ตอนที่229 สาวงามขอความช่วยเหลือ

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่229 สาวงามขอความช่วยเหลือ

จ้าวเฉียนโบกมือเชิงให้หวานเจียงหยุดพูดก่อน สีหน้าของเขาดูจริงจังขึ้นฉับพลันรับมือถือกล่าวขึ้นว่า

“คุณฟู่ โทรหาผมอะไรตอนนี้?”

ฟู่เทียนตอบกลับไปว่า

“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่ฉันอยากจะบอกว่า นายเจอปัญหาใหญ่เข้าแล้ว”

จ้าวเฉียนยิ้มเยาะเล็กน้อย เอ่ยขึ้นว่า

“ถ้าอยากพูดอะไรก็รีบพูดมา ทุกนาทีของผมมีค่า ไม่อยากเสียเปล่ากับคุณเท่าไหร่”

ฟู่เทียนกล่าวตอบทันทีว่า

“ฉันรู้ว่านายยัดเงินขอให้หยางหู่ช่วยเก็บนักฆ่าที่ฉันจ้างมา แต่ฉันได้ส่งข่าวไปถึงเซียงเจียงแล้ว นายรู้อะไรไหม เซียงเจียงมีอิทธิพลอย่างมาก ถ้าคนของพวกเขาถูกฆ่าอย่างไม่เป็นธรรม พวกเขาไม่ปล่อยแกไว้แน่นอน เตรียมตัวตายได้เลยไอ้หนู”

จ้าวเฉียนได้ฟังดังนั้นพลันระเบิดหัวเราะลั่นพร้อมกล่าวว่า

“ถึงกับสารภาพมาเองเลยเหรอว่า คุณเป็นคนจ้างนักฆ่าพวกนั้น ในเมื่อรู้แบบนี้แล้ว หลังจากนี้ก็อย่าหาว่าผมเลือดเย็นก็แล้วกันครับ”

ฟู่เทียนเอ่ยตอบอย่างเฉยเมยว่า

“แม้จะรู้ว่าฉันเป็นคนจ้างฆ่าแก แล้วแกจะมีปัญญาทำอะไรฉันได้? มีคนของเซียงเจียงอีกมากที่รอฆ่านายอยู่ สุดท้ายแกก็แค่ศพเดินได้ที่กำลังจะตายคนหนึ่ง แต่ฉันเองก็ใช่ว่าจะไม่มีเมตตาเลยหรอกนะ ถ้ามาคุกเข่าขอขมาฉันกับลูกชาย บางทีฉันยังพอช่วยออกหน้าเจรจากับพวกเซียงเจียงได้อยู่นะ ว่าไง? โอกาสแบบนี้หากยากนะ?”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบเพียงว่า

“เมายาจนเพ้อแล้วรึไงครับ? คุณกับลูกชายนอนเลียไข่ตัวเองรอไปก่อนเถอะครับ หลังจากนี้หวังว่ายังจะอยู่ดีกินดีได้ต่อไป”

หลังพูดจบจ้าวเฉียนก็กดวางสายไปทันที ยามนี้เขาไม่กล้าประมาทรีบโทรหาพ่อโดยไว

จ้าวฝู่ดูมีความสุขอย่างมาก ที่ช่วงหลายวันมานี้ลูกชายของเขาโทรมาหาตนอยู่บ่อยครั้ง

“ว่าไงไอ้ลูกรัก มีอะไรให้พ่อคนนี้รับใช้ดี?”

จ้าวฝู่กล่าวทักทายพลางติดตลก

จ้าวเฉียนเข้าเรื่องทันที

“พ่อ พ่อมีหุ้นส่วนในเซียงเจียงบ้างไหม? แบบธุรกิจสีเทาๆหน่อย”

จ้าวฝู่ฮัมเพลงอย่างมีความสุข เอ่ยตอบไปว่า

“แน่นอน อุตสากรรมธุรกิจของตระกูลเราครอบคลุมไปทั่วประเทศ ทางฝั่งเซียงเจียงเป็นแหล่งกระจายสินค้าคลังใหญ่ ย่อมมีอยู่แล้วไอ้ลูกชาย ทำไม? พวกนั้นจะกลับมาแก้แค้นลูก?”

