ภาคที่สาม มิต้อง ตีกรับ ร่ำสุรา จากจอกทอง ตอนที่ 59-2 โม่หนู

ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3

ในตำหนักเว่ยยาง ฮองเฮากู้ได้ยินว่าพระชายาองค์รัชทายาทรีบรุดมาหา บอกว่าเมื่อเรื่องเร่งร้อนยิ่งนักต้องมาพบตน นางก็แปลกใจอย่างมาก …ว่ากันว่ามิมีผู้ใดรู้จักบุตรชายเท่ามารดา ฮองเฮาพลันคิดถึงองค์รัชทายาทจอมก่อเรื่องขึ้นมาทันใด และรู้สึกหนักใจขึ้นมา “หรือสวินเอ๋อร์เจ้าลูกไม่รักดีนี่ จะก่อเรื่องใหญ่โตใดขึ้นมาอีกแล้ว?” จึงรีบเรียกให้คนเชิญพระชายาองค์รัชทายาทเข้ามา

ปรากฏว่าเมื่อหลิวรั่วอวี้มาถึงตรงหน้าฮองเฮากู้และคำนับนางแล้ว ก็บอกไปทันใดว่ามีเรื่องที่ต้องทูลกับฮองเฮาเพียงลำพัง

ฮองเฮากู้ให้นางกำนัลซ้ายขวาออกไปตามคำขอของนาง หลิวรั่วอวี้โผเข้าไปที่เข่านางด้วยสีหน้าลนลาน “สะใภ้ขอให้เสด็จแม่ทรงช่วยองค์รัชทายาทด้วยเพคะ!”

“เจ้าพูดสิ่งใด?” สิ่งที่ฮองเฮากู้เดาเป็นจริง นางพลันใจหายวาบ แต่ก็ยังแอบคิดว่าพระชายาองค์รัชทายาทอาจคิดจะขู่ขวัญไปก่อน จงใจพูดจาเกินจริง จึงเอ่ยอย่างไม่ใคร่พอใจว่า “องค์รัชทายาทเป็นถึงผู้สืบราชบัลลังก์ผู้สูงส่ง มีเรื่องใดต้องให้ข้าช่วยเขา? เจ้าพูดชัดๆ ให้ข้าฟังซิ!”

หลิวรั่วอวี้ร้องไห้คร่ำครวญบอกว่า “พระมารดาเพคะ มิใช่สะใภ้สร้างข่าวลือให้ตื่นตกพระทัย แต่นั่นเพราะไม่ว่าอย่างไร เว่ยฉางเจวียนก็เป็นบุตรีตระกูลเว่ย เป็นบุตรสาวจากภรรยาเอกของขุนนางชั้นสูง หากรับนางมาเป็นพระชายารองในตำหนักตะวันออกอย่างถูกต้องแล้ว ก็ยังแล้วไปนะเพคะ แต่นางยังไม่ได้แต่งเข้าบ้านเลย! องค์รัชทายาทก็กลับ….นาง ยามนี้นางฆ่าตัวตายแล้ว ได้ยินว่าก่อนจะฆ่าตัวตายก็ยังทิ้งจดหมายเอาไว้  ชะ…เช่นนี้จะทำเช่นใดดีเพคะ!”

ฮองเฮากู้ได้ยินก็แทบจะเป็นลมล้มพับลงไป!

“เจ้าหมายความวะ…ว่าสวินเอ๋อร์ขะ….เขาถึงกับไปลงมือกับคุณหนูเจ็ด ตระกูลเว่ย?!” ฮองเฮากู้แทบไม่อยากเชื่อว่าองค์รัชทายาท จะลุแก่อำนาจจนถึงขั้นนี้!

