ตอนที่ 114 นาทีเฉียดตาย

ต้องการให้นางปล่อยฉีเฉิงเฟิงงั้นหรือ? ไม่มีทางเสียหรอก!

ซูหวานหว่านกัดฟันกรอด เด็กสาวพยายามครุ่นคิด พลันใดก็มีเสียงตาเฒ่าฮวงดังขึ้น “พ่อหนุ่มตระกูลสือ เจ้ากล้ามากที่หมายเอาชีวิตลูกศิษย์ของข้า! ไร้สาระเสียเหลือเกิน! หากข้ามีโอกาสเข้าไปในเมืองเมื่อใด เรื่องนี้จะต้องถึงหูพ่อของเจ้า!”

เมื่อสิ้นเสียง เข็มสีเงินเล่มบางก็ถูกโยนออกมาจากแขนเสื้อของชายชรา แทงเข้าที่ข้อมือสือเฉิงชุน!

ร่างกายของชายหนุ่มพลันไร้เรี่ยวแรง มีดภายในมือร่วงตกลงสู่พื้น

ซูหวานหว่านฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายกำลังเผชิญหน้าอยู่กับฮวงเหล่าพาตัวฉีเฉิงเฟิงหลบเข้าไปในมิติฟาร์ม จากนั้นนางจึงลุกขึ้นยืนพุ่งตัวเข้าไปคว้ามีดของสือเฉิงชุนที่ทำร่วงหล่นบนพื้นและพุ่งตัวเข้าไปหาเขา!

สือเฉิงชุนยื่นมือออกไปหมายป้องกันตัวเอง ทั้งสองเริ่มต่อสู้กันอย่างดุเดือด ฮวงเหล่าเองก็อยากจะช่วยผู้เป็นลูกศิษย์ ทว่าชายชราก็ต้องการลอบสังเกตความสามารถของเด็กสาวด้วย จึงเลือกมองดูอยู่ด้านข้างแทน

ทั้งสองต่อสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร ราวกับว่าไม่เจ้าก็ข้าต้องตายกันไปข้าง!

สือเป้ยเอ๋อร์ลุกขึ้นมา นางมองลงไปยังด้านล่างหน้าผาก็พบต้นไม้เขียวชอุ่มและฝูงนกที่ส่งเสียงร้องไม่หยุด “ซูหวานหว่าน! เจ้าช่างใจดำอำมหิตนัก! เจ้าปล่อยมือเขาจริง ๆ หรือ! เจ้าทำให้ฉีเฉิงเฟิงต้องตาย!”

หลังพูดจบนางก็เวียนหัวเป็นลมล้มพับไป

ฮวงเหล่าเหลือบมองชั่วครู่ ชายชราหยิบขวดกระเบื้องเล็ก ๆ ที่ร่วงจากมือนางขึ้นมา เขาใช้เข็มสีเงินเจาะเข้าไปในขวด เมื่อถูกกระตุ้นหนอนพิษกู่เหล่านั้นก็ดิ้นทุรนทุราย ทว่าพิษกู่ที่สือเป้ยเอ๋อร์กินเข้าไปยังอยู่ในร่างกายของนาง มันเคลื่อนไหวไปทั่วทั้งร่างของหญิงสาว ส่งผลให้สือเป้ยเอ๋อร์ฟื้นและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

เมื่อได้ยินเสียงร้องด้วยความทรมานของผู้เป็นน้องสาว สือเฉิงชุนที่กำลังต่อสู้อยู่กับซูหวานหว่านพลันเสียสมาธิและพลาดท่าถูกมีดจ่อเข้าที่หน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจ ทว่าก่อนที่จะลงมือ เด็กสาวกลับลดมีดลงและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ข้าเชื่อว่าสือเป้ยเอ๋อร์คืออดีตคู่หมั้นของฉีเฉิงเฟิง ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่เจ้าต้องพาน้องสาวของเจ้าไสหัวออกไปจากที่นี่เสีย!”

นางไม่ได้ต้องการชีวิตเขางั้นหรือ? ทว่าเขาต้องการฆ่านาง! แต่ไม่ว่าอย่างไรเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีชายชราสองคนที่จ้องมองอยู่ ชายหนุ่มจึงจำต้องซ่อนความคิดเหล่านี้เอาไว้และเอ่ยขอบคุณหญิงสาว

สือเฉิงชุนอุ้มร่างน้องสาวของตน กระโดดขึ้นสูงอยู่หลายคราและจากไปอย่างรวดเร็ว

ฮวงเหล่าก้าวเท้าเข้าไปหาซูหวานหว่านพร้อมยื่นขวดทั้งสองให้กับนาง “ในร่างกายของสือเป้ยเอ๋อร์ยังมีพิษกู่ปลุกเสกวนเวียนอยู่ หากนางมารังควานเจ้าอีกในอนาคต เจ้าสามารถใช้พิษเหล่านี้จัดการนางได้!”

