บทที่ 122 สถาบันเซนต์แมเรียนถูกกระแสเขาวงกตซัดเข้าใส่

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活]

บทที่ 122 สถาบันเซนต์แมเรียนถูกกระแสเขาวงกตซัดเข้าใส่
บทที่ 122 สถาบันเซนต์แมเรียนถูกกระแสเขาวงกตซัดเข้าใส่

พวกมันควรจะเป็นแผนที่ขุมทรัพย์ แต่จริง ๆ แล้วพวกมันเป็นแค่ภาพวาดที่วาดด้วยมือสองภาพเท่านั้น

แผนที่ขุมทรัพย์ในมือของดาร์กยังดีหน่อย อย่างน้อยมันก็ทำมาจากวัสดุอย่างกระดาษหนัง พื้นหลังและเส้นทางบนแผนที่ขุมทรัพย์ทั้งหมดถูกวาดด้วยปากกาพลังเวท ซึ่งค่อนข้างละเอียดอ่อน

แต่หลังจากที่เขาเหลือบดูแผนที่ขุมทรัพย์ในมือของเวอร์เธอร์ เขาพบว่าสิ่งที่เวอร์เธอร์ได้รับนั้นเป็นเพียงกระดาษทำการบ้านชิ้นหนึ่ง และมันเต็มไปด้วยรอยขีดเขียน

เดิมทีเวอร์เธอร์ตื่นเต้นที่จะได้รับสิ่งที่พ่อทิ้งไว้ให้ แต่ในชั่วพริบตา เขาก็ลดมือที่ถือภาพวาดนั้นลงไปด้วยความอับอาย และพยายามบดบังมันด้วยร่างกายครึ่งหนึ่งของเขา

ในทางตรงกันข้าม ดาร์กไม่ได้กังวลเรื่องนี้ เขากางมันออกและมองดูอย่างเปิดเผย

อาจารย์ใหญ่อาร์เต้ไม่ได้บอกว่าแผนที่ขุมทรัพย์ทั้งสองแผ่นชี้ไปยังพื้นที่ใด แต่เห็นได้ชัดว่ามันเกี่ยวข้องกับเส้นทางลับ

เมื่อพิจารณาจากจุดยืนของวีรบุรุษและวัลคีรีแล้ว

พ่อแม่สองคนนี้น่าจะทิ้งมันไว้โดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อตอนที่พวกเขายังเป็นนักเรียน

เป็นไปได้สูงมากว่าพวกเขาไม่ได้คิดถึงขั้นทำเพื่อลูกในอนาคตของตัวเอง…

อาจเป็นเพียงความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นในขณะนั้น อันที่จริง มันไม่ได้มีเพียงแค่วีรบุรุษและวัลคีรีที่ทำ เพราะยังมีนักเรียนคนอื่น ๆ ที่ทิ้งสมบัติที่คล้ายคลึงกันไว้ด้วย

ดาร์กมองดูแผนที่ขุมทรัพย์ในมืออย่างระมัดระวัง และพบว่ามันเป็นแผนที่ขุมทรัพย์ที่มี ‘เครื่องหมาย’ เป็นจุดเชื่อมต่อ

เครื่องหมายเดิมคือ สิ่งที่ดูเหมือนตัวหมากรุก

ฝีมือการวาดภาพของอัลเวตต์นั้นค่อนข้างดี แต่เธอกลับใช้รูปตัวจิบิ*[1] ที่น่ารักมาวาด นี่ทำให้ดาร์กจ้องมันเขม็งอยู่ครู่หนึ่ง

หลังจากที่อ่านมันแล้ว ดาร์กก็ตัดสินใจว่าถ้าเขาไม่สามารถหาสมบัติที่ว่านั่นได้ก่อนปิดภาคเรียน เขาจะกลับบ้านไปถามวัลคีรี

อาจารย์ใหญ่อาร์เต้เตือนในตอนท้ายว่า “ถ้าสมบัติมีอยู่จริง พวกมันจะไม่หายไปโดยไม่มีเหตุผล พวกเธอมีเวลาเหลือเฟือที่จะหามัน ดังนั้นอย่าใจร้อนเกินไป โดยเฉพาะเวอร์เธอร์ เธอควรให้ความสำคัญกับการบ้านมากขึ้นนะ”

แล้วเธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

แต่ดาร์กสามารถเห็นอะไรมากมายจากทัศนคติของเธอ

เธออาจใช้ตัวตนของพวกเขาเพื่อทำให้บางสิ่งเกิดขึ้นภายนอกได้ แต่เธอจะไม่นำสิ่งเหล่านั้นเข้ามายุ่งเกี่ยวกับในสถาบัน

