามจนแขนขาอ่อนระทวยไปตามๆกัน

 

“พี่ใหญ่ชุน หรงเอ๋อชอบท่านจริงๆ!”

แม้จะถูกกลุ่มคนแยกออกมา แต่นางกลับมิได้สนใจและตะโกนเสียงหวานเรียกหาอีกฝ่ายอย่างไม่ลืมหูลืมตา

 

จางชุนรีบใส่เสื้อกลับเข้าที่โดยไว เขาตรงเข้ามาหานางที่ถูกกลัดกลุมอยู่และผสานมือกล่าวด้วยความเคารพว่า

“คุณหนูรอง ชุนคนนี้ต้องขอโทษด้วย!”

เสร็จสิ้นคำกล่าว ชุนก็เอาสันมีดสั้นสับเข้าใส่ต้นคอของเหลียงหวางหรงจนหมดสติไป

จากนั้นจางชุนก็เดินตรงเข้าหาเย่หยวนต่อทันที

หลังเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายในครั้งนี้ ในที่สุดเหลียงหวางหรูก็พยุงตัวเองลุกขึ้นได้

 

เห็นว่าจางชุนกำลังเดินเข้าใกล้เย่หยวน ยามนี้นางเร่งปรีตรงเข้ามาขวางทันที

จางชุนผงะไปที่เห็นแบบนั้น เขาเร่งผสานมือกล่าวว่า

“คุณหนูใหญ่ก็เห็นสภาพของคุณหนูรองแล้ว เจ้าสารเลวนี่โผล่มาจากไหนไม่ทราบ บางทีเขาอาจมิใช่คนดีอย่างที่คิด! คงไม่เป็นการดีที่คุณหนูใหญ่คิดจะปกป้องเขาจริงหรือไม่?”

 

คู่นัยน์ตาไสวงามของเหลียงหวางหรูสั่นระริก นางเหลียวหลังกลับไปมองเย่หยวนที่นอนนิ่งไร้พิษภัย ก่อนจะหันกลับส่งภาษามือให้จางชุน

นางชี้ไปที่เหลียงหวางหรงที่กำลังหมดสติ ความหมายของนางที่ต้องการจะสื่อคือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความผิดของเหลียงหวางหรง

 

จางชุนเองก็ทราบดีถึงความหมายที่นางต้องการจะสื่อ แต่จนแล้วจนรอด เขาเป็นแค่คนรับใช้จึงหันหัวโทษเย่หยวน เนื่องจากเขาเป็นคนแปลกหน้าไม่ทราบภูมิหลังอันใดเลย

อย่างไรก็แล้วแต่ เขาก็มิอาจเข้าใจได้ว่า เย่หยวนทำเช่นนี้ได้อย่างไร?

 

ตามที่หวูเฉินอธิบายไป คนเหล่านี้เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา

แม้พวกเขาจะเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาทั่วไป แต่ความแข็งแกร่งโดยพื้นฐานของคนเหล่านี้อยู่ที่อาณาจักรเต๋าลึกล้ำ!

เมื่อเย่หยวนทราบถึงบรรทัดฐานของผู้คนบนมหาพิภพถงเทียน เขาถึงกับสะดุ้งโหย่งด้วยความตะลึง

หวูเฉินเคยกล่าวว่า ระดับพลังของผู้คนในมหาพิภพถงเทียนโดยส่วนใหญ่ เมื่อถือกำเนิดขึ้นมา พวกเขาเหล่านั้นจะได้รับสืบทอดพลังมาจากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดมาโดยตรง

ตัวอย่างเช่น ถ้าหากทั้งพ่อและแม่เป็นถึงยอดเซียนอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ ลูกที่ถือกำเนิดมาอย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นเซียนอาณาจักรราชันย์พระเจ้าตั้งแต่กำเนิด และยังมีโอกาสเป็นถึงเซียนอาณาจักรเทพถ่องแท้เลยด้วย!

ขึ้นกลายมาเป็นเซียนอาณาจักรเทพถ่องแท้ตั้งแต่กำเนิด ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาดูโลก เด็กเหล่านี้ก็สามารถเทียบชั้นได้กับจอมเทพนิรันดร์แล้ว!

 

กฎแห่งธรรมชาติสุดแหวกแนวแบบนี้ เย่หยวนที่ได้ฟังยังต้องประหลาดใจยิ่งเช่นกัน

หากพ่อแม่เป็นเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า ลูกที่ถือกำเนิดออกมาโดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่อาณาจักรเต๋าลึกล้ำ

กล่าวได้ว่า บนมหาพิภพถงเทียนแห่งนี้ อาณาจักรเต๋าลึกล้ำคือประชาชนทั่วไป!

แต่ถ้าหากในดินแดนพฤกษานิรันดร์ อาณาจักรเต๋าลึกล้ำนับเป็นอาณาจักรพลังระดับสูงสุด ผู้ใดสามารถบรรลุได้คือการดำรงอยู่อันไร้เทียมทาน

 

ถึงกระนั้น อาณาจักรเต๋าลึกล้ำสำหรับมหาพิภพถงเทียนแห่งนี้ กลับเป็นได้แค่‘ประชาชน’ข้างทางทั่วไป!