“เจ้าค่ะ” เด็กสาวรับคำ จากนั้นก็ออกเดินทางไปยังหลุมศพต่อ

ดอกท้อเบ่งบานทั่วทุกหนแห่ง ทันทีที่ย่างเท้าเข้าไปกลีบดอกก็ร่วงโรยลงกระทบไหล่ของพวกเขา บรรยากาศรอบข้างชวนให้รู้สึกลุ่มหลง ทว่าหัวใจของเด็กสาวกลับเต็มไปด้วยความกังวล

ฮวงเหล่ารู้ทันความคิดของซูหวานหว่านจึงเอ่ยว่า “เจ้าลงไปหาพ่อหนุ่มนั่นเถอะ ข้าจะไปที่หลุมฝังศพกับป๋ายเหลาเอง”

“ไม่จำเป็น ชายไร้หัวใจเช่นเขาสมควรตายแล้ว” แม้ริมฝีปากจะเอ่ยเอื้อนออกมาเช่นนั้นก็ตาม แต่เพราะว่าฉีเฉิงเฟิงอยู่ในมิติฟาร์มของนางและเขาปลอดภัยดี ดังนั้นเด็กสาวจึงได้กล้าพูดออกไป

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซูหวานหว่านจึงสั่งให้หลิงเชอดูแลฉีเฉิงเฟิงไปก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย แต่วิธีการดูแลของหลิงเชอทำให้ฉีเฉิงเฟิงเกิดอาการตื่นตระหนกนัก

ณ มิติฟาร์ม

ฉีเฉิงเฟิงรู้สึกตัวได้ทันทีว่ามีบางสิ่งกำลังเกาท้อง แขน และขาของเขาอยู่ ทว่าเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด กลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังนวดจุดให้เขา ทำให้รู้สึกสบายตัวอย่างมาก

ชายหนุ่มพยายามลืมตาขึ้นมา เมื่อลืมตาขึ้นก็พบกับก้อนขนปุยสีขาวสองตัวกำลังกระโดดไปมาบนหน้าท้องของเขา

เมื่อลืมตามองชัด ๆ ก็พบว่าเป็นจิ้งจอก 2 ตัว จิ้งจอกน้อยเหล่านี้ไม่หวาดกลัวว่าตนจะปองร้ายมัน อีกทั้งยังใช้หางปัดหน้าของฉีเฉิงเฟิงเล่นอีก

ฉีเฉิงเฟิงดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ชายหนุ่มอยู่ในอาการตกตะลึงอยู่ชั่วครู่

เขายืนอยู่บนพื้นที่ราบ รอบกายเต็มไปด้วยดอกไม้ป่าเล็ก ๆ หลากหลายสีสัน ราวกับจมอยู่ท่ามกลางทะเลดอกไม้

ฉีเฉิงเฟิงกวาดสายตามองรอบ ๆ และก็พบกับกระท่อมหลังหนึ่ง

ด้วยร่างกายที่ยังไม่ฟื้นคืนสภาพ จึงได้แต่เดินตุปัดตุเป๋ไปยังกระท่อมหลังนั้น ด้านหลังยังมีจิ้งจอกสองตัวเดินตามมา ด้วยบุรุษหนึ่งคนและจิ้งจอกสองตัว ช่างเป็นสิ่งที่ลงตัวและสวยงามยิ่งนัก

เมื่อเปิดประตูเข้าไป ชายหนุ่มก็เห็นเด็กหนุ่มดวงตาสีเขียวคนหนึ่งกำลังดื่มน้ำจากถ้วยกระเบื้อง เด็กคนนั้นยังคงดื่มน้ำต่อและไม่ได้เอ่ยคำใดเพียงแต่มองฉีเฉิงเฟิงนิ่ง ๆ ราวกับล่วงรู้อยู่แล้วเขาจะเดินเข้ามา ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “เสี่ยวซาน[1] เจ้าก็หน้าตาใช้ได้นะ แต่เพียงเพราะโดนพิษกู่เลยทำให้เจ้าทำเรื่องโง่ ๆ ลงไปโดยไม่รู้ตัว”

