บทที่ 380 ไอ้ไก่อ่อน

บทที่ 380 ไอ้ไก่อ่อน

เรื่องนี้คลี่คลายง่ายมาก

มันเป็นเพียงการจ่ายสินบนให้พนักงาน แต่อวี้ฮ่าวหรานกลัวว่าครั้งนี้หลี่หรงจะต้องทนทุกข์ไม่น้อย

พอเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีเกรี้ยวกราด จ้าวเทียนก็พูดเสียดสีเพื่อเติมเชื้อไฟทันที

“ฮ่า ๆ อะไรเหรอ? ผมพูดถึงไอ้ไก่อ่อนแล้วแทงใจดำเหรอ?”

เขามองใบหน้างดงามของอีกฝ่ายด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความเหยียดหยาม

“อันที่จริงเราสามารถแก้ไขปัญหาของบริษัทได้นะ ขอแค่คุณเลิกกับไอ้ไก่อ่อนแล้วมาคบกับผม บางทีผมอาจจะพิจารณาให้คุณเป็นผู้บริหารของบริษัทฮัวหรงต่อไปก็ได้”

ตอนนี้ความอดทนของหลี่หรงทะลุขีดจำกัดแล้ว!

“ไสหัวไป!”

ในสายตาของเธอ พี่เขยทั้งสง่างามและแข็งแกร่งราวกับหินผา แล้วเธอจะปล่อยให้ผู้ชายแบบจ้าวเทียนดูถูกเขาได้อย่างไร?

“ผู้จัดการหยาง! ส่งแขก!”

ทันทีที่เธอพูดจบ ผู้จัดการหยางก็รีบลุกยืนขึ้นพร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเจ็ดถึงแปดคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง

“ท่านประธานจ้าว เชิญออกจากบริษัทของเราครับ!”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทั้งสองฝ่ายยืนประจันหน้ากัน ไม่มีใครกลัวใคร

คนพวกนี้เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมืออาชีพที่ถูกส่งมาโดยเฉิงกัวอัน พวกเขาจึงมีรูปร่างแข็งแรงมาก

พอจ้าวเทียนผู้เย่อหยิ่งเห็นแบบนั้น เขาก็รู้ทันทีว่าการเจรจาในคืนนี้คงไม่เป็นผล และอีกอย่างเขาไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งขึ้นที่นี่

“ฮึ่ม! สาวน้อย…ฉันว่าเธอกลับบ้านไปเลี้ยงลูกจะดีกว่า!”

หลังจากแค่นเสียงเย็นชา เขาก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไปพร้อมกับกลุ่มผู้บริการระดับสูงและผู้คุ้มกัน

“เฮ้อ…พวกนายออกไปให้หมด”

เมื่อคนอื่น ๆ ออกไปแล้ว หลี่หรงก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะโบกมือเป็นสัญญาณให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตัวเองออกไปเช่นกัน

ไม่กี่นาทีต่อมา ภายในห้องประชุมก็ตกอยู่ในความเงียบ

“พี่เขย ไอ้จ้าวเทียนน่ารำคาญมาก! ฉันจะทำยังไงดี?”

พอทุกคนเดินออกไปแล้ว ในที่สุดหลี่หรงก็แสดงตัวตนที่แท้จริงก่อนลูบใบหน้าด้วยความทุกข์ใจ ดูเหมือนว่าเธอจะหนักใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นไม่น้อย

ความจริงแล้วหญิงสาวไม่คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้จะเลยเถิดไปไกลขนาดนี้ เธอจึงรู้สึกสับสนอย่างมาก

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพนักงาน เธอจะแสดงอารมณ์อ่อนไหวให้พวกเขาเห็นไม่ได้

“อาหารเสริมมีปัญหาเหรอ?”

พอเห็นว่าอีกฝ่ายออกไปแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็เริ่มถาม

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา แต่เห็นได้ชัดว่าน้องสาวภรรยาคนนี้กำลังทุกข์ใจกับเรื่องนี้มาก

หลี่หรงพยักหน้าทันที

“เกิดปัญหาตอนตรวจสอบน่ะ เราต้องทิ้งตัวอย่างสินค้าทั้งหมด ตอนนี้บริษัทถูกประณาม ราคาหุ้นตกต่ำ แถมบริษัทของจ้าวเทียนก็กำลังโจมตีเราอย่างหนัก…พี่เขย ฉันต้องรับมือยังไงดี?”

