“นังหนู เจ้าทำหน้าเช่นนี้หมายความว่าอะไร ไม่รู้หรืออย่างไรว่าการได้รับคำแนะนำจากประมุขเทพ เป็นเรื่องที่มีเกียรติขนาดไหน เจ้าไม่เห็นใบหน้าอิจฉาของคนรอบข้างหรือ” อวิ๋นชิงเห็นสายตาของนังหนูก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

“เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าคิดเช่นนี้จริงๆ คงไม่ใช่เพราะว่าทุกคนต่างก็ให้การยอมรับว่าประมุขเทพจิ่งซู่เป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับ 1 เจ้าอิจฉา ก็เลยอยากให้ข้าออกหน้าจัดการเขา” หลิวหลีไม่เชื่อ จิตใจดีของหมอนี่ไม่มีทางจะดีขนาดนั้น แล้วก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าพลังในการต่อสู้ของพวกเขาสามีภรรยาเป็นอย่างไร จะต้องอยากดูคนอื่นลำบากแน่

“นังหนู ไม่ต้องพูดตรงขนาดนั้นได้ไหม เอาเถอะ ข้าไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขาจริงๆ เป็นผู้ชายแต่กลับทำตัวยิ่งกว่าผู้หญิง คนพวกนั้นก่อนนี้ข้าไม่พูดถึงแล้วกัน ข้าอยากจะเห็นตอนที่เขาจนมุม” พวกนั้นเป็นแค่ราชาเทพธรรมดา เทียบกับนังหนูผู้เป็นว่าที่เทพที่แท้จริงไม่ได้ ตอนที่นางอยู่ในตำแหน่งเทพสวรรค์ นางก็สามารถจัดการกับคนในตำแหน่งแม่ทัพเทพได้อย่างราบคาบ ตอนนี้เป็นราชาเทพ จัดการกับประมุขเทพคงจะไม่ใช่ปัญหาอะไร บวกกับเขาเป็นคนที่สนใจแต่รูปลักษณ์ภายนอกมากกว่าการฝึกฝนบำเพ็ญ ไม่ต้องสนใจเรื่องผลชนะ แค่รอดูอีกฝ่ายหน้าแหกได้เลย

“ดู สีหน้าที่รอเห็นคนอื่นตกทุกข์ได้ยากของเจ้าสิ จะว่าไป เจ้ายืนอยู่ข้างข้า ไม่รู้สึกว่าสายตาของราชาเทพพวกนั้นขัดหูขัดตาหรือ ช่วยเก็บอาการหน่อย ถึงแม้สิ่งที่เจ้าพูดจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม” หลิวหลีเหลือบมองอวิ๋นชิง

“ไม่รู้สึกอะไร พวกเขาไม่ได้มองข้าสักหน่อยแต่มองเจ้าชัดๆ ได้รับคำแนะนำจากประมุขเทพเป็นเรื่องที่โชคดีมากทีเดียว” อวิ๋นชิงไม่ได้รู้สึกกดดันแม้แต่น้อย คนที่ควรจะกดดันควรเป็นคนที่ยืนพูดจาเหน็บแนมเจ้านายตัวเองข้างๆเขาผู้นี้

“อาจเพราะข้าเป็นนักปรุงยาที่อ่อนแอ แต่หากประมุขเทพหมื่นพฤกษาให้เกียรติขนาดนี้ พวกเราลองฝึกซ้อมกันก็ได้” หลิวหลีเชิญชวน หากไม่เผานางจนต้องเปลี่ยนทรงผม จะไม่ยอมรามือ

“เอ่อ มีประมุขเทพจิ่งซู่อยู่ ข้าจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งแล้วกัน เพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นแขก จะทำตัวโดดเด่นกว่าเขาคงไม่ดีนัก ยิ่งไปกว่านั้นข้าเป็นคนถ่อมตัว จะให้แสดงความสามารถต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเราฝึกซ้อมกันเองก็พอแล้ว” อวิ๋นชิงพูดประจบประแจง ตอนนี้เขายังรู้สึกว่าเส้นผมของเขามีกลิ่นไหม้ลอยโชยมา หากประลองต่อหน้าทุกคนล่ะก็ ไม่รู้ว่าผมของเขาจะออกมาเป็นทรงไหน

“ฝึกซ้อมกันส่วนตัว อย่าเลย เจ้าเป็นถึงประมุขเทพหมื่นพฤกษาที่ทุกคนนับถือ เรื่องที่ทำให้คนอื่นซาบซึ้งใจอย่างให้คำแนะนำ เจ้าจะอ่อนน้อมถ่อมตนได้อย่างไร เจ้าไม่เห็นหรือว่าพวกราชาเทพกำลังมองมาที่เจ้าอยู่งั้นหรือ เจ้าทำให้พวกเขาผิดหวังได้ลงคอหรือ” อยู่ๆเสียงของหลิวหลีก็ดังขึ้น ทุกคนเหมือนได้ยินว่าประมุขเทพหมื่นพฤกษาก็จะให้คำแนะนำเช่นกัน ต่างมองเขาด้วยดวงตาเปล่งประกาย หวังว่าจะโชคดีเป็นคนที่ถูกเลือก

