บทที่ 101 แม่น้ำชิงแปดร้อยลี้

ท่องภพสยบหล้า

แสงสีขาวสลายไปสิ้น ที่เดิมตรงนั้นเกิดเป็นหลุมลึกอย่างน้อยสิบจั้ง

ในหลุมลึก ไป๋เหลียนลุกขึ้นมาอย่างช้าเนิบ

“แค่กๆๆ!”

นางไอพลางเงยหน้ามองบนท้องฟ้า “หากไม่ใช่เพราะชุดคลุมตัวนี้ ข้าคงตายไปแล้ว”

ชุดคลุมดำบนร่างนางเห็นได้ชัดว่าเป็นของวิเศษหายาก ปกป้องนางให้ต้านทานการโจมตีเช่นเมื่อครู่ แต่คราวนี้เกิดรอยขาดหลายแห่ง เผยให้เห็นผิวขาวเนียนเป็นครั้งคราว

ในครรลองสายตาของไป๋เหลียน ร่างที่สวมชุดสีแดงดำซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกรมอาญานั่งลงกลางท้องฟ้าราตรีอย่างช้าๆ

เขาหน้าซูบตอบ ผอมแห้งสามชุ่น แม้แต่เสียงก็ยังแหบแห้ง แต่โดยรวมกลับทำให้รู้สึกถึงพลังที่ราวกับของจริง

“ตอบสนองต่อหน้าแสงเพลิงระเบิดของข้าได้ เจ้าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ข้าสงสัยนักว่า…คนที่เจ้าส่งออกไปเมื่อครู่นั่นเป็นใคร”

เขาเปลี่ยนเรื่อง แล้วพลันหันกายเร่งความเร็ว พุ่งไปยังทิศทางที่เจียงวั่งจากไป!

เพลิงสีขาวลุกโชนขึ้น ไป๋เหลียนทะยานจากพื้น พุ่งตัวไปขวางด้านหน้ายอดฝีมือกรมอาญาคนนี้ไว้ด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ เพลิงสีขาวน่าพรั่นพรึงแต่ละลูกประดุจดอกไม้บาน ส่องสว่างผืนฟ้ายามราตรี

แต่ว่า!

ยอดฝีมือกรมอาญาคนนี้แค่กะพริบกายก็ฝ่าดอกไม้เพลิงสีขาวไปได้ และเข้าประชิดตรงหน้าไป๋เหลียน

ทั้งสองแทบจะแนบชิดกันกลางอากาศ ร่างครึ่งหนึ่งทับซ้อนกัน

เขายื่นมือซัดแสงเพลิงระเบิดกลุ่มหนึ่งไปที่ท้องของไป๋เหลียน

ทั้งตัวนางถูกกดอัดลงไปที่พื้น!

เขาเตรียมตัวเอาไว้ก่อนแล้ว! หรือจะพูดว่า การที่จู่ๆ เขาหันไปไล่ตามเจียงวั่งเดิมก็เป็นส่วนหนึ่งของกลศึกเช่นกัน

ตูม!

กลุ่มแสงเพลิงเจิดจ้ากดร่างนุ่มนิ่มของไป๋เหลียนร่วงลงไปข้างล่าง กระแทกเป็นหลุมขนาดใหญ่บนพื้นอีกครั้ง

“แค่ก แค่ก!”

ฝุ่นควันจางหายไปหมด ไป๋เหลียนยืนขึ้นมาจากหลุมอีกครั้งหนึ่ง

เลือดที่ไอออกมาย้อมผ้าคลุมหน้าโปร่งบางสีดำจนเปียกชุ่ม

“เจ้าคนใจสุนัขจี้เสวียน รู้จักเล่นเล่ห์นัก สมควรแล้วที่เป็นสุนัขไปตลอดชีวิต!”

