ตอนที่ 662

Elixir Supplier

662 ผู้มาเยือนยามฝนโปรย

 

“ถ้างั้นก็ คนไข้ทั้งหมดนี้มีปัญหาเรื่องปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ พี่จัดการได้เลยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“โอเค” พันจวินพูด

 

เขามาที่นี่ก็เพื่อเรียนรู้จากอาจารย์ของเขา และกระตือรือร้นที่จะได้รับทักษะใหม่ๆ เขาพร้อมที่จะเริ่มงานแล้ว

 

“หมอหวัง คนนี้ใครเหรอ?” คนไข้คนหนึ่งถาม

 

“ผมเป็นลูกศิษย์ของหมอหวังครับ” พันจวินพูด “ผมทำงานเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลเหลียนชาน”

 

“โอ้ โรงพยาบาลประจำเขตน่ะเหรอ?” คนไข้ถาม

 

“ใช่ครับ” พันจวินพูด

 

เขาลงมือรักษาคนไข้อย่างมีความสุข เขาใช้เทคนิคการนวดได้อย่างคล่องแคล่ว การฝึกฝนจะช่วยเพิ่มความชำนาญ และเขาก็ฝึกฝนมาตลอด

 

“ฝีมือพัฒนาขึ้นเยอะเลยนะครับ” หวังเย้าพูดในขณะที่เขาคอยสังเกตการณ์ทำงานของพันจวิน

 

“ฉันฝึกอยู่ที่คลินิกของพี่สาวทุกครั้งที่มีโอกาสน่ะ” พันจวินพูด

 

หวังเย้าลงชาให้กับเขา

 

พันจวินรักษาคนไข้ของหวังเย้าไปสามคน และการรักษาของเขาก็มีประสิทธิภาพอย่างมาก

 

“เก่งนะ ฉันรู้สึกดีขึ้นมากเลย” คนไข้ชายวัย 60 พูด

 

“ผมดีใจที่คุณรู้สึกดีขึ้นนะครับ” พันจวินพูด “คุณยังต้องรับการรักษาอีกสองครั้ง เพื่อให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้นไปอีกนะครับ”

 

“ได้ๆ” คนไข้พูด

 

หลังจากคนไข้ทั้งหมดกลับไปแล้ว หวังเย้าก็ชวนพันจวินไปทานอาหารด้วยกันที่ร้านอาหารใกล้บ้าน

 

“หมอหวัง จริงๆฉันมาวันนี่ก็เพราะมีเรื่องอื่นด้วย” พันจวินพูด

 

“เรื่องอะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“อาการของคนไข้ที่ฉันบอกกับอาจารย์ไปเมื่อวาน คนที่ถูกแมลงกัดน่ะ ตอนนี้อาการของเขาเริ่มแย่ลงแล้วนะ” พันจวินพูด “อาจารย์ช่วยเขาได้ไหม?”

 

“คนที่มาจากหมู่บ้านหลี่น่ะเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

พันจวินพยักหน้ายืนยันคำตอบ

 

“ช่วยได้สิครับ” การรักษาคนไข้รายนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหวังเย้าเลย เขาเพียงแค่ต้องใช้สมุนไพรแก้พิษอย่างเดียวเท่านั้น

 

“ถ้าเขาไม่ได้รับการรักษาในทันที ฉันคิดว่า เขาคงจะไม่รอด” พันจวินพูด

 

“คงต้องให้เขามาที่คลินิกของผมให้ได้ก่อนน่ะสิครับ” หวังเย้าพูด

 

“มันก็จริง” พันจวินพูด

 

พวกเขากลับไปที่คลินิกของหวังเย้าหลังจากที่ทานอาหารกลางวันกันเสร็จแล้ว เมื่อยังไม่มีคนไข้มา พันจวินก็ข้อคำแนะนำจากหวังเย้าสองสามคำถาม เขาพบเจอปัญหาเหล่านี้จากการที่ได้รักษาคนไข้ในคลินิกพี่สาวของเขาเอง เขาสะสมประสบการณ์จากการลงมือทำและเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงไปด้วย

 

“เป็นคำถามที่ดีมากเลยนะครับ” จากคำถามของเขา ทำให้หวังเย้ารู้ได้เลยว่าพันจวินฝึกฝนอย่างหนัก และความรู้ในเรื่องแพทย์แผนจีนของเขาพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาเห็นได้ว่า ฝีมือของพันจวินพัฒนาขึ้นทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

 

“เมื่อไหร่ที่พี่แตกฉานเกี่ยวกับทฤษฎีและเทคนิคการนวดแล้ว ผมจะสอนอย่างอื่นให้นะครับ” หวังเย้าพูด

 

“เยี่ยมไปเลย” พันจวินพูดด้วยรอยยิ้ม

 

เขากระตือรือร้นที่จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ แต่เขาก็รู้ความสามารถของตัวเองดี จุดแข็งของเขาก็คือ เขาตั้งใจกับสิ่งที่เขากำลังศึกษาอยู่เสมอ เขาจะเลือกเรียนทักษะใหม่ที่เหมาะกับความสามารถของเขาเอง และไม่รับอะไรที่มากจนเกินพอดี

