มู่เฉียนซีเข้าไปในทะเลทรายเมฆามืด ระหว่างทางช่างเงียบเชียบยิ่งนัก ทว่านางได้พบกับการโจมตีจากสัตว์วิญญาณจํานวนมาก
มู่เฉียนซีรับมือกับสัตว์วิญญาณระดับหกหรือต่ำกว่าด้วยตัวนางเอง หากระดับสูงกว่านี้อีกสักหน่อย นางจะให้เสี่ยวหงอู๋ตี้ สองสัตว์พันธสัญญาลงมือโจมตี
แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นหนึ่งในสองสถานที่ที่อันตรายอย่างมากของทวีปเซี่ยโจว แต่หากไม่ได้เข้าไปด้านในของทะเลทรายเมฆามืด ย่อมไม่สามารถที่จะเข้าไปแตะต้องกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามที่เทียบเท่ากับจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงได้
ในที่นี้ แม้แต่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็ยังหาได้ยาก มู่เฉียนซีจึงพาเสี่ยวหง อู๋ตี้ และชิงอิ่งมายังทะเลทรายเมฆามืดเพื่อความปลอดภัย
แน่นอนว่าหากพบเจอกับคนจากสํานักเอ้อชิงจากหุบเขาหมอเทวดาเหล่านั้น สถานการณ์ย่อมแตกต่างไป
“โอ้!”
วันแรกของพวกเขาในทะเลทรายเมฆามืด ดวงตาสีเขียวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นรอบ ๆ มู่เฉียนซีในยามวิกาล
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “นั่นคือหมาป่าที่เป็นสัตว์วิญญาณระดับห้าและหก และยังมีราชาหมาป่าระดับเจ็ดด้วยหนึ่ง”
ผู้ฝึกตนที่มายังทะเลทรายเมฆามืด เมื่อเห็นอันตรายเช่นนี้ จะต้องหลบหนีอย่างสุดชีวิตเป็นแน่ ทว่ามู่เฉียนซี นางกลับสนใจพวกมันเป็นอย่างมาก
เงาร่างสีม่วงพุ่งเข้าไปในฝูงหมาป่าอย่างมิเกรงกลัวในภยันตรายใด ๆ
ขณะนั้นเอง ธาตุวารีรวมตัวกันในทะเลทรายที่แห้งแล้ง มู่เฉียนซีตะโกนด้วยเสียงอันดัง
“ผนึกมังกรวารี!”
— ตูม! —
หมาป่าถูกโจมตีอย่างรุนแรงจนร่างของมันกระเด็นลอยออกไป มันร้องโหยหวนอยู่บนพื้น
ในเมื่อสหายของตนได้รับบาดเจ็บ หมาป่าตัวอื่น ๆ โกรธเกรี้ยว พวกมันเริ่มล้อมมู่เฉียนซีไว้
เสี่ยวหงและอู๋ตี้กล่าวขึ้นว่า “นายท่าน ให้พวกข้าออกมาจัดการพวกมันเถอะ หมาป่าน้อย ๆ น่าขันไม่กี่ตัวเหล่านี้ กล้าที่จะล้อมนายท่าน ช่างบังอาจนัก!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหนักแน่น “ไม่เป็นไร ข้าจัดการเองได้”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการสังหารของหมาป่าดุร้าย ฉากนี้ดูน่ากลัวยิ่งนัก แต่ในทุก ๆ ครั้ง มู่เฉียนซีก็สามารถหลบหลีกการโจมตีของเขี้ยวและกรงเล็บที่ดุร้ายของพวกมันได้
“บุปผาหลั่งสายฝน!”
“วารีสะท้านสวรรค์!”
หมาป่าตัวหนึ่งถูกมู่เฉียนซีโจมตีจนล้มลงไปในกองทราย เสียงคํารามของสัตว์ที่กู่ร้อง ดังโหยหวนออกมาอย่างต่อเนื่องฟังแล้วช่างน่าขนพองสยองเกล้า
เข็มยาสีเงินพุ่งออกไปประหนึ่งวิ่งผ่านความมืด หมาป่าเหล่านี้ถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว จากนั้นพวกมันล้มลงไปกองกับพื้นอย่างน่าอนาถใจ
พวกมันคือนักล่าในความมืดแท้ ๆ แต่เวลานี้กลับถูกมนุษย์ที่เป็นเพียงปรมาจารย์ภูตระดับสองเก็บเกี่ยวชีวิตของพวกมันเสียแล้ว
“โฮกกก!” เสียงคำรามของหมาป่าดังออกมา ณ ตอนนี้ราชาหมาป่าไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป มันพุ่งเข้าโจมตีมู่เฉียนซีอย่างหมายจะเอาชีวิตนาง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับราชาหมาป่าที่มีพลังเทียบเท่ากับราชาแห่งภูต มู่เฉียนซีย่อมต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ นางมีดีอะไร คงต้องงัดออกมาใช้แล้วในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้
“มังกรเพลิงสังหาร!”
