ตอนที่ 264 ช่างวิตปริตยิ่งนัก

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซี “เจ้าคุ้นเคยกับทะเลทรายเมฆามืดมากอย่างนั้นรึ ?”

“เป็นเช่นนั้นแน่แท้” หวางป๋อกล่าวตอบพลางยืดอกอวดโอ่

“พวกเจ้าจะไปยังที่ที่มีผู้ฝึกตนรวมตัวกันมาก ๆ หรือไม่ ? หากพวกเจ้าไป ข้าก็จะร่วมทางไปด้วย”

ในทะเลทรายเมฆามืดที่เป็นพื้นที่กว้างไกลไร้ขอบเขตเช่นนี้ ต่อให้มีแผนที่อยู่ในมือก็ไร้ประโยชน์ มีคนนำทางเช่นนี้ก็ดีไม่น้อย ต่อให้คนเหล่านี้จะคิดการแอบแฝงบางอย่างก็ตามที นางมู่เฉียนซีมิใช่สตรีโง่งม นางรู้ทัน…

หวางป๋อ “ไม่มีปัญหา ข้ายินดีต้อนรับแม่นางและสหายเข้าร่วมกลุ่มประสบการณ์เล็ก ๆ ของพวกข้า”

ศิษย์น้องคนอื่น ๆ อีกสองคนยิ้มพลางกล่าวขึ้น “อา… ยินดีต้อนรับแม่สาวงาม ยินดี!”

นี่คือกลุ่มประสบการณ์กลุ่มเล็ก ๆ ของสำนักซางอวี่ พวกเขาค่อนข้างคุ้นเคยกับทะเลทรายเมฆามืดแห่งนี้  เวลาเดินทาง พวกเขารู้เส้นทางที่จะหลีกเลี่ยงการโจมตีกับสัตว์วิญญาณเป็นจำนวนมาก ทำให้การเดินทางค่อนข้างเป็นไปด้วยความราบรื่น

ในระหว่างการเดินทางนั้น พวกเขาก็ได้เจอกับผู้ฝึกตนอยู่บ้าง ทว่าก็ยังคงไม่พบกับจวินโม่ซี

หวางป๋อ “แม่นางมู่ ทางข้างหน้านั้นเป็นบริเวณใจกลางของทะเลทรายเมฆามืดแล้ว แม้แต่ผู้ฝึกตนที่มีประสบการณ์อย่างมากที่เคยได้เข้าไปก็หลงทางอย่างง่ายดาย  เพราะฉะนั้นเราไม่ควรเข้าไปในเวลานี้ บางทีเจ้าอาจจะเข้าใจผิดก็เป็นได้ สหายผู้นั้นของเจ้าอาจจะไม่ได้เข้ามาในทะเลทรายเมฆามืด”

มู่เฉียนซี “หากเป็นเช่นนี้เราก็แยกทางกันตรงนี้ ข้าตัดสินใจจะเข้าไปข้างในกับชิงอิ่ง”

สีหน้าหวางป๋อพลันแปรเปลี่ยน “หืม ? แม่นางมู่ พลังวิญญาณของเจ้าและสหายเจ้าไม่ถึงระดับราชา หากเข้าไปก็เท่ากับเอาชีวิตไปทิ้งไว้ในที่แห่งนั้น แม่นางมู่อย่าวู่วามไปเลยดีจะกว่า”

ตลอดการเดินทาง หวางป๋อได้เอาใจนางด้วยวิธีต่าง ๆ นานา แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะแสร้งทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย

เมื่อก่อน หากเขาเอาใจใส่สักเล็กน้อย ศิษย์น้องในสำนักก็จะหลงและติดเขางอมแงม ทว่าแม่นางผู้นี้ยากที่จะได้มาอย่างแท้จริง

จนถึงตอนนี้แล้ว แม้กระทั่งมืองาม ๆ นั้นของนาง เขาก็ยังไม่ได้แตะแม้แต่ปลายเล็บ แล้วนางยังจะส่งตัวเองไปสู่ความตาย หวางป๋อไม่ยินยอมเป็นแน่แท้

“ข้าตัดสินใจแล้ว เราแยกทางกันตรงนี้เถอะ ขอบใจพวกเจ้ามากสำหรับการช่วยเหลือตลอดการเดินทาง”

ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังจะจากไป ทันใดนั้นทรายบริเวณรอบ ๆ พลันเคลื่อนไหวอย่างดุเดือด พวกเขาเห็นกลุ่มคนประมาณยี่สิบถึงสามสิบคนขี่สัตว์วิญญาณระดับต่ำพุ่งเข้ามาบนทะเลทรายและได้ล้อมรอบพวกเขาไว้

บุรุษผิวสีน้ำตาลเข้ม สูงประมาณสองเมตร มือข้างหนึ่งถือกระบี่ยาวเหลือบมองพวกเขาด้วยสายตาเยือกเย็น ผู้ที่อยู่ข้าง ๆ เขาหัวเราะขึ้นพลางกล่าวว่า “เหอะ ๆ ๆ พี่ใหญ่ เจ้าเด็กพวกนี้ต้องเป็นผู้ฝึกตนของสำนักใหญ่ ๆ ที่ออกมาฝึกประสบการณ์เป็นแน่แท้ แกะอ้วน ๆ ทั้งนั้น  ลาภปากข้ายิ่งนัก!”

ศิษย์สำนักซางอวี่สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน พวกเขาอุทานขึ้นด้วยความตกใจ “โจรสลัดทะเลทราย!”

ทะเลทรายเมฆามืดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีผู้ฝึกตนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นที่แห่งนี้จึงมีโจรสลัดทะเลทรายที่มีจุดมุ่งหมายจะปล้นชิงศิษย์สำนักร่ำรวยโดยเฉพาะ

ต่อให้มีสำนักบางสำนักมาแก้แค้นเอาคืน แต่เมื่อโจรสลัดทะเลทรายเหล่านี้หนีเข้าไปในทะเลทราย ผู้แข็งแกร่งของสำนักนั้นก็ไร้หนทางที่จะแก้แค้นพวกเขา

“รีบหนีเร็วเข้า!” หวางป๋อตะโกน

ความแข็งแกร่งของโจรสลัดทะเลทรายกลุ่มนี้ไม่เลวเลย พลังที่อ่อนแอที่สุดของพวกเขาคือพลังวิญญาณระดับปรมาจารย์ภูต และพี่ใหญ่ของพวกเขามีพลังวิญญาณเป็นถึงราชาแห่งภูต

พี่ใหญ่ของโจรสลัดทะเลทรายกล่าวขึ้นด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว “หนีเช่นนั้นรึ ? พวกเจ้ากล้าคิดจะหนีข้ารึ ?”

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

เหล่าโจรสลัดกระโดลงมาจากสัตว์วิญญาณ และได้ล้อมรอบไว้ทั่วทั้งแปดทิศ

กลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวเหล่านี้ล้อมรอบพวกเขาเอาไว้ ทำให้พวกเขาไร้ซึ่งทางหนี

สีหน้าหวางป๋อซีดเผือด “ท่านผู้อาวุโส นี่เป็นยาวิญญาณและหยกวิญญาณทั้งเนื้อทั้งตัวข้าแล้ว…”

ในขณะที่ศิษย์สำนักซางอวี่กำลังส่งของมีค่าที่ติดตัวให้ แต่ทันใดนั้น พี่ใหญ่ของโจรสลัดทะเลทรายก็กล่าวแทรกขึ้น “เดิมทีคิดว่าศิษย์สำนักใหญ่ ๆ อย่างพวกเจ้าจะมีทรัพย์สินมีค่ามาก นึกไม่ถึงเลยว่าจะอับจนได้ถึงเพียงนี้ ฆ่าให้ตายให้หมดเลยจะดีหรือไม่ ?!”