 

ในโรงพยาบาลเหลียนชาน คนไข้ที่ถูกแมลงกัดถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลห่ายชิว

 

แพทย์ของโรงพยาบาลห่ายชิวก็ไม่รู้เช่นกันว่าต้องทำยังไงกับคนไข้รายนี้ เพราะพวกเขาไม่เคยเจอคนไข้อาการคล้ายแบบนี้มาก่อน

 

“เดี๋ยวนะ! ฉันว่า ฉันเคยเจอเคสคล้ายๆแบบนี้มาก่อนนะ” หลังจากอ่านรายละเอียดอาการของคนไข้เสร็จแล้ว แพทย์คนหนึ่งก็พูดขึ้นมา

 

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า คนไข้ที่ป่วยด้วยอาการเดียวกันนี้เป็นคนจากตระกูลใหญ่ ที่มีแพทย์หลายคนมารวมตัวกันเพื่อรักษาเขาเพียงคนเดียว

 

“ใช่! เขานั่นเอง!” แพทย์คนนั้นพึมพำ

 

“นายกำลังพูดอะไรอยู่เหรอ?” แพทย์อีกคนถาม

 

“ฉันเคยเจอเคสที่คล้ายกันมาก่อน” เขาพูด

 

“จริงเหรอ?” เพื่อนรวมงานของเขาถาม

 

“ใช่ แต่เขาไม่ได้หายเพราะฝีมือของเรานะ เขาหายเพราะได้ยาสมุนไพรจากหมอคนหนึ่งที่อยู่ในเหลียนชานน่ะ” แพทย์พูด

 

“แต่คนไข้เคสนี้มาจากเหลียนชาน แล้วที่เขาถูกส่งมาที่นี่ ก็เพราะหมอที่โรงพยาบาลเหลียนชานรักษาเขาไม่ได้” เพื่อนร่วมงานของเขาพูด

 

“งั้นเรามาลองรักษาเขาดูก่อนก็แล้วกัน” เขาพูด

 

พวกเขาได้ให้ยากับคนไข้ไป แต่มันกลับไม่ได้ผล มันเป็นพิษที่ไม่มีใครรู้จัก และอาการของคนไข้ก็ทรุดลงเร็วมาก พวกเขาไม่เคยมีประสบการณ์ในการรักษาอาการแบบนี้มาก่อน ดังนั้น พวกเขาจึงต้องเดินข้ามแม่น้ำและเหยียบหินไปบ้าง

 

ฝนเริ่มตกลงมาในหมู่บ้านของหวังเย้า อากาศในช่วงนี้ค่อนข้างแปรปรวน

 

บางทีอาจจะเป็นเพราะฝนที่ตกลงมา ทำให้หวังเย้าไม่มีคนไข้เลยตั้งแต่บ่ายสามเป็นต้นไป หลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมง พันจวินก็ขอตัวกลับ

 

ฝนตกลงมาไม่ทันให้ได้ตั้งตัวเลย หวังเย้าคิด

 

เขานั่งอ่านหนังสืออยู่ภายในคลินิก หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็เล่นอินเตอร์เนตในมือถือ

 

นี่อะไรน่ะ?

 

เขาเห็นข่าวบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับหมู่บ้านของเขา มันได้มีการบรรยายเอาไว้ว่า มีคนตายหลังถูกแมลงกัดเป็นจำนวนมาก

 

เขากดเข้าไปอ่าน และพบว่า คนที่เขียนบทความนี้ได้เขียนไปในแง่บวก มันอธิบายเอาไว้ว่า มีการพบแมลงชนิดหนึ่งในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคระบาด มีคนตายไปเป็นจำนวนมาก หลายคนต่างก็รู้เรื่องนี้กันดี แต่ทางรัฐบาลได้ห้ามไม่ให้คนกระจายข่าวนี้ออกไป

 

หวังเย้าเลื่อนอ่านคอมเมนต์ด้านล่าง และพบว่า คนจากพื้นที่อื่นก็ให้ความสนใจกับข่าวนี้เหมือนกัน มีคอมเมนต์ที่น่าสนใจอยู่อันหนึ่ง ได้เขียนเอาไว้ว่า : [ใช่แล้วล่ะ! เพื่อนฉันก็เกือบตายที่นั่นแล้วเหมือนกัน]

 

บางทีเพื่อนของเขาคนนั้นอาจจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นสามคนที่มาเมื่อวันก่อนก็ได้ หวังเย้าคิด

 

มีคอมเมนต์อื่นๆอีก เช่น [มันเป็นแมลงแบบไหนเหรอ?] และ [เอารูปมาให้ดูหน่อยสิ]

 

บางคนเพียงแค่อยากจะทำให้เรื่องมันใหญ่โตขึ้นไปอีก มีอีกคอมเมนต์ที่เขียนเอาไว้ว่า [ที่รีสอร์ทน้ำพุร้อนในหมู่บ้านหลี่ก็มีแมลงแบบนี้เหมือนกัน มีคนถูกมันกัดไปหลายคนแล้วด้วย]

 

คอมเมนต์มีมากมายไม่จบไม่สิ้น รวมไปถึงเรื่องเกี่ยวกับหมู่บ้านหลี่ด้วย

 

[มันเริ่มกระจายมาที่หมู่บ้านของเราแล้วรึยัง?]