 นี่หากเป็นบุตรีของขุนนางทั่วไป ต่อให้หมั้นหมายแล้วก็ยังสามารถให้คนไปล้มเลิกสัญญาแต่งงานและให้ตำแหน่งเป็นการส่วนตัวได้ ดีชั่วอย่างไร ยามนี้ตำหนักตะวันออกก็ยังมีตำแหน่งพระชายารองอีกหนึ่งตำแหน่ง สนมสูงต่ำอีกหลายตำแหน่ง แต่เว่ยฉางเจวียนเป็นถึงบุตรีจากภรรยาเอกในรุ่นนี้ของรุ่ยอวี่ถัง ต่อให้เว่ยเซิ่งอี๋บิดาของนางเป็นบุตรของอนุ ทว่านางก็เป็นบุตรสาวคนเล็กที่เกิดจากฮูหยินตวนมู่!

เมื่อว่ากันเรื่องฐานะแล้ว นางก็ไม่ได้ต่ำต้อยกว่าหลิวรั่วอวี้ที่เป็นพระชายาองค์รัชทายาทแต่อย่างใด!

ในพริบตานั้น ความคิดแรกของฮองเฮากู้ก็คือ ตระกูลเว่ยจะต้องให้เว่ยฉางเจวียนมาเป็นพระชายารองขององค์รัชทายาท?

ความคิดที่สองก็คือ เว่ยฉางเจวียนฆ่าตัวตายแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังทิ้งจดหมายเอาไว้ด้วย?!

ประหนึ่งน้ำเย็นหนึ่งอ่างมาราดตั้งแต่หัวจรดเท้าในวันฤดูหนาว ยามนี้ฮองเฮากู้สั่นสะท้านไปทั้งตัวขึ้นมาทันใด …นางรู้ว่ารุ่ยอวี่ถังอ่อนแอมานาน หากเป็นไปได้เวลานี้นางจะไม่ยอมทำให้เกิดเรื่องที่ต้องถอดถอนองค์รัชทายาทเป็นแน่ ทว่าแม้แต่หลิวรั่วอวี้พระชายาองค์รัชทายาทก็ยังรู้เรื่องนี้แล้ว หากเรื่องนี้แพร่ออกไป…

เพื่อหน้าตาของตระกูลเว่ย ตระกูลเว่ยจะต้องให้องค์รัชทายาทรับผิดชอบเรื่องของเว่ยฉางเจวียน!

และสิ่งที่เหล่าตระกูลที่มีชื่อมาหลายร้อยปีต้องการ ก็หาใช่เพียงแค่ตำแหน่งพระชายารองหรือการขอขมาก็จะสามารถกลบเกลื่อนเรื่องนี้ให้ผ่านไปได้? นอกเสียจากตระกูลเว่ยดับสูญ หาไม่แล้วองค์รัชทายาทก็จะต้องถูกถอดถอนให้เป็นสามัญชน!

นี่เป็นตระกูลที่สืบทอดกันมาสามรัชสมัยและรุ่งโรจน์มาหลายร้อยปี มีมรดกทรัพย์สินมากมายจนผู้คนทั่วไปยากจะคาดคิดได้!

ยิ่งไปกว่านั้น องค์รัชทายาทก็มิใช่คนดีพร้อมอันใด ไม่เพียงไม่ใช่เท่านั้น เขายังมีชนักติดตัวมากมายเป็นขนวัว ทั้งใต้หล้าและเป็นการภายในล้วนเป็นที่ยอมรับว่าเป็นผู้ฉาวโฉดไร้คุณธรรม! หากจะถอดถอนเขา แม้แต่ข้ออ้างก็ยังไม่ต้องหาเลยด้วยซ้ำ

ฮองเฮากู้ก็มีเขาเป็นพระโอรสเพียงผู้เดียว! เกียรติยศและชีวิตที่สมบูรณ์พูนสุขของนางและองค์หญิงชิงซินล้วนต้องอาศัยเซินสวินผู้นี้แล้ว…. ยิ่งไม่ต้องบอกว่า ฮองเฮามีความแค้นกับสนมเอกเติ้งลึกล้ำดังท้องทะเล หากถูกสนมเอกใช้เรื่องนี้มาเล่นงาน ฮองเฮาก็ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าวันหน้าตนจะต้องลงเอยเช่นใด!