ท้องของนางมีบาดแผลที่เห็นได้ชัด กำลังรักษาตัวอย่างช้าๆ ท่ามกลางการลุกไหม้ของเพลิงสีขาว

ที่แท้คนที่ปรากฏตัวกลางอากาศคนนี้ก็คือบุคคลอันดับสามของกรมอาญา หัวหน้ากรมอาญาของเขตปกครองชิงเหอ ผู้แข็งแกร่งสูงสุดระดับเบิกคลัง จี้เสวียน!

ทั้งที่ถูกก่นด่า แต่จี้เสวียนกลับไม่โมโห “ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นข้า แต่ยังกล้าดื้อดึงต่อต้านรึ”

ไป๋เหลียนพลันหัวเราะขึ้นมา “หัวหน้ากรมหลี่แม้พลังจะแข็งแกร่ง แต่ไม่เข้าใจจิตใจของผู้หญิงเลย พอมาถึงก็ฉีกเสื้อผ้าของข้าแบบนี้ หญิงสาวคนไหนบ้างจะไม่ขัดขืน”

เสียงของนางเหมือนความฝันเหมือนภาพมายา ราวกับถักทอห้วงฝันอันงดงามในเสียงกระซิบ ค่อยๆ ปกคลุมไปทางจี้เสวียน

และแทบจะในเวลาเดียวกันนี้ แสงสีขาวเจิดจ้าหลายสายก็พุ่งสอดประสานโดยมีไป๋เหลียนเป็นศูนย์กลาง ปกคลุมทั่วทุกที่ในรัศมีสามจั้งเอาไว้ทันใด!

เสียงเคลิบเคลิ้มชวนฝัน แสงเจิดจ้าสังหาร

ไป๋เหลียนใช้บทสนทนาเป็นตัวนำ จี้เสวียนใช้บทสนทนาเตรียมตัว วิชาเต๋าชั้นหนึ่งระดับบนสองวิชาแทบจะปะทุออกมาพร้อมกัน

ไป๋เหลียนแม้จะฝ่าระยะของแสงจ้าสังหารออกมาได้ในทันที แต่เพลิงสีขาวบนร่างของนางก็เบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้ปกคลุมทั่วกายอีก

ความแตกต่างของพลังเห็นได้ชัดมาก นับประสาอะไรกับว่าไป๋เหลียนบาดเจ็บอยู่ก่อน

แต่ทิศทางที่นางพุ่งไปหา…คือจี้เสวียน!

เสียงเคลิบเคลิ้มชวนฝันย่อมไม่มีทางทำลายจิตใจของผู้แข็งแกร่งระดับจี้เสวียนได้ แต่นางแค่ต้องการโอกาสเดียว ขอเพียงถ่วงเวลาจี้เสวียนได้สามอึดใจ คืนนี้นางก็จะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ศึก!

ดอกไม้เพลิงสีขาวดอกหนึ่งบานอยู่หน้ามือนวลเนียน ก่อนจะอัดไปที่ส่วนท้องของจี้เสวียน

แน่นอนว่านางเป็นสตรีเจ้าคิดเจ้าแค้น

ปัง!

จู่ๆ นางก็ชนเข้ากับอะไรสักอย่างจนมึนงง จากนั้นถึงได้เห็นแสงสีขาวราวเส้นด้ายหลายเส้นสอดประสานกันเป็นกรงสี่เหลี่ยม ขังนางเอาไว้ในนั้นตรงหน้าจี้เสวียน!

แสงสีขาวราวกับกำแพง แสงสีขาวเป็นดั่งกรงขัง

เห็นได้ชัดว่าจี้เสวียนเตรียมตัวรับมือกับเสียงมายาชวนฝันของไป๋เหลียนไว้ตั้งแต่แรก เวลาที่เขามึนงงอาจจะไม่ถึงหนึ่งอึดใจ แต่กลับรอให้ไป๋เหลียนประชิดเข้ามาแล้วปะทุพลังในฉับพลัน