 

[เรื่องจริงเหรอเนี่ย?]

 

คนที่เคยไปพื้นที่เหล่านั้นมาก่อนก็เข้ามาคอมเมนต์เช่นเดียวกัน

 

[ฉันสงสัยมามันจะเป็นเรื่องจริงรึเปล่าน่ะสิ ฉันไปที่นั่นมาตั้งสองครั้ง แล้วทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องแมลงพวกนี่เลยล่ะ?]

 

[ฉันว่า ต้องมีคนคิดสร้างข่าวลือเพื่อทำลายธุรกิจที่กำลังไปได้ดีของคนที่อยู่ที่นั่นแน่]

 

หวังเย้าอ่านคอมเมนต์ต่ออีกสักพัก ก่อนจะปิดมือถือและหันไปอ่านหนังสือต่อ ด้านนอกฝนยังคงตกอยู่

 

บนเนินเขาซีชาน พื้นที่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยปูนขาวได้เกิดปฏิกิริยากับน้ำฝนจนกลายเป็นด่าง

 

จี๊ด! มาบางอย่างออกมาจากตรงนั้น ในคือหนูตัวหนึ่ง มันยื่นศีรษะออกมาด้านนอกจนโดนน้ำฝนและมองไปรอบๆ จากนั้น มันก็หดศีรษะกลับเข้าไปอีกครั้ง

 

เวลาไหลผ่านไปอย่างช้าๆ ฝนยังคงตกลงมาไม่หยุด เช้าวันต่อมา ท้องฟ้ายังคงไม่สดใส ถึงแม้ว่าฝนจะหยุดตกไปแล้วก็ตาม สายลมที่พัดผ่านแสดงให้เห็นว่า ฝนสามารถตกลงมาได้ทุกเมื่อ

 

มีคนสองคนมาที่หมู่บ้านในตอนเช้า

 

“ใช่ที่นี่แน่นะ?” หนึ่งในพวกเขาถามขึ้นมา

 

“ใช่สิ” อีกคนพูด

 

ทั้งสองสวมเสื้อผ้าธรรมดา หนึ่งในพวกเขามีอายุประมาณ 30 ส่วนอีกคนมีอายุประมาณ 40 ทั้งสองมีร่างกายค่อนข้างเตี้ย

 

“ที่นี่คือเนินเขาซีชานเหรอ?” ชายวัย 30 ถาม

 

“ใช่แล้วล่ะ” ชายวัย 40 พูด

 

“เดี๋ยวผมจะลองไปถามคนแถวนี้ดู” ชายวัย 30 พูด

 

เพราะอากาศที่ไม่เป็นใจ ทำให้ไม่มีคนเดินอยู่ตามท้องถนน พวกเขาจึงไปเคาะประตูที่บ้านหลังหนึ่ง

 

“เนินเขาซีชานเหรอ? พวกคุณจะไปที่นั่นกันทำไม?” เจ้าของบ้านถาม “มันอยู่ตรงนั้นไง แต่มันอันตรายมากนะ ฉันแนะนำว่าอย่าไปที่นั่นเลย”

 

“ตรงนั้นสินะครับ ขอบคุณนะครับ” ชายวัย 40 พูด

 

ทั้งสองเดินไปตามเส้นทางที่เจ้าของบ้านบอก ฝนเริ่มตกลงมาอีกครั้ง

 

“เราเริ่มกันเลยไหม?” ชายวัย 30 ถาม

 

“อืม” ชายวัย 40 พูด

 

คลืน! มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

 

“ตรงนี่” ชายวัย 30 พูด

 

ไม่นาน พวกเขาก็หาสถานที่อันตรายเจอ

 

“ถูกที่แน่นะ?” ชายวัย 40 ถาม ทั้งสองเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียด

 

“น้ำฝนทำลายไปหลายอย่าง ผมขอดูก่อนนะ” ชายวัย 30 พูด

 

เขากระโดดเข้าไปในหลุมและเริ่มมองหาบางอย่าง อยู่ๆเขาก็แทงมือลงไปในพื้นดินและดึงมือกลับ

 

จี๊ด! มีหนูตัวหนึ่งอยู่ในกำมือของเขา

 

“ไอ้หนูนี่ ฉันล่ะเกลียดหนูจริงๆ” เขาพูด

 

จี๊ด! หนูพยายามที่จะหลุดจออกเป็นอิสระและกัดมือของเขา

 

“สมควรตาย” เขาพูด

 

แล้วอยู่ๆหนูก็ชักกระตุกและตายลง ร่างกายของมันเหือดแห้งกลายเป็นเพียงซากศพ ราวกับว่ามันตายอยู่ในทะเลมาเป็นเวลานานมากแล้ว