ตอนที่ 663

Elixir Supplier

663 ฉันคิดถึงคุณ

 

“ศิษย์น้อง!” ชายวัย 40 ส่งเสียงตะคอก

 

“โทษที มันช่วยไม่ได้น่ะ” ชายวัย 30 ยิ้มยิงฟัน

 

“อย่าทิ้งร่องรอยเอาไว้ที่นี่ล่ะ” ชายวัย 40 พูด

 

หลังจากที่ค้นหาได้สักพัก พวกเขาก็ไม่เจออะไร

 

“ที่นี่ไม่มีอย่างนั้นเหรอ?” ชายที่แก่กว่าถาม

 

“ไม่เจอ แต่เราไปหาที่อื่นก็ได้นี่” ชายที่อายุน้อยกว่าพูด

 

พวกเขาออกไปจากจุดนั้นและเริ่มค้นหาบริเวณอื่น โดยใช้วิธีการเฉพาะของพวกเขา เนินเขาซีชานไม่ได้ใหญ่โตอะไร ไม่นาน พวกเขาก็พบจุดที่มีหินแตกอยู่

 

“ดูสิ นี่คือบ้านของพวกมันล่ะ” ชายที่แก่กว่าชี้ไปที่ซากศพของแมลงที่อยู่บนพื้น

 

“มันคือแมลงอะไรเหรอ?” ชายที่อ่อนกว่าถาม

 

“ฉันก็ไม่เคยเห็นพวกมันมาก่อนเหมือนกัน” ชายที่แก่กว่าพูด

 

ทั้งสองนั่งยองๆลงเพื่อศึกษาซากศพของแมลง

 

“น่าเสียดาย! พวกมันตายหมดแล้ว” ชายที่อ่อนกว่าพูด

 

“ไม่เป็นไร ฉันเชื่อว่าจะต้องมีพวกมันเหลือรอดอยู่แน่” ชายที่แก่กว่าพูด

 

เขามองออกว่า พื้นที่บริเวณนี้ได้มีคนเข้ามาจุดไฟเผาเพื่อฆ่าแมลงทั้งหมด แมลงส่วนใหญ่ล้วนถูกไฟเผา เพราะยังเหลือชิ้นส่วนของพวกมันให้เห็นอยู่บ้าง แต่ไฟก็ไม่ได้ฆ่าพวกมันทั้งหมด เขาศึกษาเรื่องแมลงมาเป็นสิบๆปี ดังนั้น เขาจึงเข้าใจธรรมชาติของพวกมันดี แมลงพวกนี้ไม่มีทางฆ่าได้ง่ายขนาดนั้น

 

“แล้วพวกที่ยังไม่ตายมันไปอยู่ที่ไหนล่ะ?” ชายที่อ่อนกว่าถาม

 

“ใจเย็นก่อนสิ เราจะค่อยๆหามันไป” ชายที่แก่กว่าพูด

 

คลืน! ราวกับมีเสียงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นในอากาศ หลังจากเดินไปได้ไม่ไกล ทั้งสองก็หยุดลง

 

“เสียงดังมาจากใต้ดิน” ชายที่แก่กว่าพูด

 

“ผมจัดการเอง” ชายที่อ่อนกว่าพูด

 

เขาสวมอุปกรณ์พิเศษเอาไว้บนนิ้วมือ มันเป็นเล็บที่ทำขึ้นมาจากเหล็กสีดำสนิท และถูกพันอยู่รอบเล็บมือของเขา มันมีความคมอย่างมาก แคร๊ก! เขาแทงเล็บเหล็กลงไปในก้อนหินและทำลายมัน

 

ก่อนหน้านี้ หวังเย้าได้เคยทำลายหินก้อนนี้ไปแล้ว แต่เขากลับไม่ได้สังเกตเห็นมัน มีหินอีกก้อนที่สูงประมาณ 1 เมตรอยู่ด้านหลังหินก้อนแรก

 

หินที่แข็งแกร่งกลับกลายเป็นเพียงแผ่นมันฝรั่งทอดสำหรับเขา มันแตกออกเป็นชิ้นๆและหลุดร่วงลงไปที่พื้น ครู่ต่อมา หินเกือบครึ่งก็ถูกทำลายลง เขาสามารถมองเห็นภายในหินได้ และอย่างที่คาดไว้ ภายในหินมีสภาพเป็นโพรง มันมีแมลงชนิดเดียวกับที่ถูกเผาตายไป มันมีลักษณะที่คล้ายกับจิ้งหรีด แต่ขนาดของมันดูเล็กกว่า แมลงพวกนี้มีสีดำและดูน่าเกลียดน่ากลัว

