บทที่ 1149+1150

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1149+1150 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 1149 ยิ่งกว่ารู้จักเสียอีกมิรู้หรือ?

ฉากเหล่านั้นเลือนหายไปแล้ว ไอหมอกที่อยู่รอบๆ ก็คล้ายจะสลายไปเล็กน้อยแล้ว กู้ซีจิ่วค่อนข้างอาลัย เธอยังอยากเห็นอีก

ไม่มีผู้ใดทราบ หลายวันมานี้เธอใช้ชีวิตอย่างหวาดผวาอยู่ตลอด ครั้งแรกที่ลืมตาตื่นขึ้นมาในสมองว่างเปล่าขาวโพลน ไม่มีความทรงจำใดๆ อยู่เลย ซ้ำเธอยังโตถึงเพียงนี้แล้ว! เธอถึงขั้นที่นึกไม่ออกว่าตัวเองเป็นใคร

โม่เจ้าบอกเธอว่าเธอเป็นร่างโคลนนิ่งร่างหนึ่ง ถูกโคลนนิ่งขึ้นมาตามความปรารถนาของเขา ดังนั้นจึงไม่มีอดีต เขาบอกว่ายินดีแต่งเธอเป็นภรรยา แต่ต้องการให้เธอเป็นเด็กดี ต้องการให้เธอเชื่อฟัง และต้องการให้เธอเรียกเขาว่าพี่โม่

ถึงแม้เธอจะทำทุกอย่างตามที่เขาบอก แต่ในใจกลับหวาดผวาอยู่ตลอด ราวกับหลงลืมอะไรบางอย่างที่แสนสำคัญไป

โม่เจ้คล้ายว่าจะดีต่อเธอ และเธอก็ต้องพึ่งพาอาศัยเขายิ่งนักเช่นกัน แต่ในจิตใต้สำนึกของเธอรู้สึกว่าคนผู้นี้น่ากลัวนัก

ในตำหนักใต้ดินแห่งนี้มีบุรุษมากมายเหลือเกิน ทว่ามีกลิ่นเหม็นที่ประหลาดยิ่งนักทุกคน มีเพียงโม่เจ้าคนเดียวที่หอม ทำให้เธอเสพติดปานกัญชา

ถึงแม้สมองเธอจะว่างเปล่าไปหมด แต่สัญชาตญาณยังคงอยู่ เธอสัมผัสได้ว่าเรื่องนี้ผิดปกติ

เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าชีวิตของตนอยู่ในตาข่ายผืนหนึ่ง รอบด้านคือกำแพงเหล็กผนังทองแดง คิดจะขังเธอให้ตายอยู่ในนี้ ทว่าทุกคนกลับบอกเธอว่าในตาข่ายนี้คือแหล่งพักพิงที่ประเสริฐที่สุดสำหรับเธอ…

อันที่จริงแล้วสำหรับคนที่ไม่มีความทรงลึกๆ ในใจเปราะบางยิ่งนัก รู้สึกเหมือนเรือที่ร่อนเร่พเนจรอยู่ในมหาสมุทรอย่างเดียวดายหาท่าจอดเรือไม่พบ กู้ซีจิ่วก็เปราะบางเช่นกัน เพียงแต่เธอฝังกลับความเปราะบางนี้ไว้ในส่วนลึกของจิตใจ  ดังนั้นเมื่ออยู่ในฝันเธอจึงสืบหาไปตามสัญชาตญาณเสมอ ทว่าไม่พบอะไรลยมาโดยตลอด

และในระหว่างที่สืบหาเธอจะปวดหัว อาการปวดหัวรุนแรงจนทำให้เธอต้องละทิ้งการสืบหา

จวบจนวันนั้นที่เธอวิ่งเข้าไปในห้องขังของตี้ฝูอี วินาทีที่เห็นเขา หัวใจของเธอที่ไม่เคยมีความรู้สึกอันใดเลยมาโดยตลอดพลันมีความร้าวรานเล็กน้อยเอ่อล้นขึ้นมา เหมือนถูกเข็มเล็กๆ แถวหนึ่งทิ่มแทงหลายที

นี่เป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยมีให้คนอื่นๆ ที่อยู่ในนั้นมาก่อนเลย คนผู้นี้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอชัดๆ ทว่าเธอกลับรู้สึกใกล้ชิดผูกพันตามสัญชาตญาณ

หลังจากพบหน้ากันหนนั้น เขาก็เริ่มมาโผล่ในความฝันของเธอ…

ความฝันของเธอไม่ขาวโพลนอีกแล้ว เริ่มมีสีสันขึ้นมาทีละน้อยๆ ทิวทัศน์กระจัดกระจายบางส่วนเริ่มแวบขึ้นในสมองเธอถี่ขึ้นเรื่อยๆ