จ้าวเฉียนได้ฟังดังนั้นก็ตกใจอย่างมาก รีบถามขึ้นโดยพลัน

“ห่ะ? พ่อรู้เรื่องหมดแล้วเหรอ?”

จ้าวฝู่หัวเราะตอบไปว่า

“แน่นอน จะมีพ่อคนไหนไม่สนใจเรื่องลูกตัวเองเลยห่ะ? เอาน่า ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวฉันทักลูกน้องในเซียงเจียงให้เอง พวกนั้นไม่กล้าขัดคำสั่งอยู่แล้ว”

ถ้าเพื่อความปลอดภัยของลูกชายตัวเอง จ้าวฝู่จะต้องออกหน้ามาปกป้องอยู่แล้ว แต่สำหรับเรื่องตัวการอย่างฟู่เทียนกับลูกชายของมัน คงต้องเป็นสิ่งที่จ้าวเทียนต้องตัดสินใจเองว่าจะเอายังไงต่อ

จ้าวฝู่ทราบดีว่าลูกชายของเขาในตอนนี้คิดอะไรอยู่ จึงกล่าวเป็นนัยให้ฟังว่า

“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง พ่อจัดการได้ แต่เรื่องที่ลูกต้องการจะสั่งสอนสองคนนั้น อันนี้ลูกต้องตัดสินใจเอง ถ้าต้องการจัดการจริงๆ ฉันจะโทรไปหาประธานเรดสตาร์คลับ ผู้มีอิทธิพลของทางเซียงเจียงให้เขาจัดการทุกอย่างเอง แค่ว่าลูกจะต้องคิดให้รอบคอบก่อน”

จ้าวเฉียนรู้ดีว่าสิ่งที่พ่อกล่าวไปมันหมายถึงอะไร หากย้อนกลับไป ในตอนที่เขาขับรถชนอู่ซิน จ้าวฝู่ในตอนนั้นโกรธอย่างมาก จนถึงขั้นที่ว่าตัดหางปล่อยวัด ไล่ออกจากบ้านให้ไปผจญชีวิตเอง ทั้งหมดเพียงเพื่อดัดสันดานไม่อยากให้ลูกชายตัวเองโดยมาเป็นพวกคนเหลือขอ ทั้งยังอยากสอนให้ลูกชายรู้จักคิดให้รอบคอบก่อนจะลงมือทำอะไรสักอย่าง รู้จักให้อภัยคนอื่น อย่าพึ่งรีบเร่งสั่งคนไปเก็บ เป็นต้น

แต่อย่างไร ครั้งนี้มันมากเกินขอบเขตแล้วจริงๆ สองพ่อลูกตระกูลฟู่ถึงกับจ้างนักฆ่ามืออาชีพจากต่างถิ่นเพื่อลอบสังหารโดยเฉพาะ ถ้าจ้าวเฉียนไม่ตอบโต้อะไรกลับไปบ้าง เกรงว่าจะทำให้สองพ่อลูกยิ่งได้ใจ

ถ้าจะตัดหญ้าจงถอนยันโคน ไม่อย่างนั้นอาจจำต้องทนกับปัญญาที่ไม่มีวันจบสิ้น

ดังนั้นจ้าวเฉียนจึงกล่าวกับพ่อน้ำเสียงหนักแน่นว่า

“พ่อครับ ในชีวิตผมมันมีทั้งเรื่องที่ให้อภัยได้และไม่ได้ปะปนกันไป แต่การกระทำของสองคนนี้มันเกินกว่าคำว่า ให้อภัยได้แล้วจริงๆ ถ้าหลังจากนี้ผมยังเลือกที่จะอดทน พวกนั้นจะยิ่งได้ใจและสร้างปัญหาให้ผมต่อไปอย่างไม่รู้จบ ผมจำเป็นต้องยุติเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่มันจะส่งผลเลวร้ายไปมากกว่านี้”

