ตอนที่228 กลับหยานจิ้งกับฉัน

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่228 กลับหยานจิ้งกับฉัน

จ้าวเฉียนกระชากร่างของหวานเจียง ยื่นมือพุ่งไปบีบคางเธอทันที รอยยิ้มแสยะฉีกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า

“ว่ากันว่าคู่สามีภรรยาจะรักกันเหนียวแน่นเมื่อครบครั้งที่ร้อย แต่เราเพิ่งได้เสียกันแค่สองวัน สงสัยต้องเพิ่มสักหน่อยแล้วจริงไหม?”

ใบหน้าของหวานเจียงแดงก่ำทันที คล้อยรู้สึกละอายใจอย่างบอกไม่ถูก เธอพยายามผลักจ้าวเฉียนออกไปสุดแรงอยู่หลายครั้ง ทว่าเธออ่อนแรงเกินไปจึงล้มเหลว

“ออกไปให้พ้น! เอามือเน่าๆ ของนายออกไป อย่ามาแตะต้องฉัน!”

หวานเจียงตะโกนเสียงดัง

จ้าวเฉียนยิ้มเยาะตอบไปว่า

“เหอะ เธออยากได้บริษัทคืนไหมล่ะ?”

สีหน้าของหวานเจียงเปลี่ยนกลับเป็นจริงจังขึ้นถนัดตา รีบเอ่ยถามทันที

“นี่พูดจริงเหรอ? จะแบ่งหุ้นส่วนกับฉันงั้นเหรอ?”

ทีแรกจ้าวเฉียนพยักหน้าแต่จู่ๆ ก็ส่ายหัว ทำเอาหวานเจียงเอ่ยถามทันทีด้วยความสงสัย สรุปแล้วยังไงกันแน่? ถ้าให้ก็ให้ ถ้าไม่ให้ไม่ต้องให้ พูดออกมาตรงๆ ไม่ใช่พยักหน้าทีส่ายหัวที นี่มันหมายความว่ายังไง?

จ้าวเฉียนอธิบายว่า

“ฉันใช้บริษัทตัวเองเป็นหลักประกันเพื่อกู้ยืนเงินจำนวนสี่พันล้านจากฟู่ไห่มา นี่เป็นวิธีที่ฉันจะสามารถควบฮวาหยินกรุ๊ปได้ และฉันไม่มีทางโอกาสหุ้นส่วนไปให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับฉันแน่นอน แต่ถ้าเธอยอมแต่งงานกับฉัน ผลลัพธ์คงต่างออกไป เธอเองก็พอมีสมองอยู่บ้าง น่าจะเข้าใจความหมายนี้ดีนะ?”

หวานเจียงขมวดคิ้วแน่น จับจ้องจ้าวเฉียนด้วยความรังเกียจอย่างที่สุด เธอไม่รู้จะสรรหาคำใดมาบรรยายอยู่พักหนึ่ง ถึงเธอจะรู้สึกสนใจจ้าวเฉียนอยู่บ้าง แต่สำหรับสามีในอุดมคติของเธอจะต้องเป็นผู้ชายที่ทั้งเก่งและเข้มแข็งกว่าเธอ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีพิชิตใจเธอได้แน่นอน

สำหรับความสามารถของจ้าวเฉียน ถึงเขาจะเป็นคนกล้าคิดกล้าทำและมีกลยุทธ์แบบแผนมากพอ แต่ฐานะของเขาในปัจจุบันถือว่าอ่อนแอเกินไป เขายังไม่คู่ควรกับเธอ และเธอไม่อยากโดนคนอื่นนินทาเช่นกันว่า โดนผู้ชายเกาะกิน

“จ้าวเฉียน ฉันจะบอกอะไรให้ฟังตามตรงนะ ก่อนที่นายจะเริ่มโจมตีฮวาหยินกรุ๊ป ตอนนั้นฉันว่าตัวเองมีใจให้นายแล้วจริงๆ ฉันจึงพยายามช่วยนาย ทั้งเรื่องโปรเจคความร่วมมือ ทั้งเรื่องถ่ายหนัง เพื่อให้สถานะของพวกเราอยู่เท่าเทียมกัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว…”

หวานเจียงตัดสินใจพูดความในใจออกไปตามตรง

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะเยาะออกมาทันทีและตอบกลับว่า

“จะบอกว่า เธอแอบชอบฉันน่ะเหรอ?”