 

“ฉันเจอแกแล้ว” เขาพูด

 

ซี่! ซี่! แมลงดูคล้ายกับได้กลิ่นของอาหาร พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวและพร้อมสำหรับการจู่โจม

 

“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น” ชายที่แก่กว่าพูด เขาหยิบกระบอกไม้สีดำที่มีลวดลายแปลกประหลาดออกมา “เข้ามาข้างในนี่สิ”

 

เขาเปิดปากกระบอก แล้วกลิ่นประหลาดก็ลอยออกมาจากด้านใน แมลงทั้งหมดต่างตรงเข้าไปด้านในแต่โดยดี

 

“ดี” ชายที่แก่กว่าพูด

 

เมื่อแมลงเข้าไปในกระบอกไม้จนหมดแล้ว เขาก็ปิดปากกระบอกและเก็บมันกลับเข้าไปในกระเป๋าของเขา

 

“เรียบร้อย” ชายที่แก่กว่าพูด

 

“เราจะไปที่ไหนกันต่อดี?” ชายที่อ่อนกว่าถาม

 

“ไปที่อีกหมู่บ้านหนึ่งกัน” ชายที่แก่กว่าพูด

 

ทั้งสองออกไปจากเนินเขาซีชาน และกลับเข้าไปในหมู่บ้าน

 

โฮ่ง! โฮ่ง! สุนัขบ้านส่งเสียงเห่าใส่พวกเขา

 

ชู่ๆๆ ชายหนุ่มยิงฟันใส่สุนัขเพื่อเตือนให้มันหยุดเห่า

 

“อย่าสร้างปัญหา” ชายที่แก่กว่าพูด

 

“มันเห่าใส่ผมก่อนนะ!” ชายที่อ่อนกว่าท้วง

 

“ไปกันได้แล้ว” ชายที่แก่กว่าพูด

 

ทั้งสองจากไปท่ามกลางสายฝนและเดินตรงไปทางทิศเหนือ รถแท็กซี่จอดนิ่งอยู่ทางเหนือสุดของหมู่บ้าน

 

“ผมคิดว่า พวกคุณจะไม่กลับมากันแล้วซะอีก” คนขับพูด “พวกคุณจะไปที่ไหนกันต่อล่ะ?”

 

“ไปหมู่บ้านหลี่” ชายที่แก่กว่าพูด

 

“พวกคุณจะไปเที่ยวที่รีสอร์ทน้ำพุร้อนเหรอ?” คนขับแท็กซี่ถาม

 

“ใช่” ชายที่แก่กว่าพูด

 

“รีสอร์ทนั่นน่าไปเที่ยวมากเลยนะ ผมก็เคยไปมาแล้วครั้งหนึ่ง” คนขับพูด เขาเป็นชายวัยกลางคนอยู่ในช่วงประมาณ 40 กว่า

 

เขาขับรถไปในทิศทางตรงกันข้ามกับเนินเขาท่ามกลางสายฝนที่โปรยลงมา

 

หมู่บ้านหวังยังคงความสงบเอาไว้เหมือนเช่นเคย

 

 

ที่ปักกิ่งก็มีฝนตกเช่นเดียวกัน

 

หญิงสาวคนหนึ่งที่ดูราวกับออกมาจากเทพนิยาย เธอกำลังยืนอยู่ข้างทะเลสาบของมหาวิทยาลัย เธอมองดูเม็ดฝนที่ตกกระทบน้ำในทะเลสาบจนกลายเป็นวงกว้าง

 

เธอคิดในใจ ที่หมอหวังอยู่จะมีฝนตกเหมือนกันไหมนะ?

 

“เธอคิดอะไรอยู่เหรอ?” เพื่อนของเธอถาม

 

“อ่อ ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก แค่กำลังคิดถึงใครบางคนอยู่ก็เท่านั้นเอง” เธอพูด

 

“ใครบางคน? แฟนของเธอเหรอ?” เพื่อนของเธอถาม

 

“อืม” หญิงสาวยอมรับ

 

“จริงเหรอ?” เพื่อนของเธอถามด้วยความแปลกใจ เพื่อนคนนี้ของซูเสี่ยวซวีเป็นคนน่ารักและนิสัยดีคนหนึ่ง

 

“จริงสิ” ซูเสี่ยวซวียิ้ม

 

สำหรับเธอ หวังเย้าถือเป็นแฟนก็เพราะว่าเธอชอบเขา แล้วเขาก็ยอมรับว่าชอบเธอเหมือนกัน ขั้นต่อไป ก็คือการใช้เวลาร่วมกัน