ความแข็งแกร่งถูกรวบรวมเพิ่มขึ้นถึงระดับราชาแห่งภูต พลังของกระบี่มังกรเพลิงก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน นางพยายามอยางยิ่งยวดเพื่อที่จะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ในระดับที่มากกว่าตนได้
ถ้าหากอีกฝ่ายเป็นเพียงราชาแห่งภูตระดับต่ำ มู่เฉียนซีย่อมสามารถต่อกรกับมันได้ ทว่าร่างกายของสัตว์วิญญาณนั้นแข็งแกร่งกว่ามนุษย์อย่างมาก ดังนั้นการโจมตีเช่นนี้จึงทําให้ราชาหมาป่าได้รับบาดเจ็บเพียงแค่ผิวหนังภายนอก
ช่างน่าเสียดายนัก!
“โฮกกก!” ความเจ็บปวดบนร่าง ทําให้ราชาหมาป่าโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก พุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซีอย่างดุเดือด
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
ทันใดนั้นเข็มยานับไม่ถ้วนลอยออกไป ขนบนร่างของราชาหมาป่าตัวนี้ ได้กลายเป็นหนามแหลมคมที่ดูแข็งทื่อ
— ปัง! ปัง! ปัง! —
เคราะห์ร้าย เข็มยาของมู่เฉียนซีไม่สามารถเจาะเข้าไปในผิวหนังของมันได้
— ปัง! —
เมื่อการโจมตีไม่ประสบความสําเร็จ มู่เฉียนซีจำต้องเผชิญกับการไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งหนักหน่วงของราชาหมาป่า
ยิ่งไปกว่านั้น สัตว์วิญญาณเหล่านี้ไม่ได้ให้ความสําคัญกับการต่อสู้ที่ยุติธรรมแบบหนึ่งต่อหนึ่งเอาเสียเลย เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีกำลังเสียเปรียบ หมาป่าตัวอื่น ๆ ก็ถือโอกาส พวกมันพุ่งเข้ามาหานางหมายจะโจมตีอย่างต่อเนื่องเอาถึงตาย
ทว่าทันใดนั้นเอง ร่างสีเขียวพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วส่งให้หมาป่าทั้งหมดถูกขับไล่ออกไปอย่างน่าอนาถ
เวลานี้มู่เฉียนซีกําลังต่อสู้กับราชาหมาป่า เมื่อคนพวกนี้กล้ามาสร้างปัญหาให้นาง ชิงอิ่งจะต้องกําจัดพวกเขาอย่างไม่เกรงใจเป็นแน่
มู่เฉียนซีโยนยาพิษออกมาเป็นจํานวนมาก แต่ราชาหมาป่าตัวนี้ไม่ได้โง่เง่า มันหลบการโจมตีสุดอันตรายนั่นได้
ลมกระโชกพัดผ่าน มู่เฉียนซีโบกมือ กล่าวด้วยเสียงอันดังก้อง “โล่วิญญาณวารี!”
— ปัง! —
แม้ว่าจะใช้โล่วิญญาณวารีป้องกัน มู่เฉียนซีก็ต้องถอยออกไปหลายสิบก้าว
ในขณะที่ราชาหมาป่าโจมตีอีกครั้ง ธาตุวารีรอบ ๆ ตัวหมุนไปรอบ ๆ และในหัวของมู่เฉียนซีเหมือนมีบางสิ่งบางอย่าง นางดึงพลังวิญญาณทั้งหมดของนางออกมา ทันใดนั้นอากาศรอบ ๆ ตัวนางก็กลายเป็นความเย็นยะเยือก
จิตสังหารปรากฏขึ้นทันที มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา “มังกรวารีทลาย!”