“เจ้ารู้ได้อย่างไร? แล้วเสี่ยวซานคืออะไร?” ฉีเฉิงเฟิงถามออกมา

หลิงเชอไม่ได้ตอบคำถามฉีเฉิงเฟิง ทว่าได้ยื่นน้ำให้ฉีเฉิงเฟิงดื่มหนึ่งถ้วย เด็กหนุ่มพาอีกฝ่ายไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง พร้อมกับหยิบจอบให้ฉีเฉิงเฟิงแล้วพูดว่า “เจ้าเห็นทุ่งผักกาดขาวตรงนั้นหรือไม่? ไปกำจัดวัชพืชซะ! จากนั้นก็ดูแปลงพริกที่อยู่ตรงนั้นด้วยว่าแก่หรือยัง หากแก่แล้วก็เก็บมันมาด้วย อีกครึ่งชั่วยามข้าจะกลับมาดูเจ้าอีกครั้ง และจะนำยาศักดิ์สิทธิ์มาให้เจ้า พร้อมบอกวิธีที่ทำให้เจ้าออกไปจากที่นี่”

ฉีเฉิงเฟิงได้รับจอบมาและจำใจทำตามคำสั่ง ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบบ้านเรือนของผู้อื่น เขาจึงต้องตกปากรับคำเพราะทำอะไรไม่ได้ และชายหนุ่มก็ยังไม่รู้ว่าตนเองนั้นอยู่ในมิติฟาร์มของซูหวานหว่าน

ซูหวานหว่านที่ถอดจิตเข้ามาในมิติฟาร์มก็เห็นฉีเฉิงเฟิงกำลังก้มหน้าก้มตาถอนวัชพืช นางเรียกจึงเรียกหาหลิงเชอ “ข้าบอกให้เจ้าดูแลฉีเฉิงเฟิง! เหตุใดเจ้าสั่งให้เขาไปทำงานเช่นนั้น?”

“แล้วมันจะทำไม!” หลิงเชอพูดขึ้น “ยิ่งเขาตั้งใจทำงานในมิติฟาร์มมากเท่าใด เจ้าก็จะได้รับคะแนนมากขึ้น รอให้เขาได้รับคะแนน 10 คะแนนก่อน เจ้าก็จะสามารถเปลี่ยนคะแนนเหล่านั้นเป็นยารักษาและนำให้เขากินได้ นับว่าเป็นเรื่องดีต่อเขา”

เหตุผลนี้ไม่อาจจะตำหนิได้เลย

ซูหวานหว่านยืนอยู่บนภูเขา และตอนนี้นางยังไม่สามารถนำตัวฉีเฉิงเฟิงออกมาได้ พอคิดได้แบบนี้นางก็ถอดจิตตัวเองออกมาจากมิติฟาร์ม

ณ ขณะนี้นางก็เดินมาถึงสถานที่ที่หนึ่งกับฮวงเหล่าและป๋ายเหลาที่กำลังเล่าเรื่องเกี่ยวกับหลุมฝังศพนี้ ซูหวานหว่านเลือกที่จะฟังอยู่เงียบ ๆ ซึ่งผ่านไปไม่นานพระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้า และทั้งสามจึงเตรียมตัวที่จะเดินทางกลับ

เมื่อซูหวานหว่านเห็นพวกหญ้าขึ้นรกบนศิลาหน้าหลุมศพ นางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่และกำลังจะคิดกำจัดวัชพืชที่มันขึ้นรกตามป้าย แต่เมื่อดึงออกมาก็พบว่ามันเป็นหลุมขนาดใหญ่!

ในนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากกล่องเก็บเถ้ากระดูก!

ฮวงเหล่าเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกโกรธเคืองจนต้องกระทืบเท้าลงบนพื้น

ซูหวานหว่านลองตรวจสอบดินบริเวณโดยรอบ ก็พบว่าสถานที่แห่งนี้ถูกบุกรุกน่าจะราว ๆ สามเดือนได้แล้ว

“ท่านอาจารย์ มีอะไรอยู่ในนี้?” ซูหวานหว่านถาม

“ข้างใน… ไม่มีอะไร” ฮวงเหล่าเอ่ยออกมาอย่างโกรธจัด ชายชราเรียกป๋ายเหลามาช่วยกันขุดหลุมกลบหน้าดินทันที และเดินทางกลับ

เช้าวันรุ่งขึ้น

เมื่อซูหวานหว่านตื่นขึ้นมาในตอนเช้า นางก็เห็นเพียงจดหมายที่ชายชราทิ้งเอาไว้ให้

ฮวงเหล่าไม่ได้บอกว่าเขาจะไปที่ไหน บอกแค่ว่าอีกครึ่งปีจะกลับมา

ซูหวานหว่านถือจดหมายฉบับนั้นเอาไว้ เมื่อเดินออกมาก็พบว่าลานในบ้านเงียบมาก

ในลานบ้านตอนนี้นอกจากเสี่ยวเฮ่ยแล้วก็มีนางเท่านั้น ซึ่งอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องที่ฉีเฉิงเฟิงตกลงมาจากหน้าผาเมื่อวานนี้

นางสามารถนำฉีเฉิงเฟิงออกมาจากมิติฟาร์มได้