เธอตกปลาได้ตัวหนึ่งแล้ว ยื่นให้เขาอย่างภาคภูมิใจ

เขารีบเหยียดเอวบิดขี้เกียจแล้วบอกว่าเขาหิว อยากให้เธอย่างปลาให้เขากิน

เธอเอ่ยอย่างลำบากใจ “ข้าไม่เคยย่างมาก่อน ข้าทำอาหารไม่เป็น”

เขามองเธอด้วยดวงตาพราวระยับ “ไม่ ซีจิ่ว เจ้าทำเป็น และเจ้าย่างได้อร่อยมาก”

เธอตะลึงงันอยู่พักหนึ่ง สรรหาเหตุผลข้อที่สองมาอีก “แต่ที่นี่ไม่มีสิ่งของจำพวกฟืนเลย…”

“ขอเพียงเจ้านึกถึงก็จะมี เจ้าลองนึกดูสิ รวบรวมสมาธิแล้วนึกดู” ตี้ฝูอีค่อยๆ โน้มน้าว

ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงรวบรวมสมาธินึกถึง เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เบื้องหน้าก็มีกองฟืนปรากฏขึ้นมาจริงๆ…

ดวงตาเธอเปล่งประกาย ที่แท้ในฝันเธอสามารถทำทุกอย่างได้ตามใจนึก

เธอเริ่มจัดการปลาตัวนั้น ตอนที่เพิ่งลงมือเธอยังนึกว่าตัวเองจะเป็นมือใหม่เสียอีก แต่ผ่านไปเพียงครู่เดียวเธอก็คุ้นเคยแล้ว ราวกับนี่เป็นทักษะที่เธอเรียนรู้มานานแล้ว

เธอย่างปลาพลางสนทนากับเขาไปด้วย “ดูเหมือนเจ้าจะรู้จักข้าดีนะ”

“อืม ไม่มีใครรู้จักเจ้าดีเท่าข้าแล้ว” ตี้ฝูอีกอดอกสนทนากับเธอ

“เมื่อก่อนพวกเรา…รู้จักกันหรือ”

“ยิ่งกว่ารู้จักเสียอีกมิรู้หรือ?” ตี้ฝูอีถอนหายใจอย่างเอ้อระเหย

กู้ซีจิ่วใจเต้นแรงแวบหนึ่ง มองเขาตาโต “เช่นนั้นเจ้าเล่าเรื่องในอดีตให้ข้าฟังได้ไหม?”

ตี้ฝูอีมองดูเธอ “ตอนนี้เจ้าเชื่อใจข้าแล้วเหรอ?”

ตอนที่พบกันครั้งแรก ตี้ฝูอีพยายามเล่าอดีตของนางให้ฟังแล้ว…

————————————————

บทที่ 1150 เป็นไปไม่ได้! เจ้าหลอกลวงผู้อื่น!

ตอนที่พบกันครั้งแรก ตี้ฝูอีพยายามเล่าอดีตของนางให้ฟังแล้ว ผลคือเด็กสาวผู้นี้กลับบอกว่านางไม่มีอดีต เป็นมนุษย์โคลนนิ่ง ซ้ำยังบอกว่าเขาใจคดคิดมิซื่อ คิดจะกุเรื่องมาหลอกนาง…

ยามนี้ในที่สุดนางก็เริ่มเชื่อเขาแล้วสินะ?

กู้ซีจิ่วค่อนข้างสับสนเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าโม่เจ้าคงไม่หลอกเธอ แต่จิตใต้สำนึกกลับรู้สึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้ไว้ใจได้ ดังนั้นเธอจึงพูดว่า “จะฟังสักหน่อยเท่านั้น เจ้าลองเล่ามาก่อนสิ”

นึกไม่ถึงว่าตี้ฝูอีกลับไม่เล่าแล้ว “ข้ารู้สึกว่าเจ้าหาคำตอบด้วยตัวเองจะดีกว่า” เรื่องราวของนางถึงจะเล่าอย่างน่าตื่นเต้นไปมากมายสักเพียงไหน นางก็ไม่มีความรู้สึกร่วมอยู่ดี มิสู้ให้นางค้นหาด้วยตัวเอง ฟื้นฟูด้วยตัวเอง…

กู้ซีจิ่วชักจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว “แต่ถ้าข้าค้นหาข้าจะปวดหัว เพียงนึกแวบเดียวก็ปวดหัวแล้ว! ช่างเถอะ เจ้าไม่เล่าก็แล้วไป ถึงเจ้าเล่าก็ไม่แน่ว่าข้าจะเชื่อ ถ้าหากสิ่งที่เจ้าเล่าเป็นความจริง เช่นนั้นสิ่งพี่โม่พูดก็จะเป็นเรื่องโกหก…”

ตอนนี้คนเดียวก็ที่เธอเชื่อใจก็คือโม่เจ้า หากทุกอย่างที่เขาพูดมาเป็นเรื่องโกหก…เช่นนั้นโลกใบน้อยของเธออาจจะพังทลาย เธอจึงต่อต้านตามสัญชาตญาณ

พี่โม่…

ตี้ฝูอีกำหมัดเงียบๆ ทุกครั้งที่ได้ยินสองคำนี้จากปากนางเขาก็อยากทุบคน เขารำคาญสองคำนี้!