มังกรวารีที่แผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกพุ่งเข้าใส่ราชาหมาป่า ในพริบตาราชาหมาป่าพลันรู้สึกราวกับว่าเลือดของมันถูกแช่แข็ง จากนั้นร่างทั้งร่างก็กระเด็นออกไปด้วยพลังมหาศาลนี้
ร่างสีม่วงพุ่งเข้ามา ดาบมังกรเพลิงทะลุผ่านหัวใจของมัน ชีวิตของมันก็ได้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์
“โฮกกกก!” ราชาหมาป่าจ่าฝูงของพวกมันถูกจัดการเสียแล้ว หมาป่าบางตัวส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา
มู่เฉียนซีสังหารราชาของพวกมันให้ตายลง ดังนั้นพวกมันจึงไม่กล้าเป็นศัตรูกับนาง ต่างพากันหันหลังจากไปอย่างไร้ค่า
มู่เฉียนซีเก็บกระบี่มังกรเพลิง ดวงตาดำงามมองไปที่แหวนมังกรเทพวารีที่เปล่งแสงสีฟ้าบนนิ้วของนาง นางกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ข้าได้เลื่อนขั้นเป็นปรมาจารย์ภูตแล้ว ในที่สุดแหวนมังกรเทพวารีก็มอบทักษะการโจมตีครั้งที่สองให้กับข้า”
เมื่อนิ้วของมู่เฉียนซีลูบลงบนแหวนมังกรเทพวารี นางดูเหมือนจะได้ยินเสียงมังกรดังขึ้น
หม้อเทพนิรันดร์… อาวุธเทพสูงสุดในตํานาน ในอาวุธเทพย่อมมีอาวุธวิญญาณ ทว่าอาวุธวิญญาณอย่างแหวนมังกรเทพวารีกลับดูเหมือนจะยังไม่ฟื้นคืนสติ หวังว่ามันจะไม่อารมณ์ร้ายเหมือนอาถิงผู้นั้น
กลิ่นที่อ่อนโยนราวกับน้ำในพิธีศีลชำระล้างได้แผ่ออกมาจากร่างของมู่เฉียนซี นี่เป็นของขวัญที่มาจากการที่นางเปิดผนึกกระบวนท่าที่สองได้
มู่เฉียนซีนั้นเพิ่งเลื่อนขั้นไปเป็นปรมาจารย์ภูตระดับสองได้เพียงไม่นาน แต่กลับรู้สึกเหมือนพลังของตนเองพุ่งขึ้นไปถึงขีดสุดของปรมาจารย์ภูตระดับสองแล้ว
มู่เฉียนซีและชิงอิ่ง ทั้งสองพักค้างคืนผ่านไปได้อย่างปลอดภัย
วันต่อมามู่เฉียนซีก็ได้เดินทางต่อไป นางส่งเสี่ยวหงและอู๋ตี้ออกไปหาข่าวจากเหล่าสัตว์วิญญาณในทะเลทรายเมฆามืดแต่กลับไม่มีสัตว์วิญญาณตัวใดพบเห็นหรือได้เบาะแสจวินโม่ซีผู้ตะกละเลย
ณ กลางทะเลทราย กลุ่มของหญิงสาวชุดสีม่วงผู้งดงามกับชายประหลาดในเงาชุดสีเขียวที่ใส่หน้ากาก ได้พบเจอกับกลุ่มคนกลุ่มเล็กที่เข้ามาฝึกจึงทำให้รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
ในตอนนี้เอง ชายชุดคุลมยาวรูปงามเดินเข้ามา กล่าวขึ้นว่า “แม่นาง ข้าน้อยชื่อว่าหวางป๋อ เป็นศิษย์ของสำนักซางอวี่แห่งสำนักป้านซิง เห็นว่าแม่นางบุกเข้ามาในทะเลทรายเมฆามืดกับสหายผู้นี้ ที่นี่มีอันตรายอยู่บ้าง แม่นางประสงค์จะเดินทางไปพร้อมกับพวกเราด้วยหรือไม่ ?”
“สำหรับเรื่องสาวงามแล้ว ศิษย์พี่หวางเคยพลาดไปเสียที่ไหน เจ้าว่าสตรีผู้นี้ศิษย์พี่หวางจะต้องใช้เวลานานเพียงใดจึงจะได้นางมา”
“ข้าพนันว่าเจ็ดวัน”
“นั่นก็ไม่แน่นอน หญิงผู้นั้นมีผู้คุ้มกันที่ดูแข็งแกร่งอยู่ข้างกาย ศิษย์พี่คงไม่สามารถกระทำการใดได้ง่ายดายเช่นนั้น”
“แต่ข้าว่า… เขาผู้นั้นใส่หน้ากากเอาไว้ จะต้องอัปลักษณ์เป็นอย่างมากแน่นอน นั่นไม่ได้ทำให้ศิษย์พี่ของเราลำบากแม้แต่น้อย”
มู่เฉียนซีมองไปที่หวางป๋อ นางกล่าวขึ้น “ข้ามาที่ทะเลทรายเมฆามืดนี้เพื่อตามหาคนผู้หนึ่ง ไม่ทราบว่าเจ้าเคยพบผู้ที่อายุราวยี่สิบเศษ ๆ มีใบหน้าเป็นเอกลักษ์อย่างมาก และสวมใส่ชุดสีขาวหรือไม่ ?”
หวางป๋อกล่าว “พวกเราเพิ่งเข้ามาในทะเลทรายเมฆามืดได้ไม่นาน ไม่ได้พบเจอคนผู้มีลักษณะเช่นนั้นเลย แต่ว่าข้ามาฝึกที่ทะเลทรายเมฆามืดนี้ก็หลายคราแล้ว ข้านั้นคุ้นเคยกับที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก หรือว่าเราจะเดินทางไปด้วยกัน จะได้สามารถดูแลซึ่งกันแลกันได้”
.