จ้าวฝู่ที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่มีอะไรจะค้านเช่นกัน จึงตอบไปตามตรงว่า

“โอเค เดี๋ยวฉันจะจัดการให้เอง ตอนนี้แกตั้งใจดูและธุรกิจตัวเองไปเถอะ ไม่ต้องไปใส่ใจฟู่เทียนมากนัก เข้าใจไหม?”

จ้าวเฉียนตอบกลับโดยไว

“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณพ่อมากเลย”

จ้าวฝู่ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น กล่าวว่า

“แกจะขอบคุณไปทำไม ตราบใดที่แกยังอยู่ในประเทศนี้ ไม่มีใครสามารถแตะต้องแกได้อยู่แล้ว คนพวกนี้แค่ล้ำเส้นเข้ามามาเกินควร ปัญหาเล็กน้อยหน่า อย่าไปคิดมาก พวกมันล้วนแต่ทำตัวเองกันทั้งนั้น ก็สมควรได้รับผลกรรม เออ อย่าว่ากันเลยนะ แกอยู่กับแม่สาวน้อยคนนั้นรึเปล่า? เปิดกล้องให้พ่อเห็นหน้าเห็นตาหน่อย แล้วอย่าลืมพาเธอกลับมาด้วย เราจะมาฉลองวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วยกัน”

จ้าวเฉียนเปิดกล้องและหันมือถือไปทางหวานเจียงเล็กน้อย เขายิ้มและกล่าวว่า

“เห็นแล้วนะพ่อ อย่าลืมเตรียมซองแดงให้พร้อม”

จ้าวฝู่หัวเราะอย่างมีความสุข กล่าวตอบกลับไปว่า

“ฮ่าฮ่า… ซองแดงของพวกฉันมีจำกัด ถ้าอยากได้ก็ต้องพาเธอมา! แค่นี้แหละ ฉันจะทำงานต่อแล้ว”

จ้าวเฉียนกดวางสายไป ทันใดนั้นรอยยิ้มท่าทีดูมีความสุขบนใบหน้าของเขาก็จางหายไปในทันใด

พอเห็นจ้าวเฉียนหันหน้ากลับมาพร้อมกับสีหน้าอมทุกข์แบบนั้น หวานเจียงก็เอ่ยถามขึ้นทันทีด้วยความกังวลวาส

“เกิดอะไรขึ้น? มีใครสร้างปัญหาให้อีก? หรือว่าจะเป็นฟู่เทียนอีกแล้ว? ไม่ใช่ว่านายให้หยางหู่จัดการนักฆ่าไปหมดแล้วเหรอ?”

จ้าวเฉียนแสร้งปั้นหน้าทุกข์ใจกล่าวตอบไปว่า

“ใช่ ฟู่เทียนมันโทรมาขู่ว่า ทางเซียงเจียงไม่ปล่อยให้ฉันลอยนวลแน่นอน และจะส่งคนมาเก็บฉัน เหอะ เหอะ…แต่อีกฝ่ายคงคิดจริงๆว่า ฉันคงกลัวและไม่มีทางทำอะไรคนจากเซียงเจียงได้”

พอเห็นแววตาอำมหิตฉายออกมาจากด้วยตาของจ้าวเฉียน หวานเจียงก็รีบลุกจากเตียง เดินเข้ามาสวมกอดเขาทันทีและกล่าวปลอบโยนว่า

“ตาบ้า นี่นายยังมีฉันอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้อยู่แล้ว”

จ้าวเฉียนกดสายตาจ้องไปที่เนินอกสวยคู่นั้นของหวานเจียง พอเห็นก็อดยิ้มไม่ได้พลางกระชับกอดแน่นและกล่าวขึ้นว่า

“คุณห่วงผมขนาดนั้นเลย?”