เขาไม่พูดไม่จา นั่งอยู่ตรงนั้น

กู้ซีจิ่วคอยอยู่ครู่หนึ่ง อันที่จริงเธอยังคาดหวังให้เขาพูดสักหน่อย ผลคือไม่พูดเลยจริงๆ

นี่ทำให้เธอโมโหอยู่บ้าง ริมฝากเล็กเม้มเข้าหากัน หลังจากย่างปลาสุกแล้วก็ไม่มอบให้เขา เป่าเองอยู่ตรงนั้น…

ตี้ฝูอียืดกายขึ้นยื่นมือไปหาเธอ “ย่างสุกแล้วหรือ? ให้ข้าได้ไหม? หิวจะตายแล้ว!”

กู้ซีจิ่วแกว่งปลาในมือ ไม่ได้ยื่นใส่มือเขา “เจ้าต้องโอ๋ให้ข้ามีความสุขก่อนแล้วจะมอบปลาตัวนี้ให้เจ้า”

“โอ้ เช่นนั้นต้องโอ๋อย่างไรเจ้าถึงจะมีความสุข?”

“เจ้าเล่าสิ่งที่เรียกว่าอดีตของข้ามาสักหน่อยดีหรือไม่?”

ตี้ฝูอีส่ายศีรษะอย่างแน่วแน่ “ไม่เล่า! เจ้าคิดเอาเองสิ!”

กู้ซีจิ่วโกรธแล้ว “ถ้าไม่เล่าปลากตัวนี้ก็ไม่ให้เจ้ากินแล้ว!”

ตี้ฝูอีมองปลาในมือเธอ จากนั้นก็มองเธอ “ข้าบอกแล้วไง ถ้าเจ้าไม่นึกให้ออกด้วยตัวเองเล่าไปก็ความทรงจำก็ไม่สลักลึก อีกอย่างเจ้าก็ไม่เชื่อข้าด้วย ข้าไม่อยากเปลืองน้ำลาย แต่ตอนนี้ข้าทั้งหิวทั้งกระหาย…”

กู้ซีจิ่วแย้งเขา “เจ้าไม่เล่าแล้วรู้ได้ยังไงว่าความทรงจำข้าจะไม่สลักลึก? ไม่แน่พอเจ้าเล่าข้าอาจจะนึกออกเลยก็ได้นะ?”

ตี้ฝูอีชะงักไปครู่หนึ่ง “หากข้าบอกว่าพี่โม่ของเจ้าคือคนที่ทำร้ายเจ้า เขาวางแผนทำให้เจ้าเสียความทรงจำเจ้าเชื่อหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วตะลึงงัน ตอบโต้ไปตามสัญชาตญาณ “เป็นไปไม่ได้! เจ้าหลอกลวงผู้อื่น!”

ตี้ฝูอีแบมือออก “ดังนั้นข้าจึงไม่มีอะไรจะพูด”

กู้ซีจิ่วเงียบไป เพลิงโทสะเธอโหมขึ้นมาอย่างน่าประหลาด “เจ้ายุแยงตะแคงรั่ว ปลาตัวนี้ข้าไม่ให้เจ้ากินแล้ว!” พลางกัดเองคำโต

ตี้ฝูอีเงียบไปแล้ว

อันที่จริงกู้ซีจิ่วแค่ขู่เขา ไม่ได้คิดจะกินปลาตัวนี้จนหมดจริงๆ ดังนั้นหลังจากกัดไปคำหนึ่งก็มองดูเขา

เมื่อเห็นใบหน้าและริมฝีปากที่ซีดขาวของเขาในใจพลันปวดร้าวขึ้นมาเล็กน้อย กระแอมคราหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ขอเพียงเจ้าเล่าอดีตที่แท้จริงให้ข้าฟังสักนิด ข้าก็จะยกปลากตัวนี้ให้เจ้า”

ตี้ฝูอีหลุบตายิ้มแวบหนึ่ง ลุกขึ้นทันที ทอดถอนใจเบาๆ คราหนึ่ง “ช่างเถอะ! ข้าลงไปจับปลาเองก็ได้ ข้าหิวมากจริงๆ และกระหยมากด้วย…” เรือนกายวูบไหว กระโจนลงไปในทะเลสาบเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้างทันที

กู้ซีจิ่วตั้งตัวไม่ทัน

เธอถือปลาตัวนั้นที่กัดไปแล้วสองคำไว้ค่อนข้างตกตะลึง

ความจริงแล้วเธอไม่หิวสักนิดเลย และไม่ได้อยากกินปลาตัวนี้ด้วย เพียงแค่โมโหเขาเท่านั้น กลับคาดไม่ถึงว่า…

เธอรออยู่ริมฝั่งสักพักแล้ว ก็ไม่เห็นเขาโผล่ขึ้นมา

—————————————————