หลี่หรงรู้สึกเคร่งเครียดอย่างมาก เธอไม่คิดว่าตัวเองจะถูกคนที่ไว้ใจหักหลังอีกครั้ง

แต่ตอนนี้เธอมีคนให้พึ่งพาแล้ว

อวี้ฮ่าวหรานตบแผ่นหลังถวนถวนที่กำลังงัวเงียอยู่ในอ้อมกอดเบา ๆ พร้อมชี้แนะแนวทางแก้ไขปัญหาด้วยท่าทีผ่อนคลาย

“ในเมื่อเขาอยากซื้อบริษัทเธอ ฉันก็จะช่วยเธอซื้อบริษัทของเขาอีกที แค่นี้ก็จบไม่ใช่เหรอ? ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ เธอก็แก้ที่ตัวต้นเรื่องสิ”

ใช่ เขาต้องการใช้วิธีที่เรียบง่ายและชั่วร้ายในเวลาเดียวกัน

“เอ๊ะ? นี่…”

หลี่หรงตกตะลึงทันทีที่ได้ยิน เธอไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถใช้วิธีที่เรียบง่ายและชั่วร้ายแบบนี้ได้

“จะดีเหรอ? ราคาหุ้นบริษัทจ้าวเทียนผันผวนมาก ฉันกลัวว่ามันจะไม่ง่ายน่ะสิ”

เธอไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้เลย แต่เธอลืมไปว่าอวี้ฮ่าวหรานเคยใช้วิธีนี้มากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว!

ถ้าเขาและชิวเฮิงร่วมมือกัน สองบริษัทยักษ์ใหญ่ร่วมใจกันจัดการบริษัทขนาดเล็ก มันจะไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากหรอกเหรอ?

“ไม่ต้องห่วง พี่จะจัดการเรื่องนี้เอง”

อวี้ฮ่าวหรานพูดอย่างสบาย ๆ หลี่หรงพยักหน้า แม้จะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เธอก็เชื่อมั่นในตัวพี่เขยคนนี้

“เอาล่ะ กลับบ้านกันเถอะ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว!”

ในที่สุดเธอก็แสดงท่าทางแบบหญิงสาวธรรมดาออกมา

“กลับบ้านไปกินข้าวกัน ฉันยุ่งตลอดทั้งบ่ายจนลืมกินข้าวน่ะ”

ดูเหมือนว่าเธอจะนึกเรื่องบางอย่างได้

“พี่เขยกินข้าวหรือยัง? ตอนนี้ดึกมากแล้ว”

“พี่กินไปนานแล้ว ถวนถวนบ่นหิวข้าวตั้งแต่หกโมงเย็น ตอนนี้เวลาสามทุ่มครึ่งแล้ว”

อวี้ฮ่าวหรานรีบตอบ ถ้าเขายังไม่กินข้าว มีหวังเจ้าตัวน้อยในอ้อมแขนคงหิวจนสามารถกินเขาไปทั้งตัวแน่…

“อืม…กลับกันเถอะ ฉันจะซื้ออะไรกินระหว่างทางก็แล้วกัน”

หลี่หรงนึกขึ้นได้ทันทีว่าตัวเองยุ่งอยู่กับเรื่องก่อนหน้านี้จนลืมเวลา

ทั้งสองคนเดินออกจากห้องประชุม เธอเพิ่งสังเกตว่าพี่เขยสวมชุดลำลองและ…รองเท้าแตะมาที่บริษัท

ไม่แปลกใจเลยที่จ้าวเทียนจะพูดดูถูกเขา เพราะชุดนี้เหมาะกับสวมใส่อยู่ที่บ้านเท่านั้น

ทุกคนที่อยู่ในบริษัทต่างสวมรองเท้าหนังและชุดสูทกันทั้งนั้น ไม่มีใครสวมชุดลำลองเหมือนเขาสักคน

“พี่เขย ฉันว่าคราวหน้า…พี่แต่งตัวเป็นทางการกว่านี้หน่อยได้ไหม?”