พอเห็นสายตาของจ้าวเฉียนที่จ้องมองมาที่หน้าอกของเธอ หวานเจียงก็พึงตระหนักได้ว่า ตอนนี้เธออยู่ในสภาพเปลือยกาย ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นปิดป้องร่างกายอยู่เลย เธอตกใจอย่างมากและพยายามรีบวิ่งกลับไปบนเตียง

แต่จ้าวเฉียนกลับใช้มือทั้งสองข้างคล้องเอวเธอไว้ไม่ยอมให้หนีไปไหน

หวานเจียงรู้ดีการจะเล่นแง่ใช้วาจาเกลียกล่อมกับพ่อปลาไหลแบบนี้คงไม่มีประโยชน์ ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนกลยุทธ์ ปั้นหน้านิ่งกล่าวขึ้นว่า

“ปล่อยฉันก่อน! วันหลังค่อยทำน่า ฉันจะรีบไปหาพ่อที่โรงพยาบาล”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไปว่า

“ได้ งั้นจูบฉันสักทีก่อนสิ ถึงจะยอมปล่อยไป”

หวานเจียงปั้นหน้ามุ่ยดูลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเขย่งเท้าประกบจูบจ้าวเฉียน

จ้าวเฉียนปล่อยเธอออกไปด้วยความพึงพอใจ ทั้งสองรีบสวมเสื้อผ้าและแยกย้ายกันจากไป

หวานเจียงเดินทางไปที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการของคุณพ่อ

ส่วนจ้าวเฉียน ขณะที่กำลังจะเดินเข้าโรงหนัง อยากเปลี่ยนบรรยากาศหาอะไรสนุกๆดู แต่ทันใดนั้นก็มีสาวน้อยวัยรุ่นคนหนึ่งแต่งตัวน่ารักรีบวิ่งเข้ามาสวมกอดเขาไว้

ด้วยสัญชาตญาณ จ้าวเฉียนต้องการจะผลักร่างของเธอออกไปโดยตรง แต่ดูท่าสีหน้าท่าทางราวกับผู้หญิงคนนี้กำลังขอความช่วยเหลือจากเขาอยู่

“พี่ชาย! ช่วยหนูด้วย! 8นพวกนั้นเดินตามหนูมาสักพักแล้ว หนูกลัว ช่วยไล่พวกเขาไปที”

จ้าวเฉียนหยุดมือฉับพลัน และเหลือบมองไปที่ด้านหลังเธอ ปรากฏว่ามีกลุ่มอันตพานประมาณสามสี่คนยืนจ้องมองพวกเขาอยู่

พอพิจารณารอบข้างโดยละเอียด จ้าวเฉียนเอ่ยถามน้ำเสียงต่ำกับเธอว่า

“แล้วคุณเป็นใคร? ทำไมจู่ๆถึงมีคนมาหาเรื่องแบบนี้?”

สาวน้อยคนสวยกล่าวตอบกลับไปทันที

“หนูชื่อเหรินจานซวน เป็นลูกสาวเจ้าของบริษัทเซียนเหว่ย เทคโนโลยี หนูเดาว่า คนพวกนี้น่าจะเป็นคนของหุ้นส่วนใหญ่ที่รองจากพ่อหนูส่งคนมานตามล่า แต่…แต่หนูไม่มีหลักฐานอะไรเลย ขอร้องนะคะพี่ชาย ช่วยจัดการคนพวกนี้ที!”

จ้าวเฉียนเคยได้ยินชื่อบริษัทนี้มาก่อน บริษัท เซียนเหว่ย เทคโนโลยีเป็นบริษัทที่ค่อนข้างใหญ่ ไม่ว่ายังไงเขาต้องยื่นมือเข้าช่วยแล้ว