“พี่เองนะ เมื่อกี้เกิดเรื่องใหญ่แล้ว…”
ป้าใหญ่เล่าเรื่องให้ฟังด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
พ่อฉิวฉิวฟังจบก็ตกใจใหญ่
“อะไรนะ? อยู่ๆฉิวฉิวก็น้ำลายฟูมปาก?”
“ใช่ กำลังชักเลย ข้างนอกมีรถฉุกเฉินมารอรับแล้ว ตอนนี้เดินไปถึงสวนหน้าบ้านแล้ว”
“เดี๋ยวนะ ขอถาม…ศาสตราจารย์Simก่อน การรักษาทำให้ชักน้ำลายฟูมปากด้วยหรือเปล่า?”
พ่อฉิวฉิวถามชาวต่างชาติที่อยู่บนรถ ซึ่งข้างๆมีล่ามส่วนตัวตามมาด้วย หลังจากที่ล่ามแปลเสร็จ ชาวต่างชาติคนนั้นก็ตอบ
“ศาสตราจารย์Simบอกว่า คุณไม่ได้ทำตามที่เขาบอกที่ให้ช็อตไฟฟ้าลูกคุณ และก็ไม่ได้ทำตามที่เขาสั่งที่ให้ไปหาผู้ชายมาข่มขืน คุณไม่ให้ความร่วมมือในการรักษาแบบนี้แล้วทำไมยังเกิดเรื่องอีก นั่นมันแก๊งค์ต้มตุ๋นชัดๆ”
“แต่ลูกสาวผมน้ำลายฟูมปากแล้วนะ…”
“นั่นอาจเป็นเบคกิ้งโซดา เป็นแผนทั้งนั้น คุณถูกหลอกแล้ว ต้องไปจับเขากลับมาช็อตไฟฟ้า”
“ช็อตไฟฟ้า…” พ่อฉิวฉิวทำใจไม่ได้
“ความใจอ่อนของคุณในตอนนี้มันคือความไม่รับผิดชอบต่อลูกคุณ คุณอยากเห็นลูกคุณวิปริตไปตลอดชีวิตเหรอ?”
“หา” ในที่สุดพ่อฉิวฉิวก็ตัดสินใจเด็ดขาด เพื่อลูกแล้วเจ็บตอนนี้ยังดีกว่าเจ็บระยะยาว
เขาดูทาง อีกเดี๋ยวก็จะถึงบ้านแล้ว ครั้นแล้วจึงสั่งป้าใหญ่ “อย่าเพิ่งให้พวกเขาไป อีกสองนาทีผมจะถึงบ้านแล้ว”
ถึงปากทางเข้าหมู่บ้านแล้ว มองเห็นบ้านสี่ชั้นของตัวเองแล้ว
ป้าใหญ่ตอบรับแล้ววางสาย จากนั้นก็ตะโกนใส่กลุ่มคนที่พากันเดินไปถึงประตูแล้ว
“อย่าเพิ่งปล่อยพวกนั้นไป พ่อเขาจะมาถึงแล้ว พวกนั้นอาจกำลังหลอกอยู่”
พอป้าใหญ่ตะโกนไปแบบนั้นก็เหมือนเอาไม้แหย่รังแตน
คนที่แบกฉิวฉิวไปเดินไม่ได้ไว พอป้าใหญ่ตะโกนแบบนั้นพวกเสี่ยวเชี่ยนก็รู้เลยว่าแผนแตกแล้ว
รถฉุกเฉินมารออยู่ด้านนอกแล้ว
ความสำเร็จรออยู่ไม่ไกล เพื่อนสมัยเรียนของฟู่กุ้ยเป็นนักนิติจิตวิทยาอยู่ที่เมืองนี้ รถฉุกเฉินของโรงพยาบาลรัฐเรียกมาใช้งานไม่ได้แน่ แต่ถ้าเป็นของโรงพยาบาลเอกชนก็ยังจ้างมาได้ แค่มีเงินก็พอ
ดังนั้นก่อนมาถึงเสี่ยวเชี่ยนได้โทรบอกให้รถฉุกเฉินออกมาด้วย ซึ่งก็คือแผนที่สองของพวกเธอ เวลานี้ไป๋จิ่นเจอกับรถฉุกเฉินแล้ว กำลังรอพวกเสี่ยวเชี่ยนออกมาอยู่
ประตูใหญ่ปิดสนิท มองไม่เห็นว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น ไป๋จิ่นได้ยินเสียงป้าใหญ่ตะโกนก็ตกใจมาก
แย่แล้ว
ถูกจับได้แล้ว
ที่ทำมาจะสูญเปล่าเหรอ?
