ในขณะนั้นเอง มีคนบุกเข้ามาจากหน้าประตู แล้วคุกเข่าลง “หากชิ่งเกอเอ๋อร์จะไปให้ได้ ข้าน้อยจะช่วยเหลือเขาเองขอรับ”
เป็นเว่ยเสียวเถี่ย
อวิ๋นหว่านชิ่นเผยรอยยิ้มออกมา มองเฉินจ้าวอย่างมีเลศนัย แล้วเข้าไปพยุงเว่ยเสียวเถี่ยลุกขึ้นมา
รองแม่ทัพก่วนกล่าวอย่างแปลกใจ “พวกเจ้าคงไม่ได้ปรึกษากันมาก่อนหรอกนะ”
เฉินจ้าวหัวเราะเยาะ แล้วนั่งลง
อวิ๋นหว่านชิ่นหันหน้าไปทางทุกคน “เสียวเถี่ยเป็นคนในพื้นที่เยี่ยนหยาง ไม่นับว่าสนิทสนมกันกับหลี่ว์ปานั่น แต่เพราะเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน เคยเจอหน้ากัน ถือว่ารู้จักกันอยู่บ้าง ถึงเวลาข้ากับเสียวเถี่ยเข้าไปด้วยกัน หลี่ว์ปาน่าจะไม่สงสัยข้า ข้าก็จะปลอมตัวด้วย ให้เขาผ่อนความระแวดระวังตัวลง”
“ปลอมตัวหรือ” ทุกคนต่างก็อึ้งเหม่อไป
อวิ๋นหว่านชิ่นขอร้องกับเฉินจ้าว “ท่านแม่ทัพให้ข้าน้อยยืมทหารสองนายก็พอขอรับ”
คำนวณไว้แล้วทุกก้าว เฉินจ้าวรู้ว่าห้ามนางไว้ไม่อยู่ ฝ่ามือก็มีเหงื่อซึมออกมาเต็มไปหมด นั่งอยู่นานกว่าจะลุกขึ้นมา สีหน้าบูดบึ้ง สะบัดแขนเสื้อ แล้วออกไปจากห้องโถงหลัก
**
เมื่อถึงเวลากลางคืน เดินออกมาจากห้องในเรือนหลังแล้ว อวิ๋นหว่านชิ่นก็ได้แต่งกายเป็นอีกคนหนึ่ง
แผนการแฝงตัวเข้าเมืองเยี่ยนหยางนั้น เพื่อไม่ให้เล็ดลอดออกไป จึงมีเพียงไม่กี่คนที่หารือกันในห้องโถงหลักในวันนี้เท่านั้นที่รู้
ในชานเรือน ดวงตะวันค่อยๆ ลอยต่ำลง เฉินจ้าวและเว่ยเสียวเถี่ยต่างก็รอกันอยู่
เมื่อม่านเปิดออก เงาคนคนหนึ่งพร้อมกับแสงทองส่องประกายก็เดินออกมา
อวิ๋นหว่านชิ่นยืมเครื่องสำอางของหญิงสาวในบ้านของนายอำเภอเจียง ใช้เวลาเป็นครึ่งวัน เปลี่ยนเป็นใบหน้าของอีกคนหนึ่ง สุดท้ายเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อผ้าหยาบของสาวใช้ในบ้านนายอำเภอ
เมื่อเว่ยเสียวเถี่ยเห็น ก็ตกใจยิ่งนัก แต่ก็รู้สึกแปลกใหม่ “ชิ่งเกอเอ๋อร์อยากจะปลอมตัวเป็นหญิงแฝงตัวเข้าไปหรือ”
ปลอมตัวเป็นชายมาตลอดทาง แต่ตอนจะแฝงตัวเข้าเมือง กลับเปลี่ยนกลับมาเป็นหญิงอีก นั่นก็เพราะว่าหลี่ว์ปาไม่มีทางที่จะให้ชายหนุ่มนอกหมู่บ้านเข้าเมืองได้เป็นแน่
มีเพียงหญิงสาวที่ไม่มีอาวุธใด อาจจะคลายความระแวงของหลี่ว์ปาได้บ้าง
เฉินจ้าวมองดูอวิ๋นหว่าชิ่นตรงหน้า ก็ตกตะลึงเช่นกัน
นางกลับมาแต่งตัวเป็นหญิง แต่นอกจากรูปร่างที่เหมือนแต่ก่อนแล้วนั้น ใบหน้านี้กลับไม่มีเค้าหน้าเดิมเลยสักนิด หน้าเหลืองซูบผอม ปีกจมูกมีกระ แก้มสองข้างเว้าลึก ปากจมูกเบี้ยวเป๋ คิ้วบาง ดวงตาเล็กตี่ คางก็ทำมาเช่นกัน ยื่นออกมาเล็กน้อย กลายเป็นคนคางยื่นไป
อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นสีหน้าของทั้งสองคนนั้นตกตะลึงไป ก็จับหน้าของตน สูดลมหายใจลึก “เป็นอย่างไรบ้าง”
เว่ยเสียวเถี่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “น่าเกลียดขั้นสุดเลย! แต่ว่า ชิ่งเกอเอ๋อร์แต่งเป็นหญิงแล้ว ก็เหมือนหญิงสาวจริงๆ!”