ฆ่าปิดปาก ทำลายศพไม่ให้เหลือซาก แม้แต่กระดูกก็ไม่ให้หลงเหลือร่องรอยไว้ที่ทะเลทรายเมฆามืด ต่อให้คนในสำนักพวกเขาจะคิดแก้แค้นก็หาตัวแก้แค้นไม่เจอ

เหล่าศิษย์ของสำนักซางอวี่ได้ยินเช่นนี้ต่างก็ตกใจจนตัวสั่น

หวางป๋อหันไปมองมู่เฉียนซี “ท่านผู้อาวุโส แม่นางผู้นี้คือศิษย์น้องของข้าเอง นางเป็นผู้งดงามอย่างที่สุด ข้ามอบนางให้แก่ท่าน ท่านปล่อยข้าไปเถอะ”

หลังจากคำกล่าวของหวางป๋อสิ้นสุดลง สายตาเหล่าโจรสลัดก็จ้องมองมู่เฉียนซีผู้ที่นิ่งสงบอยู่ในเวลานี้ เมื่อเห็นนาง ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งแสงประกายกล้าเล็กน้อย

“งดงาม ช่างเป็นสตรีที่งดงามยิ่งนัก  สวรรค์! ข้าอยู่ในทะเลทรายเมฆามืดมานานจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่เคยเห็นสตรีผู้ใดงดงามเช่นนี้มาก่อน”

“ได้! สตรีงดงามราวเทพเซียนเช่นนี้ ข้ารับไว้”

ในขณะเดียวกันนั้น น้ำเสียงที่เย็นชาดังก้องขึ้น “ประเดี๋ยวก่อน ข้าขอประกาศให้รู้แจ้งโดยทั่วกัน ข้าผู้นี้มิใช่ศิษย์น้องของผู้ใดทั้งนั้น พวกเจ้าคิดจะปล้นพวกเขาก็เชิญตามสบาย ข้าไม่อยากเสียเวลากับพวกเจ้า”

มู่เฉียนซีไม่สนใจเหล่าโจรสลัดแม้แต่น้อย กล่าวจบก็หันหลังจากไป

ศิษย์สำนักซางอวี่ เดิมทีคิดว่าการที่พวกเขาช่วยนำทางมา นางจะลงมือช่วยเหลือพวกเขา แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าหวางป๋อจะผลักไสนางไปสู่อันตรายอย่างน่ารังเกียจไร้ซึ่งศักดิ์ศรี  ใช้นางเข้าแลกเพื่อเอาตัวเองรอด เช่นนั้นก็อย่ามาหาว่านางเห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วยก็แล้วกัน

โจรสลัดทะเลทรายเหล่านี้เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีกำลังจะจากไป รีบรุดเข้าขวางนางไว้ ของดีอยู่ตรงหน้าเช่นนี้แล้วจะปล่อยให้หนีรอดไปได้อย่างไรกัน ?

พวกเขาหัวเราะ กล่าวว่า “ฮ่า ๆ ๆ แม่สาวน้อย พวกข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะเป็นศิษย์น้องของพวกอับจนนี้หรือไม่ได้เป็น แต่ในเมื่อพวกข้าเจอเจ้าแล้ว เจ้าก็ไร้ทางหนี”

“แม่สาวน้อย ทางที่ดีเจ้ายอมจำนนเสียเถอะ มิเช่นนั้นแล้วพวกข้าอาจจะทำเจ้าบาดเจ็บเอาได้ เป็นเช่นนั้นมันคงไม่ส่งผลดีต่อตัวเจ้า”

น้ำเสียงของมู่เฉียนซีเย็นชามากขึ้นเรื่อย ๆ “หลีกไป อย่าขวางทางข้า มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

“แม่สาวน้อย พวกข้าอยากจะรู้เสียแล้วสิว่าเจ้าจะไม่เกรงใจพวกข้าเช่นไร ? ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ”

แม่สาวน้อยผู้นี้ดูเหมือนเด็กสาวอายุราวสิบหกปี จะเก่งกาจสักแค่ไหนกันเชียว ?

โจรสลัดทะเลทรายของพวกเขามีพลังวิญญาณแข็งแกร่งที่สุดในละแวกนี้ จะต้องแข็งแกร่งกว่าแม่สาวน้อยผู้นี้อย่างแน่แท้

“ได้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ถลึงตาดูให้ชัด ๆ”

“โล่มังกรวารี!”