ลำพังเรื่องที่ฮองเฮากู้ครองตำหนักกลางมาได้หลายสิบปีโดยไม่ล้ม นางย่อมมีชั้นเชิงเหนือคน แต่ยามนี้กลับถูกความโง่เง่าขององค์รัชทายาททำให้ตื่นตระหนกจนอับจนหนทางจะรับมือแล้ว!

ผ่านไปกว่าครึ่งเค่อเต็มๆ นางจึงได้ยินเสียงร่ำไห้ของพระชายาองค์รัชทายาทที่อยู่ตรงตักนางว่า “…สะใภ้ยอมสละตำแหน่ง ทว่า กลัวแต่ว่าตระกูลเว่ยจะไม่ยอมทนต่อเรื่องนี้ แล้วจะต้องมาเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่เว่ยฉางเจวียนต่อพระพักตร์ ฮ่องเต้ให้จงได้! เสด็จแม่เพคะ องค์รัชทายาทเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ๆ ของท่าน ท่านต้องช่วยเขานะเพคะ!”

ฮองเฮากู้สูดหายใจลึกๆ เอื้อมมือไปไล้ปอยผมนาง พลางเอ่ยถามเสียหนักว่า “เจ้าไปได้ข่าวนี้มาแต่ที่ใด? แน่ใจได้หรือไม่?”

“เสด็จแม่โปรดทอดพระเนตรจดหมายฉบับนี้เพคะ!” หลิวรั่วอวี้เช็ดหน้าตาอย่างลนลาน แล้วรีบหยิบจดหมายออกมาจากในแขนเสื้อพลางส่งออกไป นางอธิบายที่มาว่า “ครั้งจวีจงกลับมาในวังเช้านี้ มีคนฝากให้เขานำมามอบให้สะใภ้เพคะ”

“ลำพังเพียงจดหมายฉบับหนึ่งจะเชื่อถือได้อย่างไร? คนผู้นี้คือผู้ใด?” จดหมายสั้นนัก ไม่มีพูดนอกเรื่องแม้สักคำ ฮองเฮากู้เพียงกวาดตาไปคราวหนึ่งก็อ่านจบแล้ว ตัวอักษรดำบนกระดาษขาวเขียนว่า ‘สงสัยว่าคุณหนูเว่ยเจ็ดตั้งครรภ์ หวาดกลัวอย่างหนัก วันก่อนฆ่าตัวตายที่ริมทะเลสาบหญ้าฤดูใบไม้ผลิ ดีที่ได้ฮูหยินหมิ่นบ้านซ่งช่วยไว้ได้’ ทำเอาฮองเฮากู้แทบกระอักเลือด! เพียงแต่ฮองเฮากู้เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ยังคงถามไปอย่างเยือกเย็น

หลิวรั่วอวี้สะอื้นพลางว่า “เสด็จแม่ท่านไม่ทราบ จดหมายนี้เป็นผู้ใดส่งมา สะใภ้เองก็ยังไม่ทราบ แต่คนผู้นี้มาของเงินหนึ่งพันตำลึง สะใภ้ก็คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะมาเพื่อเรียกร้องเงินทอง …แต่เรื่องนี้จะต้องเป็นจริงแน่นอน! ด้วยวันนั้น…วันนั้น สนมสวี่พาสะใภ้ไปที่ประตูหลังของเรือนพักที่เงียบสงัดแห่งหนึ่งนอกวัง และเห็นด้วยตาว่าเว่ยฉางเจวียนและองค์รัชทายาทอยู่ด้วยกัน …เดิมทีสะใภ้ยังคิดจะช่วยองค์รัชทายาทปิดเรื่องนี้เอาไว้ ทว่าเวลานี้…”

“เหตุใดเจ้าจึงเลอะเลือนเช่นนี้!” ฮองเฮากู้อดจะตบหน้านางไปหนหนึ่งไม่ได้! หากมิใช่ว่าพระชายาองค์รัชทายาทวิ่งมาหาตนทั้งน้ำตานองหน้าก่อน และหากองค์รัชทายาทถูกปลดแล้ว นางซึ่งเป็นพระชายาองค์รัชทายาทก็จะไม่ได้มีจุดจบที่ดีอันใด ฮองเฮากู้ก็จะต้องสงสัยว่านางจงใจทำ “เรื่องใหญ่โตเพียงนี้เหตุใดเจ้าจึงไม่รีบมาบอกข้าในทันที!”