ก็เป็นหญิงสาวอยู่แต่แรก อวิ๋นหว่านชิ่นยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร เมื่อยิ้มแล้ว ปากพลิกฟันยื่น ยิ่งน่าเกลียดเข้าไปอีก ขนาดตนยังไม่กล้าที่จะมองไปที่สิ่งของที่สะท้อนเงาได้
เฉินจ้าวไม่ได้พูดอะไร ก่อนหน้านั้นนางบอกว่าอยากกลับมาใส่ชุดหญิง ก็ยิ่งเครียดไปใหญ่ หากเป็นใบหน้าเหมือนแต่ก่อน เขาไม่ยอมให้นางเข้าไปเป็นแน่ ล่อสายตาเกินไป หากถูกพวกชาวบ้านบ้าคลั่งนั่นเห็นเข้าแล้วเกิดอารมณ์อยากลวนลามจะทำอย่างไร ใช้รูปลักษณ์เช่นนั้นเข้าใกล้หลี่ว์ปา ยิ่งไม่ต้องคิดเลย ตอนนี้เห็นนางในสภาพนี้ ก็ยังพอจะโล่งใจไปบ้าง
เฉินจ้าวทำตามความต้องการของนาง สั่งให้ทหารสองนายของกองทหารตระกูลเฉินเปลี่ยนเป็นชุดคนของทางการเมืองเยี่ยนหยาง เขากล่าว “จำได้หรือไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร”
ทั้งสองคนคารวะ “ท่านแม่ทัพวางใจได้ขอรับ”
อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นว่าเริ่มค่ำแล้ว สัมภาระก็แบกไว้แล้ว พูดกับทหารสองนายและเว่ยเสียวเถี่ย “ไป”
ในใจเฉินจ้าวเหมือนว่ามีอะไรจะเต้นออกมา ช่างเกลียดตนเองนัก ทำไมถึงได้ตามใจนางเยี่งนี้ แต่ก็ทำได้เพียงมองนางพาคนสองสามคนนั้นออกไปทางประตูหลัง
ก่อนออกประตูไป อวิ๋นหว่านชิ่นเหมือนรู้สึกถึงความกระวนกระวายของคนด้านหลัง จึงหยุดลง หันหน้ากลับไปเตือน “ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยไปสืบข่าวประเดี๋ยวก็กลับ ไม่นานนักหรอกขอรับ ท่านวางใจได้ ท่านรอข้าน้อยส่งสาส์นมาให้ก็พอ อย่าใช้กำลังทหารก่อนเด็ดขาดนะขอรับ”
เฉินจ้าวมองดูเบื้องหลังของนาง หมัดที่กำไว้แน่นนั้นผ่านไปสักพักถึงจะคลายลง สักพัก รองแม่ทัพก่วนและผู้บัญชาการกองพันถังก็มา เพิ่งจะเดินมาถึงก็ได้ยินเสียงอันเยือกเย็นของท่านแม่ทัพ “หากสามวันไม่มีข่าวคราวใด ให้บุกเข้าเมืองเยี่ยนหยาง พวกชาวบ้านที่ก่อจลาจลฆ่าไม่ให้เหลือ ชาวบ้านที่เหลือจับกุมตัวกลับเมืองหลวง ถือว่าสมรู้ร่วมคิดทั้งหมด!”
ณ เมืองเยี่ยนหยาง ประตูตะวันตก
ในยามค่ำคืน หน่วยคุ้มกันที่ชาวบ้านผู้ประสบภัยตั้งขึ้นชูคบไฟเดินตระเวนตรวจตราอยู่ในประตูเมือง ในเวลานี้ ถนนตรงข้ามมีชายกำยำอายุประมาณสามสิบเดินมา ถึงแม้จะสวมชุดผ้าหยาบ แต่กลับมีคนติดตาม ฝีเท้าหนักแน่น ตัวใหญ่ล่ำสัน กล้ามเนื้อเต็มไปทั้งตัว คิ้วเข้มตาโต คนติดตามด้านข้างถือโคมไฟให้
“ลูกพี่หลี่ว์!” กลุ่มชายหนุ่มที่เฝ้าประตูเข้าไปต้อนรับ
หลี่ว์ปาจะมาตรวจประตูเมืองหลักทั้งสี่ประตูด้วยตนเองในเวลานี้ทุกวัน ตอนนี้มาถึงประตูตะวันตก ก็ถามไถ่สถานการณ์ของทั้งวันนี้ตามปกติ กำลังจะหันกลับเดินไปที่ต่อไป กลับได้ยินเสียงเอะอะลอยมาจากนอกประตู เป็นเสียงฝีเท้าวุ่นวาย เสียงตะโกนเรียก อีกยังผสมปนเปไปด้วยเสียงดาบเสียดสีกับลม!
