ตอนที่ 253 จดหมายลับ 2 ฉบับ

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 253 จดหมายลับ 2 ฉบับ

หยูเวิ่นหวินย่อมดีใจ และกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ที่หลินเจียงมีเรือนซีซาน ด้านนอกจินหลิงก็มีเรือนหนานซาน พวกเรายังขาดทางตะวันออกและทางเหนือ จึงจะมีเรือนอยู่ครบทุกทิศทั้งสี่แห่ง… ภายภาคหน้าที่ใดอยู่สบายก็ไปพักสักช่วงระยะหนึ่ง เป็นความคิดที่ดีมากเลยมิใช่รึ ? ”

ต่งชูหลานกลับเหลือบมองหยูเวิ่นหวิน “เยี่ยงนั้นต้องหาเงินให้ได้เท่าใดกันจึงจะพอกับค่าใช้จ่าย จวนฟู่ก็ใช้เงินไปทั้งหมดหลายแสนตำลึง ถึงแม้ข้าจะมิเคยไปเรือนหนานซาน แต่ช่วงหลายปีมานี้ฝ่าบาทก็มิได้ไปล่าสัตว์ที่หนานซานอีก ท่านพ่อเคยกล่าวไว้ว่า การตระเวนล่าสัตว์ของฝ่าบาทหนึ่งครั้งใช้เงินไปเกือบล้านตำลึง ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือค่าซ่อมแซมเรือนหนานซาน”

ต่งชูหลานยืดตัว เอียงศีรษะและเอ่ยถามว่า “เจ้ากล่าวว่าหากภายภาคหน้าพวกเราต้องไปพักที่นั่น เงินห้าหมื่นตำลึงก็ปลิวว่อนไปกับค่าใช้จ่ายแล้วน่ะสิ”

หยูเวิ่นหวินสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ แต่กลับยิ้มออกมา และยื่นมือไปกุมมือของต่งชูหลาน “มิใช่ว่ามีเจ้าหรอกหรือ เจ้าคือภรรยาที่เป็นเทพเจ้าความมั่งคั่งในอนาคตมิใช่รึ !”

ต่งชูหลานเลิกคิ้วขึ้น และภูมิใจอยู่ไม่น้อย “ข้าได้ส่งนักบัญชีของจวนไปไว้ที่ซีซานแล้ว 1 คน เพื่อช่วยท่านพ่อสามีจัดการการเงินของซีซาน บัญชีทางด้านนั้นยุ่งเหยิงดูยากเกินไป ข้าเลยส่งเขาไปจัดการทุกอย่าง…”

ต่งชูหลานจ้องมองฟู่เสี่ยวกวน แล้วกล่าวอีกว่า “ค่าใช้จ่ายทางนั้นค่อนข้างมาก แต่ผลประโยชน์ที่จะได้รับในอนาคตย่อมมิเลว โดยเฉพาะโรงงานทางเขตเหยา ส่วนภูเขาเฟิ่งหลิน…นั่นคือหลุมที่ผลาญเงินทอง ข้ายังมองมิเห็นประโยชน์อันใด”

หน้าผาต้วนฮุนภูเขาเฟิ่งหลิน การขุดเหมืองแร่ตรงนั้นได้เข้าสู่หนทางที่ถูกต้องมานานแล้ว เตาหลอมเหล็กทรงสูงก็ได้ทดลองผลิตแล้วย่อมดีกว่าเตาหลอมเหล็กในอดีตตั้งไม่รู้กี่เท่า ปืนใหญ่หงอีถูกหลอมขึ้นด้วยการใช้เหล็กที่ผลิตจากหน้าผาต้วนฮุน ดังนั้นมันจึงไม่ระเบิดออก

แต่เจ้าโลหะนี้หากขายไปโดยตรง มันจะมิคุ้มค่า

ประเทศมีเหมืองแร่ สำนักหล่อของประเทศย่อมมิซื้อขายแร่เหล็กจากด้านนอก ยิ่งกว่านั้นฟู่เสี่ยวกวนก็มิมีความคิดที่จะขายเหล็กที่ตนเองหลอมขึ้นมาด้วยเช่นกัน