 

“เธอรู้ไหม ว่ามีคนมากขนาดไหนที่จะเสียใจกับเรื่องที่เธอมีแฟนแล้วน่ะ? เขาทำงานอะไรเหรอ? แล้วเธอจะแนะนำเขาให้ฉันรู้จักเมื่อไหร่ล่ะ?” เพื่อนของเธอถาม

 

“เขาเป็นแพทย์ปรุงยา” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“แพทย์ปรุงยาเหรอ? เหมือนกับพวกหมอใช่ไหม?” เพื่อนของเธอถาม

 

“ก็ไม่เชิง เขาเป็นแพทย์ปรุงยาโบราณน่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“มันคืออะไรเหรอ?” เพื่อนของเธอถาม

 

“ฉันบอกไม่ได้หรอก เอาล่ะ เราไปกันเถอะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

หญิงสาวสองคนกำลังเดินอยู่กลางสายฝนและหัวเราะคิกคักราวกับภาพของนางฟ้าที่กำลังหยอกล้อกันอยู่ หลายคนต่างหยุดเพื่อมองดูพวกเธอ

 

“สองคนนั้นสวยจัง” คนที่เดินผ่านพูดขึ้นมา

 

เย็นนี้ไม่มีวิชาที่ต้องเข้าเรียนแล้ว

 

“เสี่ยวซวี เธอสนใจจะไปเที่ยวกับพวกเราไหม?” เพื่อนของเธอถาม

 

“เอาสิ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

ท้องฟ้าเริ่มมืดลง สายฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

 

สาวๆพากันไปที่ร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ทั้งหมดต่างแตกตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพง และจองห้องส่วนตัวเอาไว้แล้วล่วงหน้า

 

ที่ด้านนอกร้านอาหาร มีคนคันหนึ่งจอดอยู่กลางสายฝน ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ในรถคันนั้นและมองไปที่ร้านอาหาร

 

“เธออยากกินอะไรดี?” หนึ่งในพวกเธอถามขึ้นมา

 

“อะไรก็ได้ ฉันกินได้หมดเลย” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

เด็กสาวทั้งหมดล้วนเป็นเพื่อนที่เรียนชั้นเดียวกันและต่างก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน พวกเธอต่างก็ไม่คิดว่า ซูเสี่ยวซวีจะมาที่ร้านอาหารกับพวกเธอ เพราะทุกคนต่างก็รู้ถึงภูมิหลังของหญิงสาวกันดีอยู่แล้ว ในปักกิ่ง ผู้ล้วนกระจายข่าวสารกันได้อย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างชื่นชมในตัวซูเสี่ยวซวี เธอมีความเป็นกันเองและน่าคบหา เธอไม่มีความยโสโอหังอยู่เลย ซึ่งเป็นเรื่องแปลสำหรับคนที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด

 

เมื่ออาหารถูกนำมาเสริฟแล้ว พวกเธอก็เริ่มคุยเล่นกัน หัวข้อก็มักจะเกี่ยวกับเรื่องแฟนหนุ่มของแต่ละคน

 

มีเด็กสาวสองคนที่มีแฟนอยู่แล้ว ส่วนคนที่เหลือล้วนแล้วแต่ยังไม่มีคู่ เด็กสาวสองคนจึงเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเธอกับแฟนหนุ่ม และถามถึงสเป็คชายหนุ่มจากเด็กสาวคนอื่นๆ

 

“เสี่ยวซวี เธอชอบคนแบบไหนเหรอ?” หนึ่งในพวกเธอถามขึ้นมา

 

“ความจริง ฉันมีคนที่คบด้วยอยู่แล้วน่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“จริงเหรอ?” เด็กสาวถาม

 

พวกเธอต่างก็คิดว่า มันเป็นคำพูดที่ซูเสี่ยวซวีใช้เพื่อเป็นข้ออ้างในการหลีกเลี่ยงเหล่าชายหนุ่มที่เข้ามาจีบเธอมากกว่า ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า เธอจะมีแฟนอยู่จริงๆ

 

“แล้วเขาอยู่ที่ไหนเหรอ? เขาทำงานอะไร? แล้วเธอจะพาเขามาแนะนำให้พวกเรารู้จักเมื่อไหร่?” พวกเธอต่างก็อยากรู้ว่า ผู้ชายแบบไหนที่สามารถได้รับความสนใจจากหญิงสาวที่โดดเด่นแบบซูเสี่ยวซวีได้

 

“เขาไม่ได้อยู่ที่ปักกิ่งหรอก” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“เขาอยู่ต่างประเทศเหรอ?” หนึ่งในพวกเธอถาม

 

“ไม่ใช่ เขาอยู่ที่จังหวัดฉีจ๊ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“จังหวัดฉี?” เพื่อนคนหนึ่งพูด “แล้วเขาทำงานอะไรเหรอ?”