“เหอะ เหอะ…นั้นก็แค่เมื่อก่อน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว สิ่งที่เหลือในใจฉันมีแต่ความเกลียดชัง!”

หวานเจียงสบถตอบน้ำเสียงเย็นชาอย่างยิ่ง

ทว่ากลับผิดคาด ท่าทางการแสดงออกของจ้าวเฉียนดูเฉยเมยราวกับไม่ได้สนใจฟังเลยด้วยซ้ำ เขาตอบแค่ว่า

“ฉันไม่สนใจเรื่องไร้สาระพวกนั้นหรอกนะ ไม่ว่าจะชอบฉันหรือไม่ แต่เธอก็ไม่ได้อยู่ในสายตาฉันอยู่ดี เอาล่ะ เข้าเรื่องกันดีกว่า วันเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่กำลังจะมาถึง เธอต้องกลับบ้านเกิดกับฉัน ตราบเท่าที่พ่อแม่ของฉันพอใจในตัวเธอ ฉันจะคืนสิทธิ์การบริหารให้แก่เธอ แต่หุ้นในมือฉันยังคงเท่าเดิม แค่ว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารใดๆ ทั้งสิ้น ว่ายังไง?”

หวานเจียงไปไม่เป็นเล็กน้อย ก่อนจะตั้งสติเอ่ยถามกลับไปว่า

“อะไรนะ? นี่มันหมายความว่ายังไง? จะพาฉันไปพบพ่อแม่นาย?”

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบโดยไม่กล่าวอันใด

หวานเจียงเริ่มรู้สึกประหม่าแทน แววตาคู่สวยพลันสั่นไสว เธอเขินจนไม่กล้าสบตาจ้าวเฉียนแล้วในตอนนี้

“ท่าทางแบบนั้นหมายความว่ายังไง? จะทำไม่ทำ?”

จ้าวเฉียนเค้นถาม

หวานเจียงสวนตอบทันทีด้วยความหงุดหงิดว่า

“นี่ไม่ใช่เรื่องที่นายควรกังวลเลยนะ? ฉันสิควรกังวล! ฉันเป็นผู้หญิงนะ! เรื่องแบบนี้มันสำคัญมากเลยไม่ใช่เหรอ?”

จ้าวเฉียนเกรนเสียงหึดังอย่างเย็นชา เอ่ยปากขึ้นว่า

“หึ ยังมีอะไรต้องคิดอีก? ฉันจะมอบสิทธิ์การบริหารจัดการฮวาหยินกรุ๊ปให้เธอแลกกับกลับบ้านเกินกับฉัน ถือว่าฉันจ้างเธอให้ไปพบพ่อแม่ แทบไม่ต้องทำอะไรเลยแต่ได้สิทธิ์การควบคุมทั้งหมดคืนไป ง่ายจะได้ ยังต้องคิดอะไรให้ยุ่งยาก?”

หวานเจียงที่ได้ยินวาจาราวกับขอไปทีแบบนี้ของจ้าวเฉียน เธอก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ คล้ายว่านึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เธอจึงเอ่ยถามเสียงอ่อนทันทีด้วยความผิดหวัง

“นี่นายพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? หรือนายก็แค่…ก็แค่ตกลงอะไรสักอย่างกับที่บ้านโดยมีฉันเป็นเงื่อนไข? นาย…นายไม่ได้อยากพาฉันไปพบพ่อแม่เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ของเราหรอกเหรอ?”

