บทที่ 381 ใครคือคนบงการ

บทที่ 381 ใครคือคนบงการ

สิ่งที่จ้าวเทียนหวั่นใจที่สุดในเหตุการณ์นี้คือไม่ว่าเขาจะโทรหาใคร คนพวกนั้นก็จะไม่รับสายเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง

ดูเหมือนว่าจะมีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ และในเช้าวันเดียวกัน บริษัทเขาก็ถูกกดดันให้อยู่ในสถานการณ์น่าสิ้นหวัง

“มันเป็นใคร?”

ข่าวร้ายเกิดขึ้นติด ๆ กัน จ้าวเทียนรู้สึกหวาดหวั่นอย่างมาก ในที่สุดเขาก็เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ฉัน…บังเอิญไปขัดขาคนมีอิทธิพลเหรอ! ไม่อย่างนั้นจะมีใครกล้าโจมตีเขาด้วยวิธีนี้?

จริงสิ…

เขาคิดไปมาอยู่สักพัก แต่ก็คิดไม่ออก เขาทำให้คนอื่นไม่พอใจตั้งแต่เมื่อไหร่?

หรือว่าจะเป็นไอ้ไก่อ่อนที่เจอเมื่อวานนี้? เมื่อคิดอย่างนั้น เขาก็ระเบิดหัวเราะออกมา

“ฮ่า ๆ คิดว่าฉันจะกลัวเหรอ?”

จ้าวเทียนหัวเราะเสียงดังก่อนจะหยุดคิดครู่หนึ่ง ตอนนี้เขาไม่สนใจที่จะโจมตีบริษัทฮัวหรงอีกต่อไปแล้ว

“ต้องเรียกผู้บริหารระดับสูงเข้าประชุมให้เร็วที่สุด เราจะได้ไม่ต้องเสียหุ้นอีก!”

หลังจากพึมพำกับตัวเอง เขาก็ลงมือทำทันที แต่แล้วข่าวร้ายที่สุดก็เพิ่งมาถึง!

“คุณจ้าว! ผม…ผมขอลาออกครับ”

“คุณจ้าว…ฉันขอลาออกเหมือนกันค่ะ”

“…”

ขณะที่เขากำลังจะเดินออกไป เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผู้บริหารระดับสูงหลายคนก็เดินเข้ามาในห้อง

จ้าวเทียนถึงกับตะลึงงัน!

ตอนนี้ผู้บริหารระดับสูงทุกคนต่างดาหน้าเข้ามาขอลาออก มันหมายความว่ายังไง?!

ใช่สิ…หุ้นทั้งหมดที่พวกเขาถืออยู่ถูกขายไปแล้ว…อีกความหมายหนึ่งคือบริษัทถูกเปลี่ยนมือก่อนที่เขาจะรู้เรื่องซะอีก!

“บัดซบ!”

เขาพยายามข่มความโมโห แต่ก็อดสบถคำหยาบคายไม่ได้! คนพวกนั้นเป็นใคร ทำไมต้องบีบบังคับให้เขาจนตรอกขนาดนี้!

เขาทำอะไรผิดกัน?!

ขณะเดียวกัน ผู้บริหารคนแล้วคนเล่าได้เดินเข้ามายื่นใบลาออก แต่ผู้บริหารระดับสูงและกรรมการผู้จัดการบางคนยังคงยืนนิ่งอยู่

ถึงอย่างนั้นจ้าวเทียนก็รู้ดีว่าคนพวกนี้อยู่ฝ่ายเดียวกับคนลึกลับคนนั้น

“แม่งเอ๊ย! บัดซบ! ทำไมกันวะ!”

เมื่อทุกคนเดินออกไป เขาจึงขว้างปาข้าวของในห้องด้วยความโมโห

เวลาบ่ายสองโมง การประชุมส่งมอบบริษัทอย่างเป็นทางการกำลังจะเริ่มขึ้น

จ้าวเทียนเข้าร่วมการประชุมด้วยความสิ้นหวังเพื่อรอฟังบทสรุปของเรื่องทั้งหมด

เวลาบ่ายสองโมงครึ่ง คาราวานรถราคาแพงก็ขับเข้ามาจอดตรงชั้นหนึ่งของบริษัท!

ด้านหน้าสุดเป็นรถสปอร์ตสีเหลืองสดใส…รถคันนั้นขับเข้ามาจอดเทียบข้างหน้าอาคาร!

ทนายและผู้บริหารระดับสูงลงจากรถทีละคน

จ้าวเทียนยืนอยู่ชั้นบนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านหน้าต่าง เขารู้ทันทีว่าอีกฝ่ายมาถึงแล้ว!

แต่…

เขามองคนที่เดินอยู่ข้างหน้ากลุ่มคนด้วยความงุนงง ดูเหมือนว่าเขาเคยเจอคนคนนั้นมาก่อน

ร่างนั้นเดินเข้าไปในอาคารอย่างรวดเร็ว

“ใคร? ฉันไปทำอะไรให้มันไม่พอใจ”

ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็พึมพำด้วยความสงสัย ทันใดนั้นประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออก!

ชายหนุ่มคนหนึ่งและผู้บริหารระดับสูงที่สวมชุดสูทและรองเท้าหนังนับสิบคนเดินเข้ามา!

ชายหนุ่มคนนั้นสวมชุดสูทสีขาวแตกต่างจากคนอื่น ๆ แถมท่าทางของเขายังผ่อนคลายราวกับไม่ได้รีบร้อนอะไร

ใช่แล้ว…

“แก!” จ้าวเทียนจำอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว!

“เป็นไปไม่ได้!”

เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคนนี้คือไอ้ไก่อ่อนที่เขาดูถูกเมื่อคืนนี้! และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเป็นคนบงการเรื่องราวทั้งหมด!

คนที่ทำให้บริษัทนับสิบหันหลังให้เขาพร้อมกัน แถมยังลงทุนจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อหุ้นบริษัทเขา…คือ…ผู้ชายคนนี้เหรอ?

“ไม่จริง!”

ตอนนี้หัวใจของจ้าวเทียนเต้นรัวจนแทบทะลุออกจากอก ดวงตาเบิกกว้าง เขาไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายมีอิทธิพลมากขนาดนี้!

เส้นขนทั่วร่างกายของจ้าวเทียนลุกชันขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้

เขามองอีกฝ่ายอย่างไม่วางตาด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

อีกฝ่ายคือคนที่สวมรองเท้าแตะและอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขนจริงเหรอ? นี่คือคนเดียวกับไอ้หน้าละอ่อนที่แต่งตัวเหมือนขอทานเมื่อคืนนี้จริงเหรอ?”

“ทำตัวตามสบายเถอะครับ!”

อวี้ฮ่าวหรานมองสีหน้าตกใจของอีกฝ่ายด้วยสายตาเย้ยหยัน

“แก…”

จ้าวเทียนพูดไม่ออก เขาคือคนบงการทุกอย่างสินะ!

จ้าวเทียนไม่คาดว่าตัวเองจะคิดถูก!

เมื่อเห็นอย่างนั้น หวังจุนก็เข้าใจจุดประสงค์ของท่านประธานอย่างรวดเร็ว เขาจึงลุกยืนขึ้นแนะนำประธานบริษัททันที

“คุณจ้าว ผมคือผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเครือฮ่าวหราน นี่คือท่านประธานอวี้ฮ่าวหราน ประธานบริษัทเครือฮ่าวหรานของเรา”

หลังจากแนะนำตัวเสร็จ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเทียนชิงจึงผุดลุกขึ้นยืนทันที

“คุณหวัง! ท่านประธานอวี้! ผมไม่คิดว่าพวกคุณจะมาด้วยตัวเอง พวกเราเสียมารยาทแล้ว!”

“ผมได้ยินชื่อเสียงของเครือฮ่าวหรานมานานแล้ว ท่านประธานอวี้ยังหนุ่มยังแน่น คนรุ่นใหม่ต้องยึดถือคุณเป็นแบบอย่างแน่นอน!”

“ใช่ ๆ ท่านประธานอวี้น่าทึ่งจริง ๆ!

“…”

เมื่อพวกผู้บริหารระดับสูงรู้ว่าบริษัทถูกเปลี่ยนมือแล้ว ต่อให้เคยเกลียดชังอีกฝ่ายแค่ไหน พวกเขาก็อดพูดประจบประแจงไม่ได้

พวกเขากลัวว่าประธานหนุ่มจะจำตัวเองไม่ได้จึงตะโกนเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ

“ทุกคนนั่งลงก่อนครับ หลังจากส่งมอบบริษัทนี้แล้ว เราจะจัดระบบบริหารใหม่ทั้งหมด”

หวังจุนโบกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่ง ก่อนที่จะเดินทางมาถึง เขารู้อยู่แล้วว่าท่านประธานซื้อบริษัทนี้เพื่อบริษัทเล็ก ๆ อีกแห่งหนึ่ง

“แต่พวกคุณไม่ต้องตกใจ ทางเราจะไม่ปรับเปลี่ยนตำแหน่ง และเงินเดือนของพวกคุณจะยังเท่าเดิมแน่นอนครับ”

พอเขาพูดจบ พวกผู้บริหารต่างก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที

ในเมื่อบริษัทถูกเปลี่ยนเจ้าของ พวกเขาจึงกลัวจะสูญเสียตำแหน่งที่ได้มาอย่างยากลำบาก

“อวี้ฮ่าวหราน! ฉันกับแกอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้!”

จู่ ๆ จ้าวเทียนก็ตวาดเสียงดัง!

“ฉันเพิ่งดูถูกแกว่าเป็นไอ้ไก่อ่อนนี่? แค่นี้แกถึงกับทำลายบริษัทฉันเนี่ยนะ? ประธานเครือฮ่าวหราน ระวังตัวไว้ให้ดี!”

“หุบปาก!”

ทันใดนั้นผู้บริหารระดับสูงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ตะโกนด้วยความโมโห

“แกเป็นใคร! กล้าชี้หน้าท่านประธานของเราได้ยังไง?”

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะในลำคอ

“พอเถอะครับ”

เขาหันไปพูดกับผู้บริหารที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนมองดูชายหนุ่มที่โกรธจัดตรงหน้าด้วยสายตาขี้เล่น

“ผมไม่มีความแค้นกับคุณ แต่ถ้าผมเกิดแค้นใครขึ้นมา ผมจะล้างแค้นทันที”

เขามองหน้าอีกฝ่ายอย่างเหยียดหยาม เมื่อคืนนี้คนตรงหน้าทำให้เขาโกรธจัด

เพียงแค่บดขยี้มัน

บังเอิญว่าบริษัทของหลี่หรงยังสามารถขยับขยายได้

“แก…”

จ้าวเทียนพูดออกมาเพียงคำเดียว ร่างกายของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวเองรู้สึกกลัวชายหนุ่มที่เด็กกว่า

“อ้อ จริงสิ…ผมลืมบอกคุณเรื่องหนึ่ง หุ้นบางส่วนของคุณถูกซื้อและโอนเป็นชื่อของคนอื่นแล้ว”

อวี้ฮ่าวหรานแจ้งข่าวที่ทำให้อีกฝ่ายตกใจมากกว่าเดิม