คนเหล่านั้นสีหน้าเปลี่ยนไป มองตากัน แล้วเดินขึ้นไปบนหอประตูเมือง ใช้แสงไฟส่องมองไปยังด้านนอก
นอกเมืองนั้น ในที่ที่ไม่ไกลนัก มีเงาคนตัวผอมบางสองคนโค้งตัว วิ่งสุดชีวิต ด้านหลังมีทหารสองนายที่ใส่ชุดทางการของเมืองเยี่ยนหยางตามมาไกลๆ ในมือถือดาบ กำลังค้นหาพื้นที่รอบๆ
ภายใต้แสงจันทร์ คนที่ถูกตามหนึ่งในนั้นเหมือนว่าจะคุ้นตายิ่งนัก…
“ลูกพี่หลี่ว์ นั่นเหมือนจะเป็นไอ้เด็กหนุ่มที่ชื่อว่าเสียวเถี่ยที่อยู่หมู่บ้านตระกูลเว่ยในเมืองเรา…” มีคนหนึ่งจำได้ ก็ตกใจ
เมืองเยี่ยนหยางไม่ใหญ่นัก เหล่าชาวบ้านถึงจะไม่รู้จักมักคุ้นกัน แต่เห็นกันก็ไม่รู้สึกว่าแปลกหน้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเว่ยเสียวเถี่ยนี้เป็นเด็กกำพร้า ทำงานในเมืองไปทั่วทุกที่แต่เด็กจนโต นิสัยร่าเริง เก่งในเรื่องคบค้ากับคน มีไม่กี่คนที่ไม่รู้จัก
“นั่นสิ เหมือนจะใช่จริงด้วย! เหมือนว่าจะถูกทหารไล่ตาม!” หน่วยคุ้มกันอีกคนก็ตะโกนขึ้นมา
“หึ! ก่อนหน้านี้แอบหนีไปไม่ใช่หรือ กลับมาอีกทำไมเล่า” หลี่ว์ปาเยาะเย้ย
ในเวลานั้นเอง เว่ยเสียวเถี่ยก็วิ่งมาถึงหน้าประตูเมืองแล้ว ทุบประตูอย่างแรง “ลูกพี่หลี่ว์! เปิดประตู! ปล่อยข้าเข้าไป! มีทหารไล่ตามพวกข้า!”
หลี่ว์ปาหัวเราะออกมา “เสียวเถี่ย วันนั้นไม่ยอมเข้ากับพวกข้า บอกว่าพวกข้าก็เหมือนกับโจรขโมยไม่มีผิด แล้วครั้งนี้ทำไมถึงได้โดนคนไล่ตามกลับมาเล่า!”
เว่ยเสียวเถี่ยแนบประตู ทำสีหน้าอมทุกข์ “พี่หลี่ว์ พี่เปิดแง้มประตูให้ก่อน ให้ข้าเข้าไปก่อนค่อยว่ากันเถิด ระหว่างทางข้าเอาตัวรอดไม่ได้ ขโมยของกิน ถูกทางการจับได้! เป็นคนของผู้ว่าการเมืองเยี่ยนหยางที่หนีออกไปได้! พี่หลี่ว์ ทำไมพี่ไม่ฆ่าคนของทางการพวกนี้ให้หมดกันเล่า เร็วๆ ทหารจะจับข้าแล้ว!”
เดิมทีหลี่ว์ปาแค่อยากจะดูเพื่อความสนุกเท่านั้น ไม่อยากจะปล่อยเจ้าเด็กนี่เข้ามา เมื่อได้ยินว่าเขาไปล่วงเกินทางการเข้า ในเมื่อเป็นศัตรูของทางการ ก็เป็นสหายของตน ช่างเถิด เจ้าเด็กนี่ได้รับบทเรียนไปครั้งหนึ่งแล้ว ดูสิว่าจะยังกล้าเป็นศัตรูกับเขาอีกหรือไม่ เหลือบมองทหารของทางการที่ไล่ตามใกล้เข้ามาทุกที กล่าวเสียงดัง “สำนึกผิดแล้วหรือ จะเชื่อฟังข้าหรือไม่”
“สำนึกผิดแล้ว!” เว่ยเสียวเถี่ยแหกปากตะโกน
หลี่ว์ปาส่งสายตาเป็นสัญญาณ ชายฉกรรจ์สองคนที่เป็นหน่วยคุ้มกันนั้นก็ลงจากหอประตูเมือง ไปเปิดสลักประตูอย่างรวดเร็ว
เว่ยเสียวเถี่ยดึงมืออวิ๋นหว่านชิ่น เมื่อช่องประตูเปิดออก ฝึบ! เบียดแทรกตัวเข้าไป
ประตูก็งับปิด ปัง! อีกครั้ง!
พวกเขาปิดประตูแล้วหันมาเห็นข้างกายเว่ยเสียวเถี่ยยังมีอีกคนหนึ่ง ก็ตกใจ พุ่งตัวเข้าไป “เจ้าเป็นใครกัน!”