เธอรีบร้อนลงจากรถ ลองเปิดประตูใหญ่ แต่ประตูปิดแน่นมากขยับไม่ได้เลย
พวกเสี่ยวเชี่ยนแสดงหนังOne Flew over the Cuckoo’s Nest (ชื่อไทยว่า “บ้าก็บ้าวะ”) เวอร์ชั่นชีวิตจริง แต่ละช่วงนั้นลุ้นจับใจ ไป๋จิ่นที่อยู่ด้านนอกก็ร้อนใจดั่งมีไฟแผดเผา พวกเสี่ยวเชี่ยนที่อยู่ข้างในก็กำลังเสี่ยงภัย
อีกนิดเดียวก็จะถึงประตูแล้ว กำลังจะชนะ ทันใดนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น
“หยุดอยู่ตรงนั้น ถ้ากล้าขยับฉันจะปล่อยหมา” ป้าใหญ่ยืนตะโกนจากทางหน้าต่าง ในมือมีอุปกรณ์ที่คล้ายรีโมต
“ป้า อย่าปล่อยนะ พวกเราอยู่ตรงนี้ หมานั่นมันเจอใครก็กัดหมด” ผู้ชายร่างใหญ่คนที่บอกว่ากินหม้อไฟไม่ให้น้ำจิ้มมันสร้างบาปชัดๆเป็นคนพูด
อ่อ…หมาเจอใครก็กัดเหรอ ปล่อยไม่ได้งั้นสิ?
พวกเสี่ยวเชี่ยนมองหน้ากัน เสี่ยวเชี่ยนตะโกนออกมา “ลงมือ”
ในเมื่อใช้ปัญญาเอาชนะไม่ได้ก็ต้องใช้กำลัง
สิ้นเสียงเสี่ยวเชี่ยนฉิวฉิวก็ลุกขึ้นมาเหวี่ยงหมัดไปที่ตาผู้ชายร่างใหญ่ ผู้ชายคนนั้นเอามือจับตาพลางพูดอย่างน้อยใจ
“ขนาดผมยังทำลง ผมเป็นพวกเดียวกันนะ”
“พวกเดียวกับปู่สิ ตอนที่ป้าไม่ให้น้ำจิ้มไม่เห็นมาช่วย ไปยืนอยู่ข้างๆเลยไป”
เสี่ยวเชี่ยนที่เคยใช้แต่สมองเอาชนะมาตลอดคราวนี้ก็ออกหมัดด้วย ชกไปที่ผู้ชายร่างกำยำที่อยู่ใกล้เธอที่สุดจนล้มลงไปกองกับพื้น
สนับมือที่อาเหม็ดทิ้งไว้มีที่ให้แสดงฝีมือแล้ว เสี่ยวเชี่ยนต่อยไปโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว จากนั้นเธอก็ไปแย่งกุญแจมาจากคนที่เตรียมจะเปิดประตูแล้วรีบเปิดทันที
อาข่ากับหลิวเหมยในเวลานี้ไม่มีเวลามานั่งชื่นชมความมีจิตใจเข้มแข็งของเสี่ยวเชี่ยนแล้ว ในขณะที่มีคนวิ่งตามหลังแบบนี้ประธานเชี่ยนยังตั้งสติได้ดี และทุกคนก็ให้ความร่วมมือกับเธอ
พวกเสี่ยวเชี่ยนชกต่อยกับญาติของฉิวฉิว ฝ่ายเสี่ยวเชี่ยนมีแต่คนที่เป็นศิลปะป้องกันตัว ส่วนญาติฉิวฉิวก็แค่มาเฝ้าไม่ให้ฉิวฉิวหนี ไม่ได้เก่งเรื่องชกต่อยอะไร พากันถอยหนี
ป้าใหญ่เห็นแล้วก็ร้อนใจ จะปล่อยหมาก็ไม่ได้ ด้านล่างก็วุ่นวาย
เสี่ยวเชี่ยนเปิดประตูรั้ว ที่ด้านนอกมีรถฉุกเฉินจอดอยู่และมีรถเบนซ์สีแดงคันหนึ่งกำลังวิ่งเข้ามา
มีคนลงมาจากรถเบนซ์ เป็นผู้ชายวัยกลางคนที่หัวล้านด้านบน เขากำลังวิ่งพลางตะโกนใส่เสี่ยวเชี่ยน
“พวกเธอจะทำอะไรน่ะ”
“โอ๊ย พ่อฉันกลับมาแล้ว” พอฉิวฉิวเห็นก็ตะโกนออกมา
“ไม่มีเวลาแล้ว ไปเร็ว”
