บทที่ 1151+1152

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1151+1152 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 1151 ข้าไม่ต้องการ! ข้าไม่ได้ต้องการจริงๆ

เธอร้อนใจ ทนไม่ไหวตะโกนเรียกไปทางทะเลสาบ “นี่ เจ้าขึ้นมาเถอะ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเล่าอะไรอีกแล้ว ปลาตัวนี้ข้ายกให้เจ้า…”

ผ่านไปครู่หนึ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ น้ำในทะเลสาบนิ่งสงบไม่มีแม้แต่ระลอกคลื่น

‘เขาคงไม่ได้จมน้ำตายไปแล้วกระมัง!’

กู้ซีจิ่วหวาดกลัวขึ้นมา ตะโกนเรียกอีกหลายครั้งติดต่อกัน ก็ยังไม่เห็นตี้ฝูอีโผล่ขึ้นมาจากน้ำ

เขาดูเหมือนค่อนข้างอ่อนแอ หลายวันมานี้ เธอเห็นสีหน้าของเขาซีดเผือดยิ่งนัก หรือว่าจะไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว? ถ้ารู้ก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ เธอไม่ควรใช้วิธีการฉ้อฉลเอาปลานี้ไว้เพื่อข่มขู่เขาเลย…

เธอรู้สึกเสียใจภายหลัง ในที่สุดก็ทนไม่ไหว ตัดสินใจกระโดดลงไปในทะเลสาบ

น้ำในทะเลสาบไม่นับว่าลึกนัก เธอดิ่งลงไปสู่ก้นทะเลสาบด้วยความรวดเร็ว เมื่อปรับสายตาก็มองเห็นทัศนียภาพใต้น้ำได้อย่างชัดเจน

น้ำทะเลสาบใสมาก เธอมองเห็นปลาที่แหวกว่ายไปมาเหล่านั้นได้ชัดเจน แต่กลับมองไม่เห็นแม้แต่เงาของตี้ฝูอี

เธอเดินวนไปมาใต้ท้องทะเลสาบสามถึงสี่รอบก็ไม่พบสิ่งใด จึงกลับขึ้นฝั่งมา

เธอทั้งตื่นตระหนกและวุ่นวายใจ พยายามกวาดสายตามองไปทั่วทุกทิศทาง ทว่ามีเพียงตัวเธอภายในโลกเวิ้งว้างแห่งนี้…

ในมือยังคงถือปลาตัวที่ตนกัดไปแล้วไว้ ยืนอยู่ริมฝั่งน้ำตาเกือบไหลริน “นี่ เจ้าออกมาเถิด ปลาตัวนี้ ข้ายกให้เจ้าจริงๆ…”

ความคิดพลันแวบเข้ามาในสมอง ไม่รู้ด้วยเหตุอันใดถึงรู้สึกว่าเขาน่าจะเป็นคนรักความสะอาด และยังพูดต่ออีกหนึ่งประโยค “ข้าตกปลาอีกตัวให้เจ้าย่างก็ได้ อร่อยกว่าปลาตัวนี้ด้วย…”

ผลลัพธ์คือตี้ฝูอียังคงไม่ปรากฏตัว

หมอกรอบด้านเริ่มก่อตัวหนาขึ้น ค่อยๆ รวมตัวกันมาทางเธอ

เดิมที สถานที่แห่งนี้ยังคงมองเห็นศาลาขนาดย่อมและธารน้ำภูเขา น้ำในทะเลสาบกระเพื่อมไหว บัดนี้กลับจางหายไปดังภาพลวงตา เธอถูกหมอกหนากลืนหายไป ทุกอย่างกลายเป็นสีขาวโพลนสุดลูกหูลูกตาที่คุ้นเคยดังเดิม

เธอรู้สึกสับสนยิ่งนัก เขาคงไม่ได้ถูกฝังใต้ทะเลสาบนั้นไปแล้วกระมัง?

‘คงไม่ใช่หรอก? เขาเป็นคนมากความสามารถขนาดนั้น…’

ในห้วงแห่งความฝันหลายวันที่ผ่านมา เขาเป็นดังทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์คอยคุ้มครองข้างกายเธอ ขจัดปัดเป่าภยันตราย ไม่ทอดทิ้งและห่างไปไหน ไม่ว่าพบเจอความยากลำบากหรืออันตรายใดๆ ก็ช่วยเธอแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ในใจกู้ซีจิ่วรู้สึกว่าความสามารถของเขาสูงส่งกว่าโม่เจ้า มีความรับผิดชอบมากกว่าโม่เจ้า…

สองวันมานี้ เขาทุ่มเทเพื่อเธอมากมายขนาดนี้ วันนี้เพียงขอกินปลาตัวหนึ่ง เธอกลับไม่ให้เขากิน อีกทั้งยังเอามันมาข่มขู่เขาอีก…