หลิวรั่วอวี้กลั้นน้ำตา ก้มหน้า กำชายเสื้อแน่น เอ่ยเสียงเบาว่า “เพราะยามนั้นเมื่อมองไปจากข้างนอกกำแพงก็เห็นว่าในหอที่อยู่ไกลออกไปมีคนอยู่ แม้สะใภ้จะมองออกว่าเป็นเว่ยฉางเจวียนแต่ก็มองไม่เห็นชัดว่านางมีสีหน้าอาการเช่นใด จึงไม่ทราบว่านางไม่ยินยอม องค์รัชทายาท…ก็ทรงมีรูปโฉมหล่อเหลา สะใภ้นึกว่า …สะใภ้กลัวว่าองค์รัชทายาทจะทรงเข้าใจผิดว่าสะใภ้หึงหวงเพคะ”

ฮองเฮากู้ย่อมเข้าใจความประพฤติขององค์รัชทายาทดีเป็นที่สุด ยามเจ้าลูกชายโง่ผู้นี้กลัดมันขึ้นมา แม้แต่ตนเองซึ่งเป็นเสด็จแม่เขาก็ยังกล้าโต้แย้ง แล้วประสาอันใดกับพระชายาองค์รัชทายาท? แม้หลิวรั่วอวี้จะหวังดีต่อเขา แต่เซินสวินกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น …ฮองเฮาเองก็เคยได้ยินมาก่อนว่าเหตุที่พระชายาองค์รัชทายาทสามวันดีสี่วันไข้ก็เพราะทนองค์รัชทายาททุบตีไม่ไหว แม้นางจะคอยท้วงติงเซินสวิน ว่าอย่าได้ทารุณกับพระชายาองค์รัชทายาทเกินไป แต่หากเซินสวินเป็นบุตรชายที่ยอมฟังคำตักเตือน เสด็จแม่เช่นนางก็ไม่ต้องทุกข์ใจเช่นนี้แล้ว…

อีกประการ เรื่องก็มาถึงจุดนี้แล้ว ต่อด่าทอพระชายาองค์รัชทายาทอีกเท่าใดก็ไม่เกิดประโยชน์ขึ้นมา ฮองเฮากู้ขบริมฝีปากหนแล้วหนเล่า กล่าวว่า “สนมสวี่… นางไปรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?!”

หลิวรั่วอวี้เอ่ยอย่างลนลานว่า “สะใภ้ก็ไม่ทราบเพคะ! แต่หลังจากสะใภ้อ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว…ก็ให้คนไป…ทั้งนางและสาวใช้ของนางแล้วเพคะ …เสด็จแม่ สะใภ้กลัวเหลือเกินเพคะ! เสด็จแม่โปรดช่วยองค์รัชทายาทด้วยเพคะ!”

ฮองเฮากู้ได้ยินว่าสนมสวี่ถูกปิดปากไปแล้ว ก็จ้องลึกๆ ไปในดวงตาของนาง เพียงแต่เวลานี้ฮองเฮาเองก็ไม่อาจแยกแยะได้ว่าหลิวรั่วอวี้ไปปิดปากนางเพราะคำพูดที่นางพูดในเวลานี้ หรือปิดปากนางเพื่อองค์รัชทายาทกันแน่?

สักพักใหญ่ ฮองเฮาหลับตาลง กล่าวว่า “เจ้าเล่าเรื่องขององค์รัชทายาทและเว่ยฉางเจวียน….มาให้ละเอียดซิ! อย่าบอกกับข้าว่า วันนั้นหลังจากเจ้าช่วยปิดเรื่องนี้ให้แก่องค์รัชทายาทแล้ว แต่กลับไม่ได้รู้สึกสงสัยและไม่ได้ส่งคนไปตรวจสอบต้นสายปลายเหตุเลยแม้แต่น้อย!”

_________________