บดขยี้ทำลาย

เป็นการบดขยี้ทำลายโดยสิ้นเชิง

นับแต่ต้นจนจบ จี้เสวียนกุมสถานการณ์การต่อสู้ทั้งหมดเอาไว้

เดิมทีเขาก็ไม่คิดจะสังหารไป๋เหลียนอยู่แล้ว เป้าหมายของเขาคือจับเป็น

ภายในกรงแสง ไป๋เหลียนรวมดอกไม้เพลิงสีขาวออกมาอีกครั้ง นางไม่ได้พยายามทำลายกำแพงแสงขาว กลับกดลงไปที่กระหม่อมของตัวเองอย่างไม่ลังเล

ในพริบตาแรกที่นางตกอยู่ในกรงแสง ก็รู้ถึงเป้าหมายของจี้เสวียนแล้ว

ดังนั้นนางก็ให้คำตอบของตัวเองทันทีเหมือนกัน!

ฝ่ามือนี้อยู่เหนือความคาดหมายของจี้เสวียนอย่างไม่ต้องสงสัย เขาสนใจไป๋เหลียนและกลุ่มองค์กรเบื้องหลังนางมาก ไม่อย่างนั้นด้วยฐานะหัวหน้ากรมอาญาแห่งเขตปกครองชิงเหอ คืนนี้คงไม่ถึงกับต้องให้เขาลงมือเอง

ไป๋เหลียนตาย สำหรับเขาย่อมไม่ใช่การสูญเสียอะไร แต่ว่านั่นก็หมายความว่าเขาต้องเสียผลกำไรทุกอย่างหลังจากนี้แน่นอน

คนเด็ดขาดเช่นจี้เสวียนจึงสลายกรงแสงทันใด เขาเข้าไปใกล้ไป๋เหลียน มือที่พันล้อมด้วยแสงขาวเอื้อมไปคว้าดอกไม้เพลิงสีขาวดอกนั้น

ดอกไม้เพลิงสีขาวเปลี่ยนทิศไปโจมตีศีรษะของจี้เสวียน

ไป๋เหลียนซัดพลังไปที่กระหม่อมตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย แน่นอนว่าเป็นการกระทำของจริง ไม่เช่นนั้นไม่มีทางหลอกจี้เสวียนได้ แต่ในตอนที่เขาคิดจะขัดขวางไม่ให้นางฆ่าตัวตาย นางก็เปลี่ยนมาโจมตีทันที

นางไม่กลัวตาย แต่ก็ไม่อยากตายเช่นกัน

มือที่มีแสงขาวพันล้อมของจี้เสวียนกันไว้ข้างหน้า ต้านดอกไม้เพลิงสีขาวไว้ได้พอดี ส่วนมืออีกข้างหนึ่งกำหมัดชกไปที่ท้องของไป๋เหลียนเต็มแรง!

คนอย่างจี้เสวียนต่อให้คิดจะจับเป็นคู่ต่อสู้ ก็ไม่มีทางให้โอกาสฝ่ายตรงข้ามเช่นนี้แน่ จับเป็นคือเป้าหมาย แต่ก็เป็นแค่เป้าหมายหนึ่งเท่านั้น พยายามเต็มที่ให้บรรลุ แต่ไม่ใช่ว่าจะต้องทำให้สำเร็จ

เขาโมโหแล้ว หมัดนี้จึงไม่ออมมือเลยแม้แต่น้อย

ไป๋เหลียนตัวงอเป็นกุ้งอยู่กลางอากาศ ทั้งตัวกระเด็นออกไป! เพลิงสีขาวบนร่างดับวูบลงอย่างรวดเร็ว ใกล้จะมอดแล้วเต็มที คล้ายกับไฟชีวิตของนาง

จี้เสวียนกำลังจะเหยียบอากาศไล่ตามไป

ทันใดนั้นเอง

ครืน!

เปรี้ยง!

คลื่นยักษ์พวยพุ่งขึ้นกลางอากาศ ประดุจกลองศึกดังกึกก้อง

ผิวแม่น้ำกว้างใหญ่ทั้งสายเหมือนซัดโหมขึ้นมา

แม่น้ำชิงสั่นสะเทือน!