กู้ซีจิ่วเสียใจอย่างหาที่เปรียบมิได้

นอกจากเสียใจแล้วเธอยังค่อนข้างรู้สึกผิด เธอไม่ได้ไม่อยากให้เขากินจริงๆ เพียงแค่อยากให้เขาเล่าเรื่องราวให้เธอฟัง แต่ผลสุดท้ายเขากลับหายสาบสูญไปเช่นนี้…

นี่คือสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในความฝันหลายวันมานี้ เธอไม่ยอมลดละ เริ่มล้มลุกคลุกคลานคลำหาในหมู่มวลเมฆหมอกทั่วทุกซอกมุม

ท่ามกลางหมอกหนาที่มืดสลัว มีเสียงเสียงหนึ่งส่งผ่านเข้ามาข้างหูเธอ “ซีจิ่ว เจ้าต้องคิดได้ด้วยตัวเอง ขอเพียงเจ้าตั้งจิตแน่วแน่ หมอกหนานี้จะพลันจางหาย เจ้าจะค้นพบตัวตนของเจ้าอีกครั้งหนึ่ง…”

เสียงนั้นลอยล่องเลือนราง เสมือนความคิดข้างหู ประหนึ่งกระแทกเข้ามาในจิตใจเธอ

เธอเบิกตากว้างในทันใด ‘เสียงของตี้ฝูอี!’

เขาไม่เป็นอะไร เขายังมาเตือนสติเธอ

นี่เขาจะจากไปแล้วหรือ?

ให้ตาย เหตุใดเขาจึงทอดทิ้งเธอไว้เช่นนี้?

“ข้าไม่ต้องการ ข้าไม่ได้ต้องการจริงๆ!” เธอร้องตะโกน

ทว่าไม่มีผู้ใดสนใจเธอ แม้แต่กระแสเสียงนั้นก็หายไปแล้ว

เธอรู้สึกหวาดกลัวและขุ่นเคืองที่ถูกทอดทิ้ง พึมพำกับตัวเองว่า “ข้าไม่ได้ต้องการจริงๆ ไม่ต้องการ!” ปากเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว แต่เนื่องจากคลำหาท่ามกลางหมอกหนามาเป็นเวลานานแล้ว เธอหวาดกลัว จึงเริ่มคิดอย่างอดไม่ได้…

———————————————

บทที่ 1152 ในที่สุดเจ้าก็รู้สึกได้เอง?

ทว่าเธอไม่คิดเสียยังดีกว่า เมื่อใดที่คิด อาการปวดหัวที่คุ้นเคยจะกำเริบขึ้นมาอีก กะโหลกศีรษะราวถูกสว่านเจาะทำลาย เธอเอามือกุมหัวย่อตัวลง ทนไม่ไหวร้องไห้ออกมา “ข้าไม่อยากคิด ปวดหัวยิ่งนัก…”

เธอนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นสักครู่หนึ่ง ไม่มีผู้ใดไยดีเธอ แม้เธอจะสิ้นหวัง ก็ต้องยืดหยัดลุกขึ้นเดินหน้าต่อไป

คนหลอกลวง! คนขี้งก! แค่ไม่ให้เขากินปลาก็ทอดทิ้งเธอไปแล้ว!

……

‘น่าแปลก ทำไมพอข้าคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาถึงได้ปวดหัว? ร่างโคลนนิ่งมีอาการแบบนี้ด้วยหรือ?’

‘ข้าสูญเสียความทรงจำอย่างที่ตี้ฝูอีพูดจริงหรือไม่?

‘พี่โม่หลอกข้าเข้าแล้ว…’

คำถามมากมายผุดขึ้นในใจเธอ เธอเหม่อมองหมอกหนาที่กระจายเต็มฟ้า

ความจริงหมอกหนารอบด้านเบาบางลงกว่าตอนแรกบ้างแล้ว มองเห็นสิ่งของในจุดที่ไกลสุดลูกหูลูกตาได้เลือนๆ ถึงแม้ของเหล่านั้นเลือนรางยิ่งนัก ทว่าก็เป็นความหวังเล็กๆ ของเธอ

สิ่งเหล่านั้นจะใช่ความทรงจำของเธอหรือไม่?