พอคิดว่าพี่เขยถูกสบประมาทว่าเป็นไอ้ไก่อ่อน เธอก็อดเตือนเขาไม่ได้

นี่มันเรื่องอะไรกัน?! เธอไม่เคยมีรักแรกด้วยซ้ำ!

แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่าย

“โอเค คราวหน้าฉันจะแต่งตัวให้ดูดีกว่านี้”

เขาไม่เคยพิถีพิถันเรื่องการแต่งตัว ตราบใดที่มันสวมใส่สบาย เขาก็เลือกชุดนั้น

พูดตรง ๆ ก็คือต่อให้สวมรองเท้าแตะต่อหน้าโจวเฟยหู่ เขาก็สามารถทำให้อีกฝ่ายเกรงกลัวและเชื่อฟังได้อย่างง่ายดาย

ต่อให้สวมเสื้อผ้าราคาแพงแต่ไม่มีความสามารถ โจวเฟยหู่ก็จะจัดการกับคนคนนั้นอยู่ดี ภายใต้ความศิวิไลซ์ โลกก็ยังคงถูกขับเคลื่อนด้วยอำนาจความแข็งแกร่งอยู่ดี

ทั้งสองคนแวะรับประทานอาหารก่อนเดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางอวี้ฮ่าวหรานก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาเฉิงกัวอันเพื่อปรึกษาเรื่องซื้อบริษัท

ด้วยอิทธิพลของเครือฮ่าวหรานในปัจจุบัน เขาสามารถซื้อบริษัทเล็ก ๆ ได้ในทันที แต่ถ้าร่วมมือกับชิวเฮิง ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมากกว่าเดิม

เขาวางสายอย่างรวดเร็ว

อวี้ฮ่าวหรานกระตุกยิ้มมุมปาก เขาตั้งตารอดูปฏิกิริยาของผู้ชายที่กล้าเรียกคนอื่นว่าไอ้ไก่อ่อน ตอนที่มันเห็นเขาปรากฏตัวที่บริษัทในวันพรุ่งนี้จนแทบทนไม่ไหวแล้ว มันคิดว่าตัวเองวิเศษขนาดไหน?

“พี่เขย ฉันรู้ว่าพี่กำลังคิดเรื่องชั่วร้ายอยู่…”

หลี่หรงพูดอย่างรู้ทัน จากนั้นทั้งสองคนก็นั่งเงียบตลอดทาง

เวลาแปดโมงเช้าในวันรุ่งขึ้น

“คุณช่วยต่อสายตรงหาบริษัทชิวเฮิงให้ซื้อบริษัทเทียนชิงให้ผมที ถึงยังไงเขาก็เป็นเจ้าของบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารเสริม”

ภายในห้องทำงานส่วนตัว อวี้อ่าวหรานออกคำสั่งด้วยท่าทีสบาย ๆ

“ท่านนัดหมายกับประธานบริษัทชิวเฮิงหรือยังครับ?”

หวังจุนทำงานในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของฮ่าวหรานได้สองสามวันแล้ว เขามีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับเป็นปกติ

“เอาน่า ทำไปเถอะ”

“ครับ ผมจะติดต่อประธานบริษัทชิวเฮิงเดี๋ยวนี้เลยครับ”

หวังจุนไม่ได้ออกความเห็น เพราะตั้งแต่เขาทำงานในบริษัทนี้ คำสั่งท่านประธานจึงถือเป็นคำขาด

ในตอนเช้าของวันเดียวกัน จ้าวเทียนก็รู้สึกเหมือนกับท้องฟ้ากำลังจะถล่มทลายลงมา

ในตอนแรกลูกค้าเร่งเร้าบริษัทเขาให้จัดหาสินค้าจำนวนมาก จากนั้นซัพพลายเออร์ทั้งหลายก็พร้อมใจกันหยุดส่งสินค้า…

เพียงไม่กี่ชั่วโมง บริษัทเทียนชิงก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?