พลังการกดดันของราชาแห่งภูตนั้นอันตรายยิ่งนัก!
เท้าพี่ใหญ่ของกลุ่มโจรสลัดทะเลทรายกระทืบลงบนพื้นทรายอย่างหนักหน่วงใส่อารมณ์ เขาพุ่งเข้าหามู่เฉียนซีราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ ลมที่ก่อตัวขึ้นนั้นราวกับจะคร่าชีวิตของมู่เฉียนซีให้ตายตกไปก็มิปาน
“โล่วิญญาณวารี!”
นางใช้น้ำเป็นเกราะป้องกันที่สามารถสกัดกั้นพลังอันตรายนั้นไว้ได้ ร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว นางหลีกเลี่ยงได้ทัน
— ปัง! —
เหล่าบรรดาโจรสลัดทะเลทรายเห็นพี่ใหญ่ของตนเองพุ่งเข้าโจมตีร่างสีม่วง แต่ร่างนั้นก็ได้อันตรธานหายไปภายในชั่วพริบตา
อีกทางด้านหนึ่ง ร่างของมู่เฉียนซียืนอยู่อย่างปลอดภัยไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย
“ทักษะวิชาตัวเบา รวดเร็วยิ่งนัก!”
ม่านตาพี่ใหญ่ของกลุ่มโจรสลัดทะเลทรายหดตัวลงเล็กน้อย นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางผู้นี้จะมีวิชาเก่งกาจเช่นนี้ได้ เขาเกิดความรู้สึกเสียดายหากจะเก็บนางไว้เพียงเพราะเพื่อสนองกามารมณ์
— ตูม! ตูม! ตูม! —
ในเมื่อทำให้ไม่พอใจแล้ว เช่นนั้นก็จำเป็นต้องจับตัวเอาไว้ให้จงได้
พี่ใหญ่ของกลุ่มโจรสลัดทะเลทรายไล่ตามมู่เฉียนซีอย่างสุดชีวิต เมื่อต้องเผชิญหน้าโจมตีกับผู้เป็นราชาแห่งภูต มู่เฉียนซีจึงทำได้เพียงใช้ทักษะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตี
“ข้าไม่เชื่อว่าพลังวิญญาณระดับเจ้าจะหลบหลีกไปได้ตลอด” พี่ใหญ่ของกลุ่มโจรสลัดทะเลทรายกล่าวด้วยความดุร้าย
เขาคิดว่ารอให้พลังวิญญาณของนางอ่อนแรงลง นางก็ไม่มีแรงที่จะหลบหนีได้ จากนั้นเขาก็จะสามารถจัดการกับปรมาจารย์ภูตผู้นี้ได้อย่างง่ายดาย
ทว่าหลังจากที่เขากล่าวจบ เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นคิดผิดถนัด
เพราะตอนนี้มู่เฉียนซีที่กำลังวิ่งหลบหลีกอย่างบ้าคลั่ง นางกินยาวิญญาณเพิ่มพลังไปด้วย ยาวิญญาณนั้นมิใช่ว่าจะกินทีละเม็ด นางยัดเข้าปากทีละขวด
พลังที่สูญเสียไปกลับมาฟื้นฟูถึงขั้นขีดสุดอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าเขาเองจะไม่รู้ว่ายาวิญญาณนั้นจะเป็นยาวิญญาณระดับใด แต่เขาก็รู้ว่าคงมิใช่ยาวิญญาณธรรมดา ๆ อย่างแน่นอน
ศิษย์สำนักซางอวี่เห็นภาพฉากนี้ ดวงตาพลันเบิกกว้างแทบจะถลนออกมานอกเบ้า เขากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ศิษย์พี่ แม่นางมู่ผู้นี้เป็นสตรีอย่างไรกันแน่ ?”
“พวกเรา… พวกเราไม่เคยเห็นผู้ใดกินยาวิญญาณกรอกลงคออย่างไม่คิดเสียดายเช่นนี้มาก่อน ต่อให้เป็นเจ้าสำนักก็ไม่กล้ากินฟุ่มเฟือยอย่างนาง”
หวางป๋อสูดลมหายใจเข้าลึก ความแข็งแกร่งของแม่นางผู้นี้ อีกทั้งความมั่งคั่งของนางช่างน่าทึ่งยิ่งนัก เห็นได้อย่างชัดเจนว่านางอยู่คนละระดับกับพวกเขา
แต่สิ่งที่น่าขันนั่นก็คือ เขาคิดว่าอุบายเกี้ยวพาราสีของเขานั้นจะทำให้ได้นางมาครอบครอง แต่เวลานี้ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาคิด มันเป็นเพียงแค่เรื่องเพ้อเจ้อละเมอเพ้อพก
ในขณะที่พี่ใหญ่ของกลุ่มโจรสลัดทะเลทรายรู้ว่าตนเองไม่สามารถสังหารมู่เฉียนซีได้นั้น เขาก็ทำได้เพียงแค่พยายามอย่างสุดความสามารถในการโจมตีนาง ในเวลาเดียวกัน พลังธาตุวารีรอบ ๆ ก็ได้กลายเป็นน้ำแข็งเย็นยะเยือก
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างแผ่วเบา “เสียเวลากับเจ้ามามากพอแล้ว ควรจบสิ้นได้แล้ว”
“มังกรวารีพิฆาต!”