ปราสาทเซนต์แมเรียนจะเป็นกำแพงป้องกันนักเรียนจากลมและฝนเสมอ

( ๑ ˙―˙ ๑) อืมม… ถ้านักเรียนไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์อะนะ

และเห็นได้ชัดว่าเวอร์เธอร์ไม่ได้มีนิสัยแบบนั้น

ขณะที่ดาร์กกลับไม่พลาดทุกประเด็น…

หลังออกจากห้องทำงานแล้ว ดาร์กกับเวอร์เธอร์ก็แยกทางกัน

แม้ว่าอาจารย์ใหญ่จะมอบแผนที่ขุมทรัพย์ให้กับทั้งคู่ แต่คุณภาพของแผนที่ขุมทรัพย์และทัศนคติของทั้งสองที่มีต่อแผนที่ขุมทรัพย์นั้นกลับแตกต่างกัน

เนื่องจากแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ ดาร์กจึงรู้สึกว่าเรื่องนี้สามารถใช้เป็นเพียงงานอดิเรกนอกเวลาเรียนได้ แต่จะไม่มากไปกว่านั้น

ซึ่งแตกต่างกับเวอร์เธอร์ที่ให้คุณค่ากับแผนที่ขุมทรัพย์มากกว่าดาร์ก ตามที่อาจารย์ใหญ่บอก มันเป็นสมบัติที่พ่อของเขาซึ่งเป็นวีรบุรุษทิ้งไว้ให้เขาโดยเฉพาะ

ไม่ว่าจะเป็นแผนที่ขุมทรัพย์หรือขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ ทั้งสองอย่างนี้ต่างมีความหมายอย่างลึกซึ้ง

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าถนนนักเดินทางไม่ได้ปิดอยู่ตอนนี้ เขาอาจจะหากรอบรูปมาใส่กรอบแล้ว

เพราะแผนที่ขุมทรัพย์ที่ทำจากกระดาษทำการบ้านนั้นเสียหายง่ายเกินไป…

เวอร์เธอร์รักษาแผนที่ขุมทรัพย์ไว้กับตัวอย่างดี เขาพร้อมกลับไปที่หอเพื่อเก็บมันโดยเฉพาะ

เดิมทีเขาเคยคิดจะไปห้องพยาบาลเพื่อไปรับโรเบิร์ต แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว

ตอนนี้ นักเรียนที่โดนน้ำพรากวิญญาณสามารถออกจากห้องพยาบาลได้แล้ว

โรเบิร์ตยืนอยู่ที่ประตูห้องพยาบาลด้วยความงุนงง พลางถอนหายใจออกมา วันหยุดหนึ่งวันของเขาหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นักเรียนที่ออกจากห้องพยาบาลทั้งหมดมาเป็นคู่ และเขาเป็นคนเดียวที่อยู่เพียงลำพัง

เมื่อคิดถึงรูปร่างหน้าตาของเวอร์เธอร์ที่เปลี่ยนไปในตอนนั้น เขาก็บอกตัวเองในใจว่า เขาจะต้องระมัดระวังไม่พูดถึงมันในอนาคต

โรเบิร์ตมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ และเขารู้ว่ามันน่าอายแค่ไหน

เอ๊ะ? ( ⊙ o ⊙ )

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเวอร์เธอร์เคยถูกเปลี่ยนเป็นผู้หญิง

แต่เวอร์เธอร์ไม่เคยรู้ว่า เขาก็เคยถูกเปลี่ยนเป็นผู้หญิงเหมือนกัน…

ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ดี!

เยี่ยมไปเลย!

คู่รักที่ออกจากห้องพยาบาลกับโรเบิร์ตนั้นไม่รู้เลยว่า พวกเขารอดจากภัยพิบัติได้เพราะความรู้สึกที่มีต่อกันนั้นไม่จริงใจ

หากพวกเขารู้ละก็…

ความจริงก็อาจไม่ถึงขั้นที่ต้องเลิกกัน

เพราะท้ายที่สุดแล้ว บางครั้งทั้งชายและหญิงก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก

ในห้องพยาบาล ภาคีอาหารทะเลเริ่มตื่นขึ้นทีละคน

ยกเว้นคุณปลาดาว ผู้ซึ่งถูกจิตที่ตกค้างอยู่ของเทพธิดาครอบงำอย่างรุนแรง สุดท้ายแล้ว ‘ผลการล้างสมอง’ ของคนอื่นก็ถูกขจัดออกไปโดยสิ้นเชิง

เนื่องจากซิสเตอร์คาไลด์แยกเฉพาะพวกเขาออกจากเหยื่อ พวกเขาที่ถอดชุดอาหารทะเลออก จึงได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของสมาชิกในภาคีคนอื่น ๆ เป็นครั้งแรก

หลังจากยืนยันตัวตนของคนอื่นแล้ว ทุกคนก็ดูเขินอายมาก

ความทรงจำในช่วงนี้ยังคงผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ทำให้พวกเขารู้สึกละอายใจมากขึ้นเรื่อย ๆ…

ตัวอย่างเช่น คุณมอเรย์ เมื่อเธอคิดว่าเธอจับเพื่อนรักและแฟนเก่าของเธอมาเป็นเครื่องสังเวย ภายใต้แรงกระตุ้นของความคิดชั่วร้าย เธอ… ก็แอบหัวเราะอย่างลับ ๆ!