 

ในบรรดาทหารยามเหล่านี้ มีเซียนอาณาจักรพระเจ้าแค่คนเดียวนั้นคือ จางชุน

ถึงแม้เย่หยวนจะไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายใดๆได้ แต่เขายังมีเนตรสุริยันจันทราเทวะอยู่ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับจางชุน เขาจึงต้องหยิบยืมเหลียงหวางหรงมาใช้ให้เป็นประโยชน์

การที่เหลียงหวางหรงออกหน้าลงมือเองเช่นนี้ กลับเป็นเรื่องยากสำหรับจางชุน

 

“เจ้าหนู เจ้าทำอะไรกับคุณหนูรองกันแน่?”

จางชุนซักถามอย่างไม่ยอมแพ้

 

เย่หยวนกล่าวตอบเสียงเรียบกลับไปว่า

“ท่านจาง ท่านเข้าใจอันใดผิดไปหรือไม่? ร่างกายของข้าไม่สามารถขยับได้แม้สักนิด ยิ่งไปกว่านั้น พลังปราณเทวะในกายข้าก็เหือดแห้งไม่เหลือ แล้วข้าจะทำอะไรแม่นางหวางหรงได้อย่างไร? ในความเห็นของข้า แม่นางหวางหรงอาจแอบชอบท่านมาตั้งแต่แรกแล้วจริงๆ เพียงเก็บความรู้สึกนั้นไว้ตลอดมา? ท่านจางอย่าได้ถ่อมตัวจนเกินไป ท่านเองก็เป็นถึงเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าขนานแท้คนหนึ่ง สถานะศักดิ์อยู่เหนือปุถุชนทั่วไป แม้ท่านกับแม่นางหวางหรงจะลงเอยถึงขั้นที่ว่า นับว่านางไม่เสียเกียรติเช่นกัน”

 

สีหน้าการแสดงออกของจางชุนมืดลงทันใด เขาทราบดี เย่หยวนกำลังพร่ามวาจาไร้สาระไปเรื่อย

แต่ที่เย่หยวนกล่าวไปก็มีเหตุผลเช่นกัน

เขาเฝ้าจับตาดูเย่หยวนอยู่ตลอด และมั่นใจว่าทุกการกระทำของเย่หยวนล้วนมิอาจรอดพ้นสายตาเขาได้แน่นอน

เย่หยวนไม่มีพลังปราณเทวะหลงเหลืออยู่ในร่างกายเลย นี่กลับเป็นเรื่องจริงอย่างแม่นยำ

 

แต่สิ่งหนึ่งที่จางชุนมิทราบคือ หลังจากที่เย่หยวนทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ พลังของเนตรสุริยันจันทราเทวะเองก็หวนกลับคืนสู่อาณาจักรพระเจ้าด้วยเช่นกันตามธรรมชาติ

ดังนั้นจางชุนจะมองออกได้อย่างไร?

 

“หึ! คิดหรือว่าจะหลอกจางคนนี้ได้? นอกจากเจ้าแล้วยังมีใครอีกที่กล้าคิดร้ายต่อคุณหนูรอง?”

จางชุนเค้นเสียงเย็นกล่าวขึ้น

 

เย่หยวนยิ้มและกล่าวตอบว่า

“ท่านจาง ท่านเองก็ควรมีมโนธรรมประจำใจเสียบ้าง! ท่านกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของข้า เช่นนั้นมีหลักฐานหรือไม่?”

จางชุนไม่รู้ว่าเย่หยวนมีเนตรสุริยันจันทราเทวะอยู่กับตัว และวิชาเนตรลวงตาแขนงนี้มีเพียงผู้ใช้เท่านั้นทราบตระหนักทราบดี เหลียงหวางหรงที่เป็นแค่มนุษย์ทั่วไปกับคนนอกที่ไม่โดนวิชาเนตรโจมตีใส่ย่อมไม่มีทางรู้ได้แน่นอน

มีเหลียงหวางหรูอยู่ข้างๆแบบนี้ จางชุนเองก็ไม่กล้าทำกิริยาหยาบคายใส่เย่หยวนมากเช่นกัน

 

หลังจากนั้นที่จางชุนเฝ้าตรวจสอบเย่หยวนอยู่ครู่ใหญ่ เขาก็ได้ข้อสรุปว่านี่มิใช่ฝีมือของเย่หยวน กลับเป็นเหลียงหวางหรงเองที่อาจกินยาผิดสำแดงเข้าไป เช่นนั้นจางชุนจึงทำได้เพียงสะบัดแขนและเดินจากไป

 

ประมาณกลางดึกเห็นจะได้ เหลียงหวางหรงค่อยๆลืมตาตื่นฟื้นสติขึ้น ก่อนสังเกตเห็นว่าเหล่าทหารยามโดยรอบต่างจ้องมองนางด้วยสายตาแปลกๆ

ชั่วแวบต่อมา เหตุการณ์ทั้งหมดก่อนหน้าพลันโฉบแล่นสู่ห้วงความคิด นางจำเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างแม่นยำ พลางนึกถึงภาพฉากอันน่าอับอายนั้น พวงแก้มขาวเนียนของนางจู่ๆก็เห่อแดงแทบปริแตก