คุณภาพของโลหะเหล่านั้นสูงเป็นอย่างมาก เขาต้องการนำเหล็กเหล่านั้นมาแปรเป็นอาวุธและชุดเกราะ หนึ่งเพื่อติดตั้งให้กองกำลังส่วนตนของเขา สองเพื่อขายให้กับราชวงศ์หยู

ตอนนี้ยังมิถึงเวลานั้น คาดว่าเรื่องนี้คงจะต้องรอให้ถึงสิ้นปี แล้วให้ต่งชูหลานไปเจรจากับองค์หญิงใหญ่

อาวุธและชุดเกราะเหล่านั้นย่อมดีกว่าในตอนนี้หลายเท่า ฟู่เสี่ยวกวนมิได้กังวลว่าองค์หญิงใหญ่จะไม่ซื้อ ดังนั้นกำไรที่จะเกิดขึ้นของภูเขาเฟิ่งหลินอย่างน้อยก็ต้องรอถึงปีหน้าจึงจะเห็นผลประโยชน์

“ปืนใหญ่หงอีของเจ้าที่สร้างขึ้นที่ซีซาน เสด็จพ่อและเสด็จแม่ได้ไปเห็นที่จวนฮุ่ยชินอ๋องแล้ว กล่าวว่าไปเยี่ยมเยือน หึ ๆ เสด็จแม่กลับมาก็เล่าว่าฮุ่ยชินอ๋องคุกเข่าลงต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อแต่กลับต่อว่าเจ้าอยู่ครู่หนึ่ง เสด็จแม่กล่าวว่าอานุภาพของปืนใหญ่ทรงพลังยิ่ง ห้องโถงด้านหน้าจนถึงสวนด้านหลังของจวนฮุ่ยชินอ๋องต่างกลายเป็นหลุมลึกหลายหลุม ทั้งยังทำลายอาคารอีกมากมาย หลังจากที่เสด็จพ่อกลับมาก็เอาแต่จ้องปืนใหญ่หงอีอยู่ครึ่งค่อนวัน คาดว่าคงประทับใจกับของสิ่งนี้อยู่ไม่น้อย”

“ของสิ่งนั้นได้ส่งไปที่กรมอุตสาหกรรมแล้ว…” หยูเวิ่นหวินกังวลใจอยู่บ้าง จ้องมองฟู่เสี่ยวกวนและเอ่ยถาม “หากกรมอุตสาหกรรมทำสิ่งนี้ขึ้นมา เจ้าก็จะไร้หนทางขายให้เสด็จพ่อแล้วมิใช่หรือ เจ้ามิควรส่งสิ่งนั้นเข้ามายังวังหลวง นั่นมันเป็นเงินทั้งนั้นเลยมิใช่รึ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะขึ้นมา “มิเป็นไร เยี่ยงไรแล้วก็ต้องส่งไปให้ฝ่าบาททอดพระเนตร มีเพียงให้ฝ่าบาทได้ทอดพระเนตรเห็นด้วยตนเองเท่านั้นจึงจะเข้าใจว่าปืนใหญ่นี้เป็นอาวุธมิใช่สิ่งของไร้ค่า พวกเจ้าวางใจเถิด กรมอุตสาหกรรมมิสามารถสร้างขึ้นมาได้อย่างแน่นอน หากฝ่าบาทต้องการ ก็ทำได้เพียงมาซื้อกับข้าเท่านั้น”

ต่งชูหลานเองก็รู้สึกว่าฟู่เสี่ยวกวนคิดได้ไม่มากพอ จึงมองบนใส่เขา “ซื้อรึ ? หากฝ่าบาทยึดเพื่อนำมาใช้ เจ้าจะสามารถทำอันใดได้ ?”

ฟู่เสี่ยวกวนผงะ ไม่มีทาง… !

