บทที่ 382 พลังของหยกอ่อนสีดำ
บทที่ 382 พลังของหยกอ่อนสีดำ
“ดังนั้นตอนนี้คุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทนี้อีกต่อไป และทรัพย์สินทั้งหมดก็ตกเป็นของพี่ชายคุณแล้ว”
ไม่นานผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเทียนชิงก็มองเขาด้วยสายตาหวาดหวั่น ทั้งสองคนมีความแค้นอะไรกัน? ทำไมเขาถึงโหดร้ายขนาดนี้?
ใบหน้าของจ้าวเทียนขาวซีดทันที!
พรืด!
เขาโกรธแค้นจนแทบกระอักเลือด!
“ไอ้ชั่ว! หน้าด้าน!”
ถ้ายังมีทรัพย์สินที่เหลืออยู่ เขาอาจเอาตัวรอดได้ แต่ตอนนี้…
ทันใดนั้นแววตาของอวี้ฮ่าวหรานก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา!
“ฮ่า ๆ ในเมื่อคุณทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายหลี่หรงและบริษัทของเธอ แล้วคุณจะโทษผมได้ยังไง!”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเยาะก่อนจะพูดเสียดสี ความจริงแล้วเขาไม่ได้ถือสาที่ถูกผู้ชายคนนี้เรียกว่าไอ้ไก่อ่อน แต่มันกลับโจมตีหลี่หรงและบริษัทของเธอด้วยวิธีสกปรก
“เจ้าหน้าที่! ลากตัวคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเราออกไป!”
อวี้ฮ่าวหรานเหลือบมองอีกฝ่ายก่อนพูดอย่างสบาย ๆ
พอเขาพูดจบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายนายก็กรูเข้าไปลากตัวจ้าวเทียนออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
“พวกแกทำแบบนี้ไม่ได้! ที่นี่คือบริษัทของฉัน! แก…”
หลังจากเสียงนั้นเงียบลง สีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานก็กลับเป็นปกติ
“พวกคุณสามารถทำทุกอย่างได้ตามต้องการ ผมจะไม่โยกย้ายตำแหน่งของพวกคุณ ดังนั้นไม่ต้องกลัว อย่างมากที่สุดผมอาจเปลี่ยนชื่อบริษัทนี้เป็นบริษัทฮัวหรง”
เขากวาดสายตามองเหล่าผู้บริหาร
“อ้อ ชื่อบริษัทอาจฟังดูเป็นผู้หญิงไปหน่อย แต่คงไม่มีใครมีปัญหานะ”
ทุกคนก้มหน้าเงียบ…ถ้ามันช่วยให้รักษาตำแหน่งผู้บริหารได้ ใครจะสนชื่อบริษัทล่ะ
“เอ่อ…ทางเราไม่มีปัญหาครับ”
“ไม่มีปัญหาแน่นอนครับ!”
“…”
ทุกคนต่างแสดงเจตนาของตัวเอง
ดังนั้นการประชุมจึงดำเนินไปอย่างราบรื่น หลังจากส่งมอบหนังสือสัญญาให้กับทั้งสองฝ่าย บริษัทเทียนชิงจึงถูกควบรวมเข้ากับบริษัทฮัวหรงภายใต้เครือฮ่าวหราน
เวลาสี่โมงเย็น
หลี่หรงกลับบ้านในเวลาเดียวกับทุกวัน
“อ๊ะ? ทำไมวันนี้พี่เขยกลับบ้านเร็วจัง? พี่ไม่ได้ไปที่บริษัทเทียนชิงหรอกเหรอ?”
เธอแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นพี่เขยอยู่ที่บ้านในเวลานี้ อวี้ฮ่าวหรานเหลือบตาขึ้นมองพร้อมคลี่ยิ้ม
“ฮ่า ๆ งานเสร็จเร็ว ฉันเลยกลับก่อนเวลาน่ะ”
“หา?”
