ตอนที่ 739 ร่วมแรง! ตรวจดีเอ็นเอ (9) / ตอนที่ 740 ร่วมแรง! ตรวจดีเอ็นเอ (10)

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 739 ร่วมแรง! ตรวจดีเอ็นเอ (9)

“ดูฉันออกอะไร”

อวี๋กานกานหัวเราะเบาๆ “ก็ดูออกว่าเธอเป็นหมาบ้าไง เจอใครก็กัดเขาไปทั่ว เขาต้องบอกให้ฉันอยู่ห่างๆ เธอหน่อยแน่นอน”

เหวินซินเหมยโกรธจัด “แก…”

“หุบปาก!” ลู่เสวี่ยเฉินตวาดเสียงเยือกเย็นแล้วเอ่ยเตือน “หากยังพูดอีกคำ ฉันจะจับเธอโยนออกไปแน่”

ดวงตาที่ลึกล้ำเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการสังหารที่เยือกเย็น เหวินซินเหมยไม่กล้าลองและท้าทาย แม้ว่าจะไม่โกรธและไม่เต็มใจแต่กลับทำได้เพียงกัดฟันกรอดๆ

ลู่เสวี่ยเฉินหันไปมองอวี๋กานกานแล้วเอ่ยขึ้น “เสี่ยวอวี๋กาน เธอไปอยู่เป็นเพื่อนหลินจยาอวี่ที่ห้องคนไข้ก่อนไป เดี๋ยวตรงนี้ฉันจัดการเอง”

อวี๋กานกานสบตาลู่เสวี่ยเฉิน

เขาจะจัดการเหรอ

หรือว่าต้องตรวจดีเอ็นเอจริง นั่นไม่ใช่…แต่ในเมื่อลู่เสวี่ยเฉินยอมตรวจดีเอ็นเอแล้ว คงต้องมีการเตรียมตัวมาก่อนแล้วแน่นอน

ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอก็ไม่ต้องห่วงอะไรอีก

อวี๋กานกานเผยรอยยิ้มแล้วค้อมศีรษะให้คุณหญิงลู่ตามมารยาทแล้วก้าวเท้าเดินไปหาหลินจยาอวี่ที่ห้องพักผู้ป่วย

ในขณะที่เธอเข้ามาในห้องหลินจยาอวี่กำลังนอนกล่อมเล่อเล่ออยู่บนเตียง คราวนี้เล่อเล่อตื่นแล้วกำลังลืมตามองแสง

เมื่อหลินจยาอวี่เห็นว่าอวี๋กานกานมาแล้วจึงรีบลุกจากเตียงขึ้นนั่ง

อวี๋กานกานรุดเข้าไปข้างหน้าก่อนจะพูดขึ้น “เธอไม่ต้องลุกขึ้นมาหรอก นอนก็ได้”

หลินจยาอวี่นั่งพิงหมอนดีๆ “ฉันนอนนานเกินไปแล้วเลยไม่อยากนอนอีก หมอบอกว่าไม่จำเป็นต้องนอนตลอดเวลาแล้วยังบอกอีกว่าที่จริงสามารถลงมาเดินขยับบนพื้นได้แล้ว”

“อืม ก็จริงอย่างที่บอก เธอคลอดอย่างราบรื่น สามวันก็หายแล้ว” อวี๋กานกานพูดพลางทอดสายตามองไปที่เล่อเล่อ

ดูเหมือนว่าเจ้าหนูน้อยก็กำลังมองมาที่เธอเช่นกัน

อวี๋กานกานยื่นนิ้วออกไปแตะใบหน้าเล็กเบาๆ อย่างอดไม่ได้

ความรู้สึกนุ่มนิ่มผ่านปลายนิ้วสู่หัวใจ จากนั้นก็ส่งผ่านจากหัวใจไปทั่วทั้งร่างทำให้รู้สึกว่าราวกับได้แปรเปลี่ยนเป็นความนุ่มนวลไปทั่วทั้งโลกใบนี้

“เจ้าหนูน้อย เป็นเด็กดีรึเปล่า”

“เป็นเด็กดีมากเลยล่ะ เขานอนตลอดเวลาพอหิวก็ตื่น พอกินอิ่มได้สักพักก็นอนต่อ…” หลินจยาอวี่พูดด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้า

“เด็กทารกก็เป็นแบบนี้แหละ”

หลินจยาอวี่ถามจิปาถะ “จริงสิ เมื่อกี้นี้ลู่เสวี่ยเฉินลงไปส่งคุณแม่ของเขา พวกเธอได้เจอกันรึเปล่า”