เมื่อมังกรวารีพุ่งออกมา พลังแห่งจิตสังหารนั้นแทบจะทำให้โลหิตของผู้คนแข็งตัว ความเร็วของมังกรวารีรวดเร็วมากเสียจนพี่ใหญ่ของกลุ่มโจรสลัดทะเลทรายไม่สามารถหลบหลีกได้ ภายในชั่วพริบตาเดียว ร่างของเขาก็ถูกพลังอันแข็งแกร่งนี้กวาดลอยออกไป
“อ๊าก!” เสียงร้องดังสนั่นลั่นขึ้น
“รีบหนีเร็วเข้า!”
ในเมื่อพี่ใหญ่ถูกจัดการเช่นนี้ พวกเขาที่เหลือทำได้เพียงหนีเอาตัวรอด ทว่าทันใดนั้น ร่างสีเขียวก็ปรากฏขึ้นด้านหลังพวกเขา พลังอันแข็งแกร่งนั้นพวกเขาไม่อาจต่อสู้ได้เลย
— ปัง! ปัง! ปัง! —
— ฉึก! —
“พลังอันแข็งแกร่งของเจ้าท่อนไม้แข็งทื่อร่างเขียวผู้นี้น่ากลัวยิ่งนัก สวรรค์โปรด!” ศิษย์สำนักซางอวี่ต่างก็ตกตะลึงอึ้งค้าง
“น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว ดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งว่าท่านอาจารย์ของพวกเราเสียอีก”
ในเวลานี้พี่ใหญ่ของกลุ่มโจรสลัดทะเลทรายถูกมู่เฉียนซีโจมตีจนได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส เมื่อเห็นพลังอันแข็งแกร่งของชิงอิ่ง เขาก็รู้สึกหวาดกลัวจนเสียวไส้ไปหมด
เหตุใดเขาถึงได้ตาบอดไปหาเรื่องกับผู้ที่น่ากลัวเช่นสตรีนางนี้ได้!
“โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย อย่าฆ่าข้าเลย แม่นาง ขะ… ข้าไม่ได้ตั้งใจ…”
มู่เฉียนซี “เจ้าตอบคำถามข้ามาข้อหนึ่ง หากข้าพอใจกับคำตอบของเจ้า บางทีข้าอาจจะปล่อยเจ้าไปก็ได้”
พี่ใหญ่ของกลุ่มโจรสลัดทะเลทรายรีบกล่าว “เจ้าถามมาได้เลย… ถามมาเลย…”
“พวกเจ้าเป็นโจรปล้นอยู่ทะเลทรายเมฆามืดนี้มานาน เคยเห็นชายชุดขาวอายุราวยี่สิบปีบ้างหรือไม่ ?”
พี่ใหญ่ของกลุ่มโจรสลัดทะเลทราย “เอ่อ… คือ…”
หากตอบว่าไม่ แม่นางผู้นี้จะฆ่าเขาหรือไม่ ?!
“ทางที่ดีเจ้าจงพูดความจริง มิเช่นนั้นเจ้าก็ต้องตายเช่นเดียวกัน”
“ไม่เคย… ไม่เคย… อย่าฆ่าข้าเลย” พี่ใหญ่ของกลุ่มโจรสลัดทะเลทรายกล่าวเสียงสั่นอย่างหวาดกลัว
“ดูเหมือนว่าตอนนี้เจ้าจะไร้ประโยชน์แล้ว หากไม่ฆ่าเจ้าเสีย เจ้าอยู่ไปจะมีประโยชน์อันใดเล่า ?” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเย็นชา
“ข้า…”
“กลุ่มโจรสลัดทะเลทรายของพวกข้าไม่รู้ แต่ไม่แน่กลุ่มโจรกลุ่มอื่นอาจจะรู้ก็เป็นได้ โจรสลัดทะเลทรายอย่างพวกข้าใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้มานาน รู้และเข้าใจทะเลทรายแห่งนี้ดีกว่าผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ แน่นอน”
“โจรสลัดทะเลทรายกลุ่มอื่นรึ ? เจ้ารู้ที่อยู่ของพวกเขาหรือไม่ล่ะ ?”