หลี่หรงตกใจเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร
“พี่หมายถึง…”
“อืม บริษัทเทียนชิงล้มละลายแล้ว หลังจากที่ฉันซื้อมา มันสามารถรวมเข้ากับบริษัทฮัวหรงได้ทุกเมื่อ”
เมื่อเห็นแบบนั้น อวี้ฮ่าวหรานจึงอธิบายซ้ำอีกครั้ง
“นี่… เรื่องจริงเหรอ?”
หลี่หรงยังคงไม่เชื่อ
หินก้อนใหญ่ที่กดทับหัวใจเธอมาตลอดหลายวัน ถูกพี่เขยคนนี้ยกออกไปแล้วเหรอ?
มันง่ายขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ?
“จริงสิ พรุ่งนี้พี่จะต้องไปเซ็นสัญญาแต่เช้า ไม่ต้องห่วง พี่จะจัดการเอง”
“พี่เขย…พี่…เก่งเกินไปแล้ว! ใช้เวลาแค่วันเดียวเอง!”
หลังจากได้ยินคำตอบของพี่เขย เธอก็คิดได้ว่าปัญหาทุกอย่างได้รับการแก้ไขแล้ว!
“แน่นอนอยู่แล้ว อาหารเย็นยังไม่พร้อม ดูทีวีกันก่อนเถอะ”
อวี้ฮ่าวหรานพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย เขาไม่ใส่ใจบริษัทเล็ก ๆ แบบนั้นแม้แต่น้อย
ด้วยอิทธิพลของชิวเฮิงและเครือฮ่าวหราน บริษัทเล็ก ๆ อย่างบริษัทชิงเทียนจึงไม่อยู่ในสายตาของพวกเขาด้วยซ้ำ
เมื่อได้ยินแบบนั้น หลี่หรงก็มีท่าทางแปลกไปเล็กน้อย…
ถ้ารู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นแก้ไขง่ายขนาดนั้น ทำไมเมื่อวานนี้เธอต้องปวดหัวกับมันด้วย!
หลังจากรับประทานอาหารเย็น
เมื่ออาบน้ำเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานก็กลับไปที่ห้องนอนเพื่อฝึกตน
คืนนี้เขาปรับสภาพจิตใจให้ผ่อนคลายและเริ่มฝึกโดยใช้ปิ่นหยกต้องสาป
“จุ๊ ๆ ในโลกมนุษย์หาของแปลกแบบนี้ยากมาก ๆ”
พอมองดูปิ่นหยกอย่างระมัดระวัง เขาก็อดออกปากชื่นชมไม่ได้
หลังจากอ่านหนังสือประวัติศาสตร์และบันทึกยุคโบราณ ในที่สุดชายหนุ่มจึงเริ่มสนใจวัตถุโบราณในโลกมนุษย์แล้ว
“หืม? รังสี…ไม่เหมือนเดิม?”
เมื่อตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน อวี้ฮ่าวหรานก็รู้สึกว่าพลังงานที่อยู่บนปิ่นเปลี่ยนไปจากเดิม
…มากขึ้น!
ใช่! มันมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อวี้ฮ่าวหรานจึงยิ้มกว้างทันทีที่สังเกตเห็น!
ประสาทสัมผัสอันเฉียบไวที่ถูกฝึกฝนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์กว่าหลายร้อยปีช่างน่าทึ่งจริง ๆ!
“อะไรกัน? หยกอันนี้แตกต่างจากหยกทั่วไปจริง ๆ เหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วพร้อมพึมพำว่าพลังของมันอาจจะแข็งแกร่งขึ้น ปิ่นหยกอันนี้มีส่งผลต่อการฝึกฝนจริง ๆ สินะ!
นี่มัน…คุ้มสุด ๆ!
อวี้ฮ่าวหรานมองปิ่นหยกต้องสาปอันงามในมือด้วยความประหลาดใจ เขาก็รู้สึกเหมือนกับถูกโชคหล่นทับ!
วัตถุโบราณที่มีพลังแข็งแกร่งขนาดนี้หาได้ยากในโลกมนุษย์ ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่คาดว่าปิ่นหยกจะมีค่าขนาดนี้!