“นังหนู เจ้าตั้งใจแกล้งข้า” อวิ๋นชิงพูดลอดไรฟัน นังหนูคนเจ้าคิดเจ้าแค้นเอ้ย

“เห็นอะไรก็เลียนแบบอย่างนั้น” หลิวหลีตอบกลับ

“นังหนู เจ้าไม่แกล้งข้าได้ไหม เจ้ามองดูสายตาที่มีแต่ความจริงใจของข้าสิ เจ้าทำได้ลงคอหรือ” อวิ๋นชิงกระพริบตาปริบๆ หลังจากพูดคุยกับพ่อของเขาแล้ว อยู่ๆในใจก็เริ่มหวาดกลัวแปลกๆ ไม่กล้าลงมือกับนังหนูคนนี้ ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ นิสัยของนังหนูคนนี้ข่มเขาได้เป็นอย่างดี บางครั้งเขาก็คิด ทำไมคนธาตุน้ำกับคนธาตุไฟถึงเป็นสามีภรรยากันได้ อีกทั้งยังเป็นสามีภรรยาที่สามัคคีปรองดองกัน คาดว่าเพราะนิสัยใจร้อนของนังหนูคนนี้ จำเป็นต้องมีคนใจเย็นมาอยู่ด้วยเพื่อให้ความสมดุลกัน

“ทำได้สิ ข้ามองไม่เห็นออกความจริงใจอยู่ตรงไหน แต่อย่างไรเสียตอนนี้เจ้าก็เป็นหัวหน้าของข้า จะทำให้เจ้าขายหน้ามากไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคนในฐานะลูกน้องอย่างข้าก็คงจะไม่สุขสบายเท่าไร เพื่อที่จะขอพึ่งพิงอย่างสุขสบาย พออยู่ต่อหน้าทุกคนข้าก็จะฝืนใจปล่อยเจ้าไป” หลิวหลีไม่ตกหลุมพรางนี้หรอก

“อะไรนะ ประมุขเทพหมื่นพฤกษา ท่านบอกว่าให้คำแนะนำไม่ได้หรือ เพื่อความยุติธรรม จะตัดสินโดยให้คนพวกนี้จับสลาก ท่านเป็นคนทำสลาก ให้พวกเขาจับเอง แล้วให้คำแนะนำเป็นการส่วนตัว” หลิวหลีตะโกน เพื่อให้ทุกคนได้ยินจนอวิ๋นชิงถึงกับสะดุ้ง

อวิ๋นชิงนำรายชื่อทุกคนเรียงออกกลางอากาศอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ทันใดนั้น รายชื่อพวกนั้นก็มีแสงเปล่งประกายออกมาน้อยๆ

“เดี๋ยวเรื่องนี้ข้าจะอาสาทำเอง” หลิวหลีพูดจบ ก็ลากรายชื่อไปให้พวกเขาเลือกมาหนึ่งรายชื่อ ให้พวกเขาเลือกออกมาหนึ่งรายชื่อ แต่รายชื่อที่ปรากฏออกมาคือหลิวหลี

“โถ คิดไม่ถึงว่าข้าจะโชคดีขนาดนี้ จะได้รับคำแนะนำเป็นการส่วนตัว รบกวนขอคำชี้แนะจากท่านด้วย ท่านประมุขเทพหมื่นพฤกษา” หลิวหลีเอ่ยพลางแสร้งทำท่าทางประหลาดใจ แล้วพูดประโยคหลังอย่างชัดถ้อยชัดคำพร้อมแววตาที่ประสงค์ร้าย อวิ๋นชิงเสียวสันหลังวาบ แต่เขาก็มั่นใจว่ารายชื่อพวกนี้เขาเป็นคนเอง นังหนูคงไม่ได้ลากรายชื่อพวกนี้ไปเล่นตุกติกใช่ไหม สมแล้วที่เป็นคนที่ไม่ธรรมดา

“พูดมาเถอะ เจ้าเล่นตุกติกอย่างไร” อวิ๋นชิงไม่เข้าใจว่านังหนูทำออกมาได้อย่างไร

“ง่ายมาก ข้าเป็นคนทำให้ไม่ใช่หรือ รายชื่อบนนั้นต่างก็มีกลิ่นอายพลังของข้า ไม่ว่าใครจะเป็นคนหยิบมา ไม่ว่าข้างในจะเป็นชื่อใคร ก็จะเปลี่ยนเป็นชื่อข้า เป็นอย่างไร ข้าทำดีใช่ไหมล่ะ” หลิวหลีหัวเราะอย่างเบิกบานใจ