 

“เขาเป็นแพทย์ปรุงยาจ๊ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“แพทย์ปรุงยา?” เพื่อนอีกคนพูด

 

“แพทย์ปรุงยาโบราณน่ะ” เด็กสาวอีกคนตอบแทน

 

“ใช่ พวกเธอรู้จักกันไหม?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

“ฉันเคยได้ยินชื่อนี้จากปู่ของฉันนะ เขาบอกว่า แพทย์ปรุงยาโบราณสามารถรักษาได้ทุกโรคเลยล่ะ” เด็กสาวคนหนึ่งพูดขึ้นมา

 

ซูเสี่ยวซวีหัวเราะ

 

“เรื่องจริงเหรอ?” เพื่อนคนหนึ่งถาม

 

“ก็ประมาณนั่นจ๊ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“เขาอายุเท่าไหร่เหรอ?” หนึ่งในพวกเธอถาม “คงไม่ใช่ว่า…”

 

“เขาอายุ 27 ปีจ๊ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“อะไรนะ? แค่ 27 เองเหรอ?” เพื่อนๆของเธอต่างประหลาดใจ

 

ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา รถคันหนึ่งกำลังแล่นด้วยความเร็วสูงอยู่ภายใต้แสงไฟของกรุงปักกิ่ง

 

“คุณหนู เย็นนี้สนุกไหมคะ?” ชูเหลียนถาม

 

“สนุกค่ะ” ซูเสี่ยวซวียิ้ม

 

“ดีแล้วค่ะ” ชูเหลียนพูด

 

“ขอบคุณที่คอยดูแลหนูนะคะ น้าเหลียน” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ” ชูเหลียนพูด เธอห่วงใยในตัวซูเสี่ยวซวีอย่างมาก และคิดกับเธอเหมือนเป็นคนในครอบครัว

 

“หนูคิดถึงหมอหวังค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูดขึ้นมา

 

“อ้อ?” ชูเหลียนแปลกใจเล็กน้อย

 

“หนูอยากจะไปหาเขา” ซูเสี่ยวซวีพ฿ด

 

“เอ่อ…” ชูเหลียนไปรู้ว่าควรตอบกลับไปยังไง “โทรหาเขาสิคะ”

 

ซูเสี่ยวซวีรีบหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อหาเบอร์ของหวังเย้าทันที แต่เธอก็ยังไม่ได้กดโทรออก

 

“น้าคิดว่า หมอหวังจะนอนรึยังคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

“เฮ้อ!” ชูเหลียนถอนหายใจออกมา

 

ตื๊ด! ตื๊ด!

 

“ฮัลโหล เสี่ยวซวี” หวังเย้าที่อยู่ปลายสายพูด

 

“ฮัลโหล หมอหวัง” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“เธออยู่ที่มหาลัยเหรอ?” หวังเย้าถาม

 

“เปล่าหรอกค่ะ ฉันกำลังกลับบ้าน” ซูเสี่ยวซวีพูด “หมออยู่ไหนคะ? อยู่บนเนินเขาเหรอคะ?”

 

“อืม ผมอยู่บนเนินเขาหนานชานน่ะ” หวังเย้าพูด

 

“ฉันคิดถึงคุณค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

หวังเย้าเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตอบกลับไปว่า “งั้นผมจะไปหาที่ปักกิ่งนะ”

 

“จริงเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอได้ยิน

 

“ผมจะไปหาเธอที่ปักกิ่ง” หวังเย้าพูด

 

“ได้ค่ะ!” ซูเสี่ยวซวีหัวเราะออกมา เธอตื่นเต้นกับเรื่องนี้มาก

 

หลังจากที่วางสาย หวังเย้าก็หัวเราะออกมาเช่นกัน เขาไม่ทันได้รู้ตัวเลย ในตอนที่คำพูดนั้นหลุดออกมาจากริมฝีปากของเขา

 

“น้าเหลียน หมอหวังจะมาหาหนูที่ปักกิ่งล่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“ดีจังเลยนะคะ” ชูเหลียนพูด

 

“ใช่ค่ะ หนูต้องเตรียมตัวแล้ว แต่หนูมีเรียนอยู่หลายวิชาเลย” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