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบว่า

“นี่เธอกำลังดูถูกฉันอยู่รึไง? ฉันไม่เอาเธอเป็นเมียหรอก”

หวานเจียงยิ่งโกรธจนน้ำตาเอ่อล้นไหลรินออกมาเกินกว่าจะหักห้าม ทันใดนั้นเธอก็ยกขาขึ้นมาทันทีพร้อมถีบขาคู่อัดท้องน้อยจ้าวเฉียนจนทรุดลงกับพื้นทั้งแบบนั้น

พอเห็นจ้าวเฉียนนอนคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดอยู่กับพื้น หวานเจียงยังไม่หยุดแค่ไหน ตะโกนด่าสาปแช่งซ้ำเติมต่อ

“ไอ้เลว! ไอ้เลว! ไอ้เลว! นายสมควรโดนแล้ว!”

“บัดซบ! เธอไปเอาแรงควายแบบนี้มาจากไหน ถ้าฉันเกิดเป็นอะไรไป เธอไม่มีปัญญารับผิดชอบฉันด้วยซ้ำ! อ๊ากก…จุก…ไม่ไหวแล้ว! ฉันต้องตายแน่เลย ใช่…ใช่แล้ว…ต้องโทรแจ้งตำรวจ!”

จ้าวเฉียนหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาตำรวดโดยตรง ขณะที่เขากำลังอ้าปากพูด หวานเจียงก็ตรงไปคว้ามือถือในมืออีกฝ่ายอย่างไว พร้อมด่าต่อว่า

“ไอ้บ้า! นี่นายโทรหาตำรวจจริงๆ งั้นเหรอ? ถ้าเกิดฉันโดนนำตัวไปโรงพักขึ้นมาจะทำยังไง? ถ้ามีประวัติติดตัวขึ้นมาล่ะ? นายจะต้องรับผิดชอบชีวิตฉันหลังจากนี้! เข้าใจไหม!?”

จ้าวเฉียนสวนตอบกลับไปทันทีว่า

“ชีวิตของฉันมีค่ากว่าที่เธอคิด ฉันก็ต้องโทรหาตำรวจเพื่อป้องกันคนอย่างเธอ! หรือจะให้ฉันโทรหาสายด่วนเป็นยังไง? โยนข้อหาให้เธอติดคุกตัวโตไปเลย! หลักฐานแค่นี้ก็เพียงพอที่จะเอาผิดเธอแล้ว! ลูกถีบตะกี้ ลำไส้ฉันอักเสบหมดแล้วมั้ง! โอ้ย…เจ็บ….”

หวานเจียงเห็นท่าทีจ้าวเฉียนดูทรมานขนาดนั้น เธอก็ตกใจอย่างมากและรีบวิ่งเข้าไปดูอาการอย่างรวดเร็ว

“นายแจ็บจริงๆ เหรอ? เป็นอะไรมากรึเปล่า? คือฉันไม่ได้ตั้งใจทำร้ายนายนะ ก็…ก็ใครมันสั่งให้นายพูดจาน่าหมั่นไส้ก่อนล่ะ? ฉันแค่ต้องการถีบนายให้ถอยไปเฉยๆ แต่ไม่นึกว่าจะเป็นแบบนี้…”

“โอ้ย…ระหว่างที่เธอพูดเนี่ย…ฉันว่าคงได้ตายก่อน! พาฉันลงไปเปิดห้องพักที ขอนอนดูอาการก่อนสักพักว่าดีขึ้นไหม ถ้าถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลจริงๆ ฉันโทรแจ้งตำรวจจับเธอแน่!”

หวานเจียงจกใจอย่างมากจนลืมทุกอย่างไปจนหมด ยามนี้ต้องรีบช่วยจ้าวเฉียนให้ปลอดภัยก่อน คิดได้ดังนั้นจึงรีบพยักหน้าตอบและวิ่งออกไปเรียกพนักงานให้ช่วยพาจ้าวเฉียนไปเปิดห้องนอนพัก

ทันทีเข้ามาถึงในห้อง จ้าวเฉียนก็พุ่งจู่โจมผลักร่างหวานเจียงติดกับกำแพงโดยตรง

ทั้งสองสบตากันสักครู่ ไม่นานใบหน้าของหวานเจียงก็แดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง เธอเอ่ยถามเสียงอ่อนว่า

“นาย…นายจะทำอะไร? ถ้า…ถ้าทำแบบนั้นอีก ฉันจะแตะนายอีกรอบนะ!”