อวี๋กานกานไม่คิดจะปิดบังหลินจยาอวี่จึงพยักหน้า “ไม่ได้เจอแค่ฉันเท่านั้นแถมยังเจอยัยเหวินซินเหมยด้วย เธอยังแนะนำให้ลู่เสวี่ยเฉินกับคุณหญิงตรวจดีเอ็นเอด้วยนะ แล้วพวกเขาก็ตกลงแล้ว”

“ตก…” ราวกับหัวใจโดนกระแทกอย่างแรง หลินจยาอวี่มีสีหน้าขาวซีดดวงตาเบิกกว้างและพูดกระอึกกระอัก “ตกลง…แล้วเหรอ”

ลู่เสวี่ยเฉินจะตอบตกลงได้อย่างไรล่ะ ก็ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าเด็กไม่ใช่ลูกของเขา…หากตรวจดีเอ็นเอคราวนี้มันก็จะต้องถูกขุดออกมาทั้งหมด

เมื่ออวี๋กานกานเห็นหลินจยาอวี่ตื่นตระหนกก็ยื่นมือไปลูบแขนเธอแล้วเอ่ยเบาๆ “ไม่ต้องกลัวนะ ลู่เสวี่ยเฉินรู้ว่าไม่ใช่ลูกของเขา แต่เขากลับตกลงยอมตรวจดีเอ็นเอก็แสดงว่าเขาได้เตรียมแผนทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว ต่อให้ลูกจะไม่ใช่ลูกของเขา ผลลัพธ์สุดท้ายก็จะเป็นของเธอเท่านั้น”

หลินจยาอวี่เข้าใจในสิ่งที่อวี๋กานกานพูดทันที

ถ้าลู่เสวี่ยเฉินวางหมากว่าต้องตรวจดีเอ็นเออย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นจริงได้ตรวจก็ดีเหมือนกัน

แต่ถ้าทำแบบนี้ก็ยิ่งเป็นการโกหกคุณหญิงลู่เข้าไปอีก

หลินจยาอวี่รู้สึกหนักอึ้ง

หากได้โกหกหนึ่งครั้งต้องโกหกตลอดไป คำพูดนี้กล่าวเอาไว้ไม่มีผิด คุณหญิงลู่ดีกับเธอมาก แต่เธอกับลู่เสวี่ยเฉินกลับโกหกเธอมาตลอด เธอรู้สึกขอโทษต่อความรักและเมตตาของคุณหญิง ในขณะเดียวกันก็ยิ่งเสียใจและรู้สึกผิด

ตอนที่ 740 ร่วมแรง! ตรวจดีเอ็นเอ (10)

หลินจยาอวี่ที่กำลังไม่สบายใจหันไปมองอวี๋กานกาน “หรือว่าให้ฉันบอกความจริงกับพวกเขาดีไหม”

“เรื่องนี้ฉันไม่สามารถตัดสินใจแทนเธอได้แล้วก็ไม่สามารถแนะนำเธอได้เหมือนกัน” อวี๋กานกานหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะถ้าลองเปลี่ยนเป็นเธอ เธอเองก็ไม่รู้จะทำยังไงดีเหมือนกัน”

หลินจยาอวี่ยักไหล่

เมื่อก่อนไม่คิดจริงๆ ว่าเรื่องมันจะซับซ้อนเช่นนี้ ทุกคนต่างอยากรับในสิ่งที่ต้องการ

แต่วันนี้มีความรู้สึกว่าต้องอยู่ต่อไปตราบชั่วชีวิตจริงๆ เรื่องของลูกเสมือนระเบิดเวลา ถ้ามันทำให้ตระกูลลู่คิดว่าเธอจงใจหลอกลวงก็ควรที่จะประกาศทุกอย่างในตอนนี้

หากพวกเขาเต็มใจยอมรับ งั้นเธอก็จะได้อยู่กับลู่เสวี่ยเฉินต่อไป แต่ถ้าไม่สามารถก็คงต้องปล่อยไปตามกรรม

ขณะนั้นเองลู่เสวี่ยเฉินก็เปิดประตูเข้ามาสบตาอวี๋กานกานแวบหนึ่ง เมื่อได้รับสัญญาณจากเธอ เขาจึงเบนสายตามองหลินจยาอวี่ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบาๆ “เสี่ยวอวี๋กานบอกคุณแล้วเหรอ”

หลินจยาอวี่พยักหน้า

ใบหน้าเล็กๆ ของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวลแล้วความกลัวที่ไม่รู้