ทันใดนั้นมังกรวารีสีฟ้าขนาดมหึมาและมีลำตัวยาวพุ่งไปด้านหน้า

— ปัง! —

ร่างของโจรสลัดที่ขวางหน้ามู่เฉียนซีกระเด็นลอยไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

“ปะ… ปรมาจารย์ภูตระดับสอง!” หวางป๋อกับศิษย์สำนักซางอวี่คนอื่น ๆ เห็นเช่นนี้พลันผงะไปครู่หนึ่ง ตลอดการเดินทางไม่ได้เจออันตรายใด ๆ  มู่เฉียนซีไม่ได้ลงมือต่อสู้ ฝีมือนางพวกเขาจึงยังมิได้ประจักษ์แก่สายตา

พวกเขาคิดว่าต่อให้นางเป็นอัจฉริยะ อย่างมากก็มีพลังวิญญาณเพียงแค่ระดับจอมภูตเท่านั้น

ใครเลยจะคิดว่านางจะวิปริตได้เช่นนี้ นางเป็นถึงปรมาจารย์ภูต

ช่างน่าทึ่ง!

ส่วนเหล่าบรรดาโจรสลัดทะเลทรายต่างก็ผงะไปเช่นกัน “ดูเหมือนว่าแม่สาวน้อยผู้นี้จะเป็นอัจฉริยะผู้หนึ่ง อายุยังน้อยแต่กลับฝึกตนเป็นถึงปรมาจารย์ภูตได้ ทว่าหากคิดจะหนีรอดไปจากเงื้อมมือพวกข้า ขอกล่าวเลยว่านางไม่มีทางหนีรอดไปได้!”

พี่ใหญ่ของกลุ่มโจรสลัดทะเลทรายตะโกนสั่งเสียงเข้ม “จับตัวนางเอาไว้ให้ได้!”

ร่างมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวอย่างว่องไว กวัดแกว่งพลังธาตุวารีโจมตีอีกครั้ง

“บุปผาหลั่งสายฝน!”

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

“วารีสะท้านสวรรค์!”

โจรสลัดทะเลทรายยี่สิบหรือราว ๆ เกือบสามสิบคนพยายามจับตัวนางแต่ก็ไม่สามารถจับนางได้สำเร็จ จึงทำให้พี่ใหญ่ของกลุ่มโจรสลัดทะเลทรายโกรธเกรี้ยวขึ้นมา โทสะปะทุอย่างเห็นได้ชัด “พวกเจ้าจับอย่างไรกัน ? ช่างไร้ประโยชน์ดีแท้!”

กระบี่สนิมเขรอะถูกชักออกมาจากฝักโดยมู่เฉียนซี แสงสีแดงเข้มที่ปลายกระบี่ร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า… “ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมเลิกรา เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจอีกต่อไป ดูเหมือนว่ากระบี่มังกรเพลิงจะกระหายโลหิตแล้วสิ”

“เหยียนหลงพิฆาต!”

เปลวไฟสีแดงเข้มพุ่งออกไป นางมั่นใจเต็มสิบส่วนว่าปรมาจารย์ภูตระดับต่ำไม่สามารถต้านทานพลังของเปลวไฟนี้ได้ และวิญญาณของพวกเขาก็กลายเป็นอาหารอันโอชะให้กับกระบี่มังกรเพลิงเล่มนี้ทันที

การสังหารด้วยกระบี่มังกรเพลิงเพียงครั้งเดียว แต่กลับจัดการกับกองกำลังโจรสลัดทะเลทรายนี้ได้ถึงครึ่งหนึ่ง ทุกผู้คนต่างตกใจอย่างมาก

วิปริต ช่างวิปริตผิดมนุษย์!

โจรสลัดทะเลทรายจำนวนมากตายลงไปภายในชั่วพริบตาเดียว ทำให้พวกที่เหลืออยู่นั้นทั้งโกรธ ทั้งแค้น ทั้งหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน

พี่ใหญ่ของโจรสลัดทะเลทรายพุ่งพรวดออกมา  ตะโกนสั่งว่า “พวกเจ้าถอยออกไปให้หมด ข้าจะจัดการนางเอง”

พลังการต่อสู้ของสตรีผู้นี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก หากพลังวิญญาณไม่ถึงระดับราชาแห่งภูตแล้วบุ่มบ่ามเข้าไปต่อสู้กับนาง มีหวังโดนนางฆ่าตาย  พี่น้องล้มตายไปมากมาย เขาไม่ตองการสูญเสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว

.