แน่นอนว่าเขาศึกษาค่ายกลกระบี่ด้วย แม้จะไม่มีความรู้เรื่องค่ายกลขั้นสูงของโลกมนุษย์มากพอ แต่ก็แน่ใจว่าค่ายกลนี้ส่งผลต่อการรวบรวมพลังวิญญาณแน่นอน
ถ้ามีหยกอ่อนสีดำมากกว่านี้ก็ดีน่ะสิ!
เมื่อรู้สึกถึงพลังที่เพิ่มมากขึ้น เขาก็อดเคลื่อนไหวร่างกายด้วยความตื่นเต้นไม่ได้ นอกจากนี้เขายังอยากได้หยกอ่อนสีดำเพิ่มอีกด้วย
ในปัจจุบัน แม้หยกอ่อนสีดำจะส่งผลที่น่าทึ่ง แต่ในเมื่อมันมีขนาดเล็กมากจึงได้ผลลัพธ์ไม่มากเท่าที่ต้องการ
สองสามวันที่ผ่านมา เขารวบรวมวัตถุวิเศษได้เพียงน้อยนิด มันจึงไร้ประโยชน์เหมือนเดิม
แต่ถ้าสามารถรวบรวมหยกได้มากกว่านี้ การฝึกตนของเขาต้องก้าวหน้าอย่างรวดเร็วแน่นอน!
พลังวิญญาณจำเป็นต่อการสร้างรากฐานมากกว่าในอดีต
นี่คือประตูที่จะพาเขาไปสู่จุดสูงสุด ถ้าไม่มีพรสวรรค์มากพอ ต่อให้ก้าวข้ามไปได้ก็ไร้ประโยชน์ แต่สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือพลังงานของมันเท่านั้น
รัศมีเปล่งประกายพลันสว่างขึ้น!
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ อวี้ฮ่าวหรานก็สงบจิตและเข้าสู่ขั้นตอนการฝึกตน ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขาดูดซับพลังงานจากปิ่นหยกต้องสาปจนหนำใจ
กว่าจะรวบรวมหยกอ่อนสีดำได้มากพอคงใช้เวลาอีกนาน ดังนั้นอวี้ฮ่าวหรานจึงตัดสินใจคืนปิ่นหยกต้องสาปให้ซูหว่านเอ๋อก่อน
เช้าวันนั้น เขาขับรถสปอร์ตไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
ชายชุดดำหลายคนยืนเรียงกันอยู่หน้าประตู เป็นภาพที่น่ากลัวจริง ๆ
ทุกคนรู้จักอวี้ฮ่าวหรานดี ดังนั้นจึงหลีกทางให้อย่างว่าง่าย
ในตึกผู้ป่วย ซูหว่านเอ๋อถือปิ่นหยกอันประณีตไว้ในมือ ดวงตากลมโตเหมือนกับไข่มุกสีดำทอดมองออกไปข้างนอกราวกับตกอยู่ในห้วงความคิด
“คุณเป็นยังไงบ้าง?”
อวี้ฮ่าวหรานเห็นท่าทีของอีกฝ่ายจึงอดถามไม่ได้
“อ๊ะ!?”
ซูหว่านเอ๋อผงะ ก่อนแสดงสีหน้าประหลาดใจ
“คุณมาตั้งแต่เมื่อไร?!”
เธอไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาเยี่ยมจึงตั้งตัวไม่ทัน ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะแปลกไปเล็กน้อย
ทุกครั้งที่พบกัน เธอและเขาจะนัดหมายกันก่อนเสมอ
เมื่อเห็นแบบนั้น ท่าทางของอวี้ฮ่าวหรานก็อ่อนโยนลงเล็กน้อย
หลังจากฝึกตนตลอดทั้งสองวัน ใบหน้าของอีกฝ่ายจึงขาวซีดเล็กน้อย ขณะที่ร่างกายอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด
จินตนาการได้เลยว่าหญิงสาวคนนี้ดื้อรั้นขนาดไหน เธอถึงกล้าเดินขึ้นไปบนภูเขาโดยไม่ฟังคำเตือน
“คราวที่แล้วผมขอโทษจริง ๆ คุณเอาปิ่นหยกต้องสาปกลับไปเถอะครับ”
พูดจบ เขาก็ยื่นปิ่นหยกต้องสาปให้อีกฝ่าย