ถ้าไม่มีอิทธิพลของเทพธิดา เธอคงไม่กล้าทำอย่างนั้น

เอ๊ะ? แต่มันน่าแปลกที่เธอรู้สึกพอใจมาก!

สก็อตต์ยังเอนกายอยู่บนเตียงด้วยความมึนงง

เขารู้สึกเหมือนได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาอยากทำแต่ไม่กล้าทำมาก่อน

เมื่อเทียบกับการได้รับเชิญจากคุณปลาดาวให้เข้าร่วมภาคีในอดีต เขารู้สึกว่าร่างกายและจิตใจของเขาผ่อนคลายมากขึ้น

เพียงแต่สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่ชัดเจน และไม่รู้ว่าอนาคตของเขาจะดำเนินไปอย่างไรต่อ

แต่ตราบใดที่เขาไม่โดนไล่ออก มันก็ดีแล้ว

“แล้วพวกเราจะ…”

ยกเว้นคุณปลาดาว จู่ ๆ สมาชิกที่เหลือในภาคีก็เห็นพ้องว่าให้อยู่ด้วยกันหลังจากสบตากัน

เทพธิดาสามารถหายไปได้

แต่ภาคีจะหายไปไม่ได้!

ความจริงแล้ว จิตที่ตกค้างอยู่ของเทพธิดาทำได้เพียงสุมความคิดที่ชั่วร้ายและความเกลียดชังเท่านั้น ทำให้หัวใจของพวกเขาบิดเบี้ยวแทนที่จะสร้างมันขึ้นมาจากความว่างเปล่า

หากไม่มีอิทธิพลจากจิตที่ตกค้างนั้น ความคิดที่ชั่วร้ายของพวกเขาย่อมถูกระงับด้วยความคิดชั่วดีแน่นอน และพวกเขาก็จะยังคงอยู่ในลู่ในทางที่ถูกต้อง

สรุปคือพวกเขาต้องชดใช้สิ่งที่พวกเขาทำ แต่อาจจะไม่เลวร้ายขนาดนั้น

มีเพียงคุณปลาดาวที่วางแผนทั้งหมดนี้จริง ๆ เท่านั้นที่อาจต้องจ่ายราคาสูงกว่า

สำหรับการตัดสินขั้นสูงสุด คงต้องรอจนกว่าเหยื่อทั้งเจ็ดคู่จะฟื้นตัวเต็มที่

ศาสตราจารย์ดีดี้ผู้ซึ่งมีส่วนในเรื่องนี้มากกว่า และศาสตราจารย์เคเซอร์ซึ่งถูกมองว่าประมาทเลินเล่อก็จะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้เช่นกัน

ประมาณสองถึงสามวันต่อมา สถาบันจะรายงานเรื่องนี้ต่อศาลอย่างครบถ้วนและยอมรับบทลงโทษทางกฎหมาย

หากไม่มีใครฉวยโอกาสสร้างปัญหา ไม่นานเรื่องมันก็จบ

หากเป็นช่วงสงคราม คดีทั้งหมดอาจจะถูกพับไปเพราะไม่มีใครถูกฆ่าตาย

เพราะตอนนี้ระบบกฎหมายของอาณาจักรยังไม่สมบูรณ์ถึงระดับนั้น

สถานศึกษาเช่นสถาบันแมเรียนนั้นอยู่นอกเหนืออำนาจกฎหมายของอาณาจักร

โดยหลักการแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีการรายงานด้วยซ้ำ

เพราะคดีทั้งหมดสามารถไต่สวนภายในได้

ในเวลาเดียวกัน

ดาร์กที่กลับมายังหอพัก และกำลังนั่งศึกษาแผนที่ขุมทรัพย์แบบสบาย ๆ อยู่

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงทุบประตูดังขึ้น

เขาเปิดประตูออกไป และเห็นว่าไดแอนนากับโรสมีอาวุธครบมือ

ไดแอนนามองขึ้นมาที่ดาร์กและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ดาร์ก! ไปสำรวจเส้นทางลับกันเถอะ!”

ดาร์ก “ฮะ?”