จ้าวเฉียนยิ้มและตอบกลับไปว่า

“ลองเตะดูสิ เตะตรงนั้นของผม…แรงๆ เลย”

หวานเจียงหน้าแดงแจ๋ในทันทีด้วยความอายสุดขีด เหงื่อไหลทั่วทั้งตัว เธอสบถด่าไปคำหนึ่งว่า

“ไอ้สารเลว! นายนี่มัน! ออกไปจากตัวฉัน!”

จ้าวเฉียนกลับไม่ได้สนใจคำพูดของหวานเจียงเลย และอุ้มเธอโยนลงบนเตียงทันที

หวานเจียงทั้งตีทั้งตบกระหน่ำใส่จ้าวเฉียนไม่หยุดหย่อน จ้าวเฉียนคนที่ดูอ่อนแอเมื่อครู่หายไปไหนแล้ว? ทำไมตอนนี้ไม่ว่าจะทุบตียังไงเขากลับไม่เป็นอะไรเลย จนท้ายที่สุดเธอก็ต้องยอมจำนนเพราะความเหน็ดเหนื่อย

หลังจากพายุศึกหนักบนเตียงผ่านไป จ้าวเฉียนก็สวมกอดหวานเจียงไว้ในอ้อมแขนและผล็อยหลับไปพักหนึ่ง ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อวมา หวานเจียงพลันสะดุ้งตื่นขึ้น พอหันไปเห็นหน้าจ้าวเฉียนก็ชวนหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก เลยต่อยท้องจ้าวเฉียนไปหมัดหนึ่ง

จ้าวเฉียนสะดุ้งจื่นอย่างรวดเร็ว คว้ามือข้างที่ต่อยของเธอไว้แน่นและเอ่ยขึ้นว่า

“นี่เธอบ้าไปแล้วรึไง? ไม่ยั้งมือเลยหนิหว่า? นี่คิดจะฆ่าสามีตัวเองอยู่รึไง?”

หวานเจียงขมวดคิ้วดุเสียงเข้มไปว่า

“ตาบ้า! นายรังแกฉันอีกแล้วนะ! คราวนี้ฉันไม่ยอมจบง่ายๆ แน่นอน ฉันสู้ตาย!”

ทันทีที่พูดจบหวานเชียนก็ลุกขึ้นยกมือยกไม้กระหน่ำตบตีจ้าวเฉียนไม่หยุด จนสุดท้ายเขาต้องฮึบใช้แรงเฮือกใหญ่พลิกกลับมาขึ้นคร่อมเธอแทน

“ใจเย็นก่อน ใจเย็น ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ! ฉันจริงจังนะ!”

แววตาในขณะนี้ของจ้าวเฉียนดูดุร้ายขึ้นหลายส่วน มำให้หวานเจียงตกใจจนชะงักหยุดไปเอง พอเห็นเธอวงบลงแล้ว เขาจึงกล่าวต่อว่า

“ฉันแค่อยากจะทวนสิ่งที่ตัวเองพูดไปก่อนหน้านี้ ช่วยกลับหยานจิ้งพร้อมกับฉันในวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ที แล้วฉันจะคืนสิทธิ์การบริหารฮวาหยินกรุ๊ปทั้งหมดแก่เธอ ฉันจะนั่งรอแค่เงินปันผลและสัญญาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ฉันเองก็มีเงื่อนไข ข้อแรก ฉะนไม่อนุญาตให้ฮวาหยินกรุ๊ปร่วมมือกับศัตรูของฉัน แค่ข้อเดียว เธอลองไปคิดดูอีกทีก็แค่กัน”

หวานเจียงเธอเป็นสาวหัวไวและฉลาด เธอทราบดีว่าจ้าวเฉียนในตอนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์อย่างไรในปัจจุบัน เขากู้ยืนเงินสี่พันล้านหยวนเพื่อถือครองฮวาหยินกรุ๊ปเอาไว้ ถ้าเกิดฮวาหยินกรุ๊ปขาดผู้นำมาคอยดูแล อาจจะเกิดหายนะได้ในภายหลัง ซึ่งนั้นหมายความว่า จ้าวเฉียนจะสูญเสียเงินสี่พันล้านไปโดยเปล่าประโยชน์