ในตอนที่ฟู่เสี่ยวกวนคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ขันทีเจี่ยที่ขี่ม้าเร็วก็ไล่ตามมา

ขบวนหยุดลง ฟู่เสี่ยวกวนลงจากรถ ขันทีเจี่ยจึงได้ส่งจดหมายลับให้กับเขา “คุณชายฟู่ เพื่อไล่ตามท่าน บั้นท้ายของข้าแทบจะเกิดสะเก็ดไฟ ท่านอ่านเถิด ฝ่าบาทรีบร้อนเป็นอย่างมาก”

ฟู่เสี่ยวกวนนึกถึงคราที่เขาเป็นเทพบู๊ ช่างเสแสร้งได้เป็นเรื่องเป็นราวเสียจริง !

เขาเปิดจดหมายลับออกมาอ่าน ทันใดนั้นก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมา !

“ปืนใหญ่หงอี ข้าชื่นชอบมันอย่างมาก ข้าได้ใคร่ครวญดูแล้วสิ่งนี้หากใช้ในสนามรบย่อมมีประโยชน์เป็นอย่างมาก ดังนั้น ข้าจะจดจำผลงานที่ยิ่งใหญ่ของเจ้าไว้ และรีบส่งปืนใหญ่หงอีจำนวน 100 กระบอกมาที่เมืองหลวง ข้าต้องการใช้พวกมันถล่มกองทัพของราชวงศ์อี๋ให้สิ้นซาก !”

ให้ตายเถอะ !

เจ้าคิดอันใดอยู่กัน ?

ฟู่เสี่ยวกวนชะงักค้างไปเนิ่นนาน ขันทีเจี่ยก็ปรี่เข้ามาถามอีกครา “เป็นเยี่ยงไรบ้าง ?”

“ไร้หนทาง วอนท่านขันทีนำไปทูลกล่าวฝ่าบาทด้วย ปืนใหญ่หนึ่งกระบอกคิดราคา 5,000 ตำลึง กระสุน 1 ลูกคิดราคาเป็น 100 ตำลึง และข้ารับปากได้เพียงสามารถส่งให้ได้แค่ 10 กระบอกภายในหนึ่งเดือน”

ขันทีเจี่ยกลับแสยะยิ้ม และดึงจดหมายลับในแขนเสื้อมาส่งให้กับฟู่เสี่ยวกวนอีกครา “ฝ่าบาทคาดการเรื่องไว้ได้ราวกับเทพ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนรับจดหมายลับนั้นมาอ่าน

“ในตอนนี้ยังมิมีเงิน แต่การรบทางตะวันออกเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเยี่ยงนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะมองสถานการณ์โดยรวม มิจับตามองแต่ผลประโยชน์เล็กจ้อยที่อยู่เบื้องหน้า ! ”

“เพราะเรื่องการสวรรคตของไทเฮา จนทำให้การแต่งงานของเจ้ากับชูหลานและเวิ่นหวินยังไม่เกิดขึ้น ข้าคิดว่า มันค่อนข้างที่จะน่าเสียใจ แต่มันขัดต่อประเพณี ข้าจึงมิมีทางแก้ไขได้ ดังนั้นข้าจึงประทานทะเบียนสมรสของเจ้ากับพวกนางทั้งสามฉบับให้ อีกหนึ่งฉบับนั้นเป็นข้อเรียกร้องที่แรงกล้าจากเยี่ยนเป่ยซีชายชราผู้นั้น ด้วยที่เยี่ยนเป่ยซีได้ทำงานอย่างหนักและเขายังยอมตายเพื่อปกป้องประเทศชาติบ้านเมืองให้ได้ ข้าจึงเห็นด้วยกับเขาในเรื่องนี้”

“ทะเบียนสมรสสามฉบับนี้ข้าลงมือเขียนด้วยตนเอง โดยมีซือหลี่เจี้ยนเป็นผู้เตรียมเอกสาร และได้กำหนดเรื่องราวระหว่างเจ้าและสตรีทั้งสามไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นความปรารถนาของข้า หวังว่าจะทำให้เจ้าสบายใจได้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าคือบุตรเขยของข้า ในโลกของข้า เจ้ามิได้มีฐานะเป็นขุนนางในราชสำนักอีกต่อไป ผลงานที่เจ้าทำเพื่อบ้านเมือง ข้าจะจดจำเอาไว้ในใจ”