ชูเหลียนมองซูเสี่ยวซวีผ่านทางกระจกมองหลังและส่ายหน้า

 

หลังกลับมาถึงที่บ้าน ซูเสี่ยวซวีก็ตื่นเต้นเกินกว่าจะหลับตานอนได้

 

“เขาจะมาปักกิ่งเหรอ?” ซงรุ่ยปิงถาม

 

“ใช่ค่ะ เขาบอกกับเธอผ่านทางโทรศัพท์ เขาบอกว่า เขาจะมาหาคุณหนูซูค่ะ” ชูเหลียนพูด

 

“เขาพูดแบบนั้นจริงๆเหรอ?” ซงรุ่ยปิงถาม

 

“จริงค่ะ ฉันพอจะได้ยินที่เขาพูดอยู่” ชูเหลียนพูด

 

“ไม่แปลกใจเลย ที่เสี่ยวซวีจะดูดีใจขนาดนั้น” ซงรุ่ยปิงพูด

 

ซูเซี่ยงฮวากลับมาถึงบ้านในตอนดึก

 

“คืนนี้ กลับดึกจังเลยนะคะ” ซงรุ่ยปิงพูด

 

“ผมมีประชุมน่ะ” ซูเซี่ยงฮวาพูด “ทำไมถึงยังไม่นอนล่ะ?”

 

“ฉันมีเรื่องลูกสาวของเราต้องบอกกับคุณค่ะ” ซงรุ่ยปิงพูด

 

“หา? เธอเป็นอะไร? เธอไม่สบายเหรอ?” ซูเซี่ยงฮวาถามด้วยความเป็นห่วง

 

“เปล่าหรอกค่ะ” ซงรุ่ยปิงบอกเรื่องที่หวังเย้าจะมาปักกิ่งให้สามีของเธอฟัง

 

“อ่อ เช้าใจแล้ว ก็ดีนี่ เรายินดีต้อนรับเขาอยู่แล้ว” ซูเซี่ยงฮวาพูด

 

“คุณเข้าใจความหมายของฉันรึเปล่างคะ?” ซงรุ่ยปิงถาม “เสี่ยวซวีกำลังหลงหมอหวังมากเลยนะคะ”

 

“ขอแค่เสี่ยวซวีก็พอแล้วนี่” ซูเซี่ยงฮวาพูด “ผมคิดว่า หมอหวังเป็นคนดีคนหนึ่ง ถึงผมจะไม่ค่อยได้ใช้เวลากับเขามาเท่าไหร่ก็เถอะ”

 

“ใช่ค่ะ เขามีชื่อเสียงที่ดี” ซงรุ่ยปิงพูด

 

“หืม? เธอสืบเรื่องของเขามาแล้วเหรอ?” ซูเซี่ยงฮวาถาม

 

“แน่นอนสิคะ ฉันต้องรู้ก่อนสิว่าเขาเป็นคนยังไง เราไม่มีทางรู้หรอกว่าเบื้องหลังของคนคนหนึ่งจะมีอะไรซ่อนเอาไว้บ้าง แล้วฉันก็ต้องรับผิดชอบเรื่องอนาคตของลูกสาวเราด้วย” ซงรุ่ยปิงพูด

 

“อืม มันก็จริง” ซูเซี่ยงฮวาพูด

 

“เขาเป็นหมอมากฝีมือ แล้วก็ไม่มีพฤติกรรมที่ไม่ดีหรือประวัติอาชญากรอยู่เลย ตรงกันข้าม เขาได้ก่อตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเด็กๆที่อยู่ในหมู่บ้านที่ยากจน แล้วเขาก็ยังสร้างถนนและอาคารเรียนให้กับเด็กๆพวกนั้นด้วย” ซงรุ่ยปิงพูด

 

“ดี” ซูเซี่ยงฮวาพูด

 

“พ่อแม่ของมีชื่อเสียงที่ดีในหมู่บ้าน ทั้งสองเป็นคนชื่อสัตย์และนิสัยดี พี่สาวของเขาทำงานอยู่ในกรมวิชาการเกษตร แล้วยังมีชื่อเสียงในทางที่ดีด้วย เธอกำลังจะแต่งงานภายในปีนี้” ซงรุ่ยปิงพูด

 

“ที่รัก น่าเสียดายนะ ที่เธอไม่ได้ทำงานให้กับองค์กร อย่างพวกซีไอเอน่ะ” ซูเซี่ยงฮวาพูดด้วยรอยยิ้ม