“ข้าจะต้องฟื้นคืนความทรงจำให้ได้” เธอตั้งมั่นกับตัวเอง! เป็นครั้งแรกที่เธอเร่งร้อนเรื่องความทรงจำขนาดนี้…

เธอมุ่งหน้าไปทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว

ระหว่างทาง เธอยังพบเจออุปสรรคต่างๆ มากมาย เช่นปีศาจร้ายที่จู่ๆ ก็กระโจนเข้ามา ทะเลเพลิงที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น ภูเขาสูงชันที่มีดาบปักอยู่ทั่วทุกหนแห่ง…

เคราะห์ดีที่หลายวันนี้ตี้ฝูอีในฝันสอนวิธีการรับมือกับสิ่งเหล่านี้ให้ เธอจึงนำมาใช้ทันที จึงนับว่าเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงแต่ไม่อันตราย

ในขณะที่กำลังมุ่งหน้าไป คนผู้หนึ่งพลันปรากฏกายขึ้นต่อหน้า

เธอชะงักฝีเท้า คนผู้นั้นคือหลงฟั่น

เขาโผเข้ามาประชิดข้างกายเธอ กระซิบเรียกว่า “ซีจิ่ว…”

กลิ่นศพเหม็นเน่าลอยมาแตะจมูก ตลบคลุ้งจนเธอเกือบจะเป็นลมล้มพับ! กู้ซีจิ่วทนไม่ไหว ตวัดฝ่ามือออกไป “เหม็นจะตายแล้ว ออกไป!”

เสียง ‘เพียะ’ ดังขึ้น เธอรู้สึกว่าตบเข้าไปเต็มใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม ในที่สุดหลงฟั่นก็หายตัวไป

กู้ซีจิ่วตกตะลึงทว่าโล่งใจ และไม่ได้หยุดยั้งฝีเท้าที่กำลังมุ่งไปด้านหน้า เธอเกือบเห็นภาพเลือนรางของทัศนียภาพตรงหน้าได้ชัดเจนแล้ว เธอไม่อยากให้ผู้ใดเข้ามาขัดขวางฝีเท้าที่มุ่งค้นหาความจริง…

เธอปวดหัวมากขึ้นเรื่อยๆ อดทนขบกัดริมฝีปากไว้แน่น

วันนี้เธอจะต้องสืบสาวราวเรื่องให้จงได้! ให้คนผู้นั้นรู้ว่า ต่อให้เขาไม่เล่าเรื่องราวความจริงให้เธอฟัง เธอก็สามารถค้นหาได้ด้วยตัวเอง เฮอะ!

ภายในห้องคุมขัง

ตี้ฝูอีถูกโม่เจ้าปลุกให้ตื่น วิธีการที่โม่เจ้าปลุกเขานั้นช่างง่ายดายทว่าโหดร้าย เพียงแค่เขย่าตรวนสลายวิญญาณนั่น ต่อให้เป็นคนที่ใกล้ตายก็กลับมามีชีวิตได้เพราะความเจ็บปวด

ดังนั้นตี้ฝูอีเหงื่อโซมทั่วทั้งใบหน้า ลืมตาเหลือบมองโม่เจ้าด้วยใบหน้าประหนึ่งพายุจะมาเยือน “เจ้ายังมีเรื่องอันใดอีก?”

เจ้าชั่วนี่เหตุใดจึงกลับมาเร็วเช่นนี้?! ทำให้เขาต้องทิ้งเด็กคนนั้นไว้ในห้วงแห่งความฝันเพียงลำพัง ดีที่ยังพอมีเวลาเหลือคำพูดทิ้งท้ายไว้ให้นาง…

โม่เจ้าพูดตรงไปตรงมา “เจ้าดูโรคแอบแฝงของข้าออกอย่างนั้นรึ?”

ดวงตาของตี้ฝูอีวาบไหวเล็กน้อย หัวเราะเบาๆ “ในที่สุด เจ้าก็รู้แล้วหรือ?”

โม่เจ้าแอบกัดฟัน “โรคแอบแฝงของข้าคืออะไร? หากเจ้าพูดได้ถูกต้อง ข้าจะปลดตรวนเหล่านี้ให้เจ้าครึ่งหนึ่ง”

ตี้ฝูอีหลุบตาลง ตอกกลับเขาไปสามคำ “ไม่สัตย์จริง!”

โม่เจ้าแทบอยากคว้าตรวนสลายวิญญาณขึ้นมาเขย่าอีกครา พูดอย่างเย็นชาว่า “หากเจ้ามีวิธีรักษา ข้าจะเอาตรวนสลายวิญญาณออกให้เหลือเพียงเส้นเดียว เส้นที่เหลือข้าจะปลดออกให้ทั้งหมด! เจ้าลองพูดมาก่อนว่าข้าเป็นโรคแอบแฝงอะไร?”

ตี้ฝูอีพิจารณาเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เอ่ยอย่างราบเรียบ “เพื่อแสดงความจริงใจ เจ้าปลดตรวนให้ข้าเส้นหนึ่งก่อนแล้วกัน”

โม่เจ้าชะงักไปสามอึดใจ และตอบรับด้วยความเต็มใจ จากนั้นควานหากุญแจดอกหนึ่งออกมา ปลดตรวนเส้นที่อยู่ระหว่างแขนกับข้อศอกก่อน ทำให้ตี้ฝูอีสามารถยืดแขนข้างนั้นได้เล็กน้อย

——————————————————