“นอกจากนั้น ‘หนังสือกั๋วฟู่ลุ่น’ เล่มนั้นข้าก็ได้อ่านโดยละเอียดแล้ว แต่ยังมีข้อสงสัยอยู่อีกมาก รอให้เจ้ากลับมาจากราชวงศ์อู่เสียก่อน แล้วค่อยมาอธิบายโดยละเอียดให้ข้าฟัง ตามความคิดเห็นในหนังสือของเจ้า ข้าและเยี่ยนเป่ยซียินยอมที่จะทำการทดสอบล่วงหน้าไปก่อน เขตที่เลือกไว้ว่าจะไปสำรวจในตอนนี้มีหลินเจียงเขตเหยา เขตกงแห่งเหอหนาน เขตไคหยาง ณ ฉีโจว สองเขตอย่างชวีอี้และผิงหลิงแห่งหย่งหนิงโจว รวมไปถึงทั้งหกเขตของอำเภอเหอหยูในหนิงโจว”

“แต่หลังจากที่ข้าได้หารือกับเหล่าเสนาบดีจำนวนมากก็คิดว่า การผลักดันเรื่องนี้คงต้องให้ตกอยู่บนบ่าของเจ้า แม้แต่เยี่ยนเป่ยซีก็ทำอันใดมิได้ ที่สำนักอัครมหาเสนาบดีข้าได้ร่างนโยบายดำเนินการค้าและการเกษตรไปพร้อมกันไว้แล้ว คาดว่าในยามที่เจ้ากลับมายังเมืองหลวง เรื่องนี้ก็คงได้เผยแพร่ไปทั่วประเทศแล้ว หลังจากนั้นเจ้าก็ส่งเสริมการปฏิรูปในฐานะที่ได้รับพระราชโองการจากข้า โดยมิต้องกังวลแต่อย่างใด”

“เจ้าจำไว้เสมอว่าเจ้าเป็นบุตรเขยของข้า หากมิทำคุณประโยชน์อันใด ข้ารวมไปถึงฮองเฮา อีกทั้งยังมีเยี่ยนเป่ยซีที่เฝ้าดู เจ้าลองใคร่ครวญดูในระหว่างที่เดินทางเสีย ! ”

ขันทีเจี่ยก็ได้หยิบทะเบียนสมรสสามฉบับออกมาจากในแขนเสื้อด้วยใบหน้ายิ้มแป้น

“ขอแสดงความยินดีกับคุณชายฟู่ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนรับทะเบียนสมรสมา จ้องมองขันทีเจี่ยอยู่ครู่ แล้วจึงหยิบตั๋วเงิน 5,000 ตำลึงยัดใส่มือขันทีเจี่ย และยังคงกล่าวด้วยท่าทีเคร่งเครียด “ความต้องการของฝ่าบาทเกินกว่าความเป็นจริงมากนัก กลวิธีเฉพาะของการผลิตปืนใหญ่หงอีในตอนนี้ยังคงมิหนักแน่นพอ ผลผลิตต่อเดือนอย่างมากที่สุดก็ได้เพียงแค่ 10 กระบอก ตรงจุดนี้คงต้องวานให้ท่านขันทีนำไปทูลกล่าวฝ่าบาทด้วย นอกจากนี้ ข้ายังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องวานท่านขันทีเจี่ยไปทูลถวายฝ่าบาทเสียหน่อย”

“เชิญคุณชายฟู่กล่าวมา”

“ที่ซีซานยังขาดแคลนวัสดุในการทำกระสุนปืน ข้าจะเขียนจดหมายรบกวนท่านขันทีนำไปถวายให้ฝ่าบาทด้วย มิเช่นนั้นการมีปืนใหญ่ก็ไร้ประโยชน์ยิ่ง”

“นอกจากนั้น วานขันทีเจี่ยฝากไปบอกกับฝ่าบาทอีกเล็กน้อย ทรัพย์สินของตระกูลชือที่ยึดมา โปรดมอบไว้ในนามองค์หญิงเก้า !”

“…..”