ตอนนี้เขายินดีที่จะมอบสิทธิ์การบริหารคืนแก่เธอ โดยแลกเปลี่ยนกับแค่เธอต้องกลับไปหยานจิ้งกับเขา หากลองชั่งน้ำหนักดู เท่ากับว่าเขายอมจ่ายเงินมากถึงสี่พันล้านเพื่อต้องการให้เธอกลับไปหยานจิ้ง และพบครอบครัวของเขา นี่แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่า เขาค่อนข้างจริงใจกับเธออย่างมาก แม้จะยังไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาก็ตาม แต่เธอเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเช่นกัน

แต่ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งค้านหัวชนฝา ถ้าตอบตกลงทันทีตอนนี้ ดูท่าจะไม่เข้ากับบุคลิกของเธออย่างแรง ดังนั้นเธอจึงปั้นหน้านิ่งเอ่ยตอบแค่ว่า

“อืม ฉันลองคิดดูก่อนแล้วกัน แต่กันไม่ให้นายหลอกฉัน พวกเราต้องเซ็ณสัญญาเป็นหลักฐาน นอกจากนี้นายยังต้องติดต่อทีมแพทย์ที่นายว่ามารักษาพ่อฉันด้วย ถ้ายอมรับเงื่อนไขสองข้อนี้ไม่ได้ นายก็ลืมไปเถอะ”

จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบทันที

“ไม่มีปัญหา สำหรับทีมศัลยแพทย์ พวกเราจะเดินทางมาถึงในวันพรุ่งนี้ ไม่ต้องห่วง ส่วนเรื่งอสัญญาจะให้ฉันเซ็นตอนนี้เลยก็ยังได้ ฉันจะเขียนไว้สองฉบับ เก็บไว้คนละชุด ตกลงไหม?”

หวานเจียงพยักหน้าและหยิบกระดาษพร้อมปากกาออกมาจากกระเป๋า เธอส่งให้จ้าวเฉียนเขียนเงื่อนไขระบุข้อตกลง

ทั้งสองฝ่ายเซ็นลงนามพร้อมประทับลายนิ้วมือทันที สัญญาฉบับนี้มีผลบังคับใช้อย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จากนั้นทั้งสองก็หยิบสัญญาคนละชุดเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง มาถึงจุดนี้หวานเจียงดูโล่งใจขึ้นมาก

จ้าวเฉียนวางสัญญาฉบับนั้นลงบนโต๊ะข้างเตียง เขยือบตัวเข้าไปสวมกอดหวานเจียงโดยไวและเอ่ยถามขึ้นว่า

“ฉันทำถึงขนาดนี้แล้วนะ ไม่มีรางวัลให้หน่อยเหรอ?”

“นายต้องการอะไรล่ะ?”

“ก็…”

หลังจากพูดจบ จ้าวเฉียนก็เอนศีรษะเข้าไปใกล้ริมใบหน้าของหวานเจียง

แต่ทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของจ้าวเฉียนพยันดังขึ้น

“โอ้ย ใครเนี่ย? เข้าใจเลือกเวลาดีหนิ!”

จ้าวเฉียนเอ่ยปากบ่นหยุบหยิบและลุกขึ้นคว่าโทรศัพท์

หวานเจียงเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อยเจือท่าทีหงุดหงิด กล่าวดุขึ้นว่า

“สมน้ำหน้า!”

อย่างไรก็ตาม เธอในตอนนี้ไม่ได้หัวเสียขนาดก่อนหน้า เรื่องรักษาอาการป่วยของพ่อเธอเริ่มมีความหวังมากขึ้นแล้ว แถมเวลานี้ยังได้ตำแหน่งประธานบริษัทคืนมาอีก นี่นับว่าเป็นข่าวดีอย่างยิ่ง

จ้าวเฉียนคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นฟู่เทียนโทรมา