คลื่นยักษ์สูงใหญ่ยกตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าสูง บนยอดคลื่นยักษ์มีคนชราสวมชุดและมงกุฎหรูหราคนหนึ่งยืนอยู่

“หัวหน้ากรมหลี่แห่งกรมอาญาที่รับผิดชอบคดีเหนือมนุษย์ของทั้งเขตปกครองชิงเหอ ไยจึงมีเวลามาเตร็ดเตร่ที่แม่น้ำชิงได้”

เขาพูดเหมือนใกล้จะหมดลมหายใจแล้วเต็มที แต่เสียงพูดกลับกลบเสียงอื้ออึ้งของกระแสคลื่นยักษ์เทียมฟ้า ลอยมาเข้าหูของจี้เสวียนอย่างชัดเจน

ชายชราที่ยืนอยู่บนยอดคลื่นมีหลังโค้งค่อม

ใบหน้ามีรอยเหี่ยวย่น กระบนใบหน้าไม่อาจปกปิดได้

เขาดูเหมือนแก่มากแล้ว แต่ใครเล่าจะกล้าไม่เห็นหัว

ใครจะกล้าเมินเฉยเจ้าแห่งแม่น้ำชิงแปดร้อยลี้ ซ่งเหิงเจียง!

……

จี้เสวียนเก็บพลานุภาพลงไปแทบจะทันที เขาหยุดอยู่กลางอากาศ ดวงตาหลุบต่ำเล็กน้อย “ท่านเจ้านคร จี้เสวียนออกลาดตระเวนเขตปกครองชิงเหอยามค่ำ บังเอิญพบว่ามีร่องรอยของมารปรากฏที่นี่ ข้าแซ่หลี่ในฐานะหัวหน้ากรมอาญาได้รับมอบหมายจากเจ้ารัฐ ประชาชนฝากชีวิตไว้ จึงไม่กล้าประมาท!

เพื่อไม่ให้มารร้ายทำร้ายเจ้านครและชาวบ้าน ด้วยเหตุนี้จึงลงมืออย่างรีบร้อน สถานการณ์เร่งด่วน ไม่อาจขออนุญาตเจ้านครก่อน ขอท่านโปรดอภัยด้วย”

คำพูดของเขารัดกุมไม่มีช่องโหว่

ทั้งแสดงความถ่อมตน ทั้งบอกอำนาจเบื้องหลัง และยังให้ทางลงกับซ่งเหิงเจียง

เป็นถึงบุคคลยิ่งใหญ่อันดับสามของกรมอาญา คุมกรมอาญาในเขตปกครองชิงเหอทั้งหมด ตำแหน่งของเขาไม่ต่ำต้อยไปกว่าเจ้าเขตปกครองชิงเหอเลย

แต่ตอนนี้ก็จำต้องก้มหัวให้

เขารู้ดี คืนนี้ในเมื่อซ่งเหิงเจียงปรากฏตัวขึ้นด้วยตัวเอง เช่นนั้นก็ต้องมีคำตอบให้ถึงจะได้

เขารู้สึกอีกเหมือนกันว่าด้วยตำแหน่งของเขาในตอนนี้ ด้วยสถานการณ์ระหว่างเผ่ามนุษย์และเผ่าวารี ทางลงที่เขามอบให้มากพอแล้ว

ทว่าซ่งเหิงเจียงทำแค่ใช้ดวงตาที่ขุ่นมัวคู่นั้นปรายตามองเขาน้อยๆ

จากนั้นมุมปากของชายชรายกขึ้นเบาๆ เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น

เพียงแค่รอยยิ้มนี้ ท่าทางเฉื่อยชาก็หายไปสิ้น ความหยิ่งผยองพลันปรากฏ!

“ชนรุ่นหลังของจวงเฉิงเฉียนไม่รู้ผิดชอบชั่วดีขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ กล้าลงมือฆ่าสัตว์ตัดชีวิตใต้จมูกข้า!”

เขาเอามือไพล่หลัง “เห็นแก่จวงเฉิงเฉียน เจ้าตบหน้าตัวเองสิบทีก็กลับไปได้”

………………………………………………………