“รู้ ข้ารู้ พวกเราก็เอ้อระเหยไปวัน ๆ กันในทะเลทรายแห่งนี้ไม่ต่างกันนัก”
มู่เฉียนซีหยิบเอายาออกมาเม็ดหนึ่ง “กินยานี้เข้าไปซะ ทางที่ดีเจ้าอย่าเล่นลูกไม้ให้เสียเวลาข้า มิเช่นนั้นจุดจบของเจ้าจะต้องน่าสังเวช”
ต่อให้รู้ว่ายาที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นยาพิษ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลืนกินมัน
“ไปกันได้แล้ว ข้ารีบ”
เมื่อมู่เฉียนซีจากไปพร้อมกับกลุ่มโจรสลัดทะเลทรายกลุ่มนี้ ศิษย์สำนักซางอวี่เหล่านั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดพวกเขาก็รอดชีวิตจากเงื้อมมือคนพวกนั้นได้
แต่เมื่อนึกถึงแม่นางผู้นั้น พวกเขารู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
“ชากุ่ย ข้าไม่คิดเลยว่าครั้งนี้จะปล้นหญิงงามมาได้ สนใจจะแบ่งปันกับข้าบ้างหรือไม่ล่ะ ?” เมื่อพวกเขาเข้ามาในเขตที่มีโจรสลัดทะเลทรายกลุ่มอื่น ก็มีโจรผู้หนึ่งเดินเข้ามายิ้มให้
เมื่อมองไปที่มู่เฉียนซีที่มากับกลุ่มพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขานึกฉงนสงสัยว่าในดินแดนทะเลทรายเมฆามืดที่กว้างใหญ่เช่นนี้ ไปหาหญิงงามเช่นนี้มาได้อย่างไร
ชากุ่ยลอบคิดในใจ ‘ตอนนี้พวกเจ้าหัวเราะกันให้สนุกปากเถอะ อีกเดี๋ยวจะหัวเราะกันไม่ออก!’
กลุ่มนี้มีจำนวนมากกว่ากลุ่มของชากุ่ย มู่เฉียนซีไม่อยากจะเสียเวลากับคนเหล่านี้มากนัก ต่อสู้เสร็จแล้วค่อยถามก็แล้วกัน
มู่เฉียนซีตะเบ็งเสียง “โล่มังกรวารี!”
“ชิงอิ่ง อู๋ตี๋ เสี่ยวหง ลงมือ!”
เมื่อร่างเหล่านั้นพุ่งออกมา เหล่าบรรดาโจรสลัดทะเลทรายที่อยู่ตรงหน้าก็หวาดกลัวขึ้นมาในทันที
“หืม! สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ นี่มันเรื่องอะไรกัน ?”
“ชากุ่ย เจ้าหักหลังพวกข้า”
เดิมทีคิดว่าชากุ่ยจะเอาของหวานอย่างแม่นางผู้นี้มาให้เชยชม แต่กลับกลายเป็นนำเคราะห์ร้ายมาให้แทน
— ปัง! ปัง! ปัง! —
กลุ่มของพวกเขานั้นไม่มีผู้ใดมีพลังวิญญาณเป็นจักรพรรดิแห่งภูตเลย ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของมู่เฉียนซี พวกเขาก็ไม่อาจรับมือไว้ได้
หลังจากที่ต่อสู้ฟาดฟันกับโจรสลัดทะเลทรายเหล่านี้เสร็จสิ้น มู่เฉียนซีก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติม
หลังจากที่ควบคุมคนเหล่านี้เสร็จสรรพเรียบร้อย มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “ไปต่อ!”
โจรสลัดทะเลทรายเมฆามืดเหล่านี้ได้พบกับการทำลายล้างที่รุนแรงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน พวกเขาถูกมู่เฉียนซีจ้องมอง แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่ดี
ถึงแม้ว่าในกลุ่มโจรสลัดทะเลทรายแห่งนี้จะมีราชาแห่งภูตอยู่ แต่พวกเขาก็ไม่มีพลังพอที่จะต่อสู้กับนาง ต่อให้พวกเขามีจักรพรรดิแห่งภูต ถึงอย่างไรแล้วนางก็มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งและระดับสองอยู่ อีกทั้งยังมีองครักษ์ท่อนไม้นั่นที่ฆ่าอย่างไรก็ไม่ตายคอยปกป้องนาง พวกเขาทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม
มู่เฉียนซี “หากพวกเจ้าช่วยข้าตามหาคน ข้าก็จะไม่ทำให้พวกเจ้าลำบากใจ”
“ขอรับนายท่าน พวกเราจะต้องตามหาเจอแน่”
มีกลุ่มโจรสลัดทะเลทรายเมฆามืดคอยช่วยตามหาเช่นนี้ โอกาสตามหาจวินโม่ซีเจอนั้นนับว่ามีมากนัก
หลังจากนั้นสามวัน คนหนึ่งในกลุ่มโจรสลัดทะเลทรายวิ่งพรวดเข้ามารายงาน
“นายท่าน นายท่าน… เจอแล้ว พวกเราเจอแล้วขอรับ!”
สีหน้ามู่เฉียนซีฉายแววปีติยินดี “เขาอยู่ที่ไหน ? รีบพาข้าไปประเดี๋ยวนี้”
.