เมื่อสบเข้ากับสายตาที่ไม่สบายใจของเธอ ลู่เสวี่ยเฉินก็มองอย่างปวดใจและสูดหายใจเข้าลึก “ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ปล่อยให้ผมจัดการดีกว่า”

“ลู่เสวี่ยเฉิน ฉันคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเออะไรเลย ฉันคิดว่ายังไงเราบอกความจริงกับแม่คุณเถอะนะคะ…” น้ำเสียงของหลินจยาอวี่แหบต่ำ ท่าทางก็ไม่คล่องแคล่วเหมือนเมื่อก่อน

ลู่เสวี่ยเฉินยื่นมือมากุมใบหน้าของเธอแผ่วเบา “คุณต้องจำเอาไว้ว่าคุณเป็นของผม ลูกก็ต้องเป็นของผมเหมือนกัน!”

คำพูดนี้ทำเอาหลินจยาอวี่ตาแดงอย่างอดไม่ได้และซาบซึ้งใจ ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาราวกับจะร้องไห้

“คนที่อยู่เดือน สิ่งต้องห้ามก็คือการคิดมากกับมีเรื่องต้องเสียน้ำตา ตอนนี้นอกจากคุณจะต้องดูแลตัวเองและก็ลูกแล้ว เรื่องอื่นไม่ต้องคิดมาก เข้าใจไหมครับ”

หลินจยาอวี่จ้องมองเขาจากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ

เธอถูกลู่เสวี่ยเฉินทำให้ตกหลุมรักซ้ำๆ โลภในความอบอุ่นที่เขามอบให้และอยากล้มเลิกความคิดที่จะบอกความจริงกับคุณหญิง

เมื่อลู่เสวี่ยเฉินหยิบสำลีเช็ดน้ำลายให้เล่อเล่อ หลินจยาอวี่จึงหันไปพูดกับอวี๋กานกาน “ฉันมันเห็นแก่ตัว”

อวี๋กานกานมองพวกเขาอยู่ข้างๆ นึกไม่ถึงว่าลู่เสวี่ยเฉินที่เธอเคยคิดว่าเป็นผู้ชายเสเพล แท้จิรงแล้วจะเป็นผู้ชายที่ดีขนาดนี้ เธอจึงอวยพรให้พวกเขามีความสุขจากใจจริง

เธอยกยิ้มมุมปากเบาๆ “นี่จะเรียกว่าเห็นแก่ตัวได้ยังไงล่ะ เธอไม่ได้โกหกลู่เสวี่ยเฉินตั้งแต่แรก ลู่เสวี่ยเฉินเลือกที่จะแต่งงานกับเธอทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าเธอท้อง ถ้าจะบอกว่าโกหกคุณหญิงลู่ ลู่เสวี่ยเฉินถึงจะเป็นคนผิด เธอก็แค่ช่วยคนผิด

“แต่ว่า…” หลินจยาอวี่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

“ในเมื่อลู่เสวี่ยเฉินบอกแล้วว่าปล่อยให้เขาจัดการเอง เธอก็ให้เขาจัดการเถอะ” นี่เป็นเพียงคำปลอบโยนเดียวของอวี๋กานกาน

หลินจยาอวี่ลังเลและพูดยาก “เมื่อกี้นี้ฉันอยากพูดทุกอย่างออกมา ฉันอยากขอโทษจากใจจริง รอเรื่องนี้ผ่านได้ก่อนแล้วฉันค่อยเริ่มต้นใหม่กับลู่เสวี่ยเฉิน”

อวี๋กานกานถามกลับไปหนึ่งประโยค “หากพูดแล้วทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ไหม เธอจะทำยังไงกับคนที่โกหกเธอบ้างล่ะ”

หลินจยาอวี่เข้าใจในความหมายของอวี๋กานกานทันที

เธอไม่กลัวการปฏิเสธและข้อกล่าวหา แต่เธอเกลียดคำโกหกมากที่สุดหากมีใครจงใจโกหกเพื่อหลอกลวงตัวเองและทำร้ายความรู้สึก เธอจะไม่ยอมเด็ดขาด

ถ้าเธอไม่คิดที่จะคบกับลู่เสวี่ยเฉินก็คงจะดี

เสียดายที่ตอนนี้เธอชอบลู่เสวี่ยเฉินขึ้นมาจริงๆ แล้ว เธอไม่สามารถทนรับความเสี่ยงนี้ได้

แต่ใช้รายงานผลตรวจดีเอ็นเอปลอมเพื่อโกหก จะสามารถโกหกได้ตลอดชีวิตหรือไม่