“ทำดีจริงๆ หากว่าข้าเป็นคนลงมือล่ะ เจ้าจะโกงได้อย่างไร?” ใครจะไปนึกได้ว่า คิดไม่ถึงว่านังหนูคนนี้จะกล้าโกงต่อหน้าต่อตา แถมยังอธิบายเป็นฉากๆ อวิ๋นชิงอดถามอย่างตรงไปตรงมาได้

“ไม่ใช่เรื่องยากอะไรจริงๆ ประมุขเทพหมื่นพฤกษา สมองของท่านโดนหมาคาบไปกินแล้วหรือ หรือว่าช่วงนี้นินทาประมุขเทพจิ่งซู่มากเกินไป เลยกลายเป็นพวกเดียวกันไปแล้ว ขอแค่ในอากาศมีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับไฟ ข้าควบคุมได้ทั้งหมด” หลิวหลีเอ่ยอย่างเหยียดหยาม แต่นางกลับพูดออกมาครึ่งเดียว นางสามารถควบคุมทุกอย่างได้หมด เพียงแต่ชำนาญในการควบคุมเพลิงมากกว่าเท่านั้น

เอาเถอะ สมแล้วที่เป็นว่าที่เทพที่แท้จริง พูดจากระแทกใจคนขนาดนี้ มีความมั่นใจขนาดนี้ ขนาดเขายังไม่กล้าพูดเช่นนี้เลย

“นังหนู อย่าเพิ่งได้ใจไป” เดี๋ยวจะถูกฟ้าผ่าได้นะ

“เรื่องนี้ก็ไม่แน่นะ อย่างข้าเรียกว่ามีความมั่นใจ อีกอย่าง รบกวนขอคำแนะนำด้วย ประมุขเทพหมื่นพฤกษา ได้รับคำแนะนำจากท่าน ถือว่าเป็นวาสนาของหลิวหลีแล้ว” หลิวหลีแสร้งทำซาบซึ้งแล้วพูดขึ้น

“เหอะๆ ไม่กล้า ไม่กล้า” ยังไม่รู้ว่าใครจะให้คำแนะนำใครด้วยซ้ำ ดูสายตาของนังหนูคนนี้ เอาเถอะ ทรงผมของเขาถือว่าเจอเรื่องร้ายแล้ว อยู่ๆเขาก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา เพราะเกิดเรื่องอะไรกันแน่ คิดไม่ถึงว่าจะยั่วโทสะนังหนูที่ใจแคบคนนี้เข้า

“อย่าเลย ท่านเป็นถึงประมุขเทพเชียวนะ” หลิวหลีพูดคำว่าประมุขเทพอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“เจ้ากำลังล้อข้าเล่นหรือ นังหนู แต่ว่าข้าควรขอบคุณเจ้า ที่เจ้าไม่ทำให้ข้าต้องขายหน้า” อวิ๋นชิงพูดอย่างเกรงใจ เขาก็เป็นคนหวงหน้าตัวเองเหมือนกัน

“แต่ทว่า ทำไมพวกเขาถึงยังไม่เริ่มกันอีก?” หลิวหลีขมวดคิ้ว พวกเขาทางนี้คุยกันจนเสร็จแล้ว แต่ว่าตัวเอกทางนู้นยังไม่ทันได้เริ่มกันเลย?

“เอ่อ ข้าลืมบอกไป ประมุขเทพจิ่งซู่ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกจนเกินไปเท่านั้น แต่ก็ยังชอบให้ทุกคนให้ความสนใจกับเขาด้วย หากว่าทุกคนไม่ได้มองไปที่เขา เขาจะไม่เคลื่อนไหว เมื่อครู่เจ้าโวยวายเช่นนี้ ทุกสายตาจ้องเจ้า ฝั่งนั้นจะเริ่มลงมือกันได้อย่างไร” อวิ๋นชิงนึกขึ้นมาได้ในทันที จิ่งซู่ยังมีความชื่นชอบที่แปลกประหลาดอยู่อย่างหนึ่ง

“คนแบบนี้ยังสามารถบำเพ็ญจนบรรลุขอบเขตประมุขเทพได้ คิดไม่ถึงว่าคนกลุ่มนั้นยังหวังจะได้รับคำแนะนำจากเขา หรือว่าทุกคนจะให้ความสำคัญกับหน้าตา น่าคิดจริงๆ” หลิวหลีแขวะ

อวิ๋นชิงไม่ตอบ แต่เขากำลังคิดถึงความเป็นไปได้ของเรื่องนี้ ก็พบว่าเป็นไปได้อย่างมากทีเดียว

……………………………..