พวกเสี่ยวเชี่ยนพากันรีบวิ่งออกไป อาข่ากับหลิวเหมยคอยคุ้มกันฉิวฉิว พ่อฉิวฉิววิ่งไปพลางตะโกน “หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
เสี่ยวเชี่ยนยกนิ้วกลางให้ คนเฮงซวยคนนี้นี่แหละที่ทำให้ฉิวฉิวกลายเป็นแบบนี้ ไม่อัดให้ก็บุญแล้ว
“เร็ว ขึ้นมา” ไป๋จิ่นเปิดประตูรถฉุกเฉินแล้วตะโกนบอกทุกคน เวลานี้มันบีบหัวใจจริงๆ
พวกเสี่ยวเชี่ยนรีบขึ้นรถ พ่อฉิวฉิวทำได้แค่ยืนมองฉิวฉิวที่อยู่บนรถกำลังโบกมือลาพลางพูด
“โป๊ยก่าย ไม่ต้องตามหรอก ตามไงก็ตามไม่ทัน”
ลาก่อนนะพ่อ
พ่อฉิวฉิวโมโหจนกระโดดเตะลม
พวกผู้ชายเดินออกมาจากสวนหน้าบ้านยืนล้อมรอบพ่อฉิวฉิว
“ปู่สามครับ”
“น้าสามครับ”
“ทำไงล่ะทีนี้ ไม่ได้เรื่อง มีกันตั้งเยอะแยะยังเฝ้าไม่ได้อีก รีบตามไปเร็ว”
พฤติกรรมของพวกเสี่ยวเชี่ยนทำให้พ่อฉิวฉิวโกรธแค้นมาก ‘ผู้เชี่ยวชาญ’กับล่ามเดินลงมาจากรถเบนซ์ คนเป็นล่ามพูดอย่างไม่เห็นด้วย
“พวกเราก็เคยบอกแล้วว่าให้ทำตามคำแนะนำของพวกเรา ใช้วิธีช็อตไฟฟ้าหรือไม่ก็หาผู้ชายมาข่มขืน เดี๋ยวก็หายเอง แต่คุณก็ใจอ่อนไม่กล้าลงมือ ตอนนี้หนีไปแล้วเป็นไงล่ะ?”
“มาพูดแบบนี้ตอนนี้มีประโยชน์อะไร ไปตามกลับมาให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน”
“ครั้งนี้ถ้าจับกลับมาได้ต้องทำตามวิธีของเรานะครับ ช็อตไฟฟ้า และบังคับให้แต่งเป็นผู้หญิง ถ้าถึงคราวจำเป็นก็ให้หาผู้ชายมาข่มขืน กรุณาเชื่อพวกเราด้วย ฝีมือการรักษาของประเทศเราก้าวหน้ากว่าพวกคุณไม่รู้ตั้งเท่าไร”
“ ไป รีบตามไป”
และเวลานี้พวกเสี่ยวเชี่ยนที่หนีไปได้สำเร็จกำลังนั่งอยู่บนรถฉุกเฉิน แปะมือกันด้วยความดีใจ
พวกเธอทำได้แล้ว
ฉิวฉิวมองบ้านสี่ชั้นที่ค่อยๆอยู่ห่างออกไป รู้สึกเหมือนตัวเองได้เกิดใหม่ จนถึงตอนนี้เขายังไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองหนีออกมาได้แล้ว
“พวกเธอนี่สุดยอดเลยจริงๆ หาที่นี่เจอได้ไง? แล้วก็ ทำไมคุณนักข่าวมาอยู่ที่นี่ด้วย?”
ฉิวฉิวเพิ่งสังเกตเห็นว่าไป๋จิ่นอยู่ด้วย
“นายไม่เป็นไรนะ?” ไป๋จิ่นไม่ได้ตามเข้าไปด้วย เธอเองก็ไม่รู้ว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น จำได้แค่ว่าระหว่างทางที่มาประธานเชี่ยนพูดเอาไว้น่ากลัวมาก ทั้งเรื่องช็อตไฟฟ้าและเรื่องอื่นๆ เธอไม่มีเวลาคิดเรื่องที่ตัวเองไม่สนิทกับฉิวฉิว เธอมองสำรวจฉิวฉิว เขาไม่ได้บาดเจ็บอะไร แค่ดูผอมลงไปหน่อย จากนั้นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เยี่ยมเลย
เขาไม่เป็นอะไร
“ลูกหนัง ฉันคือลิลลี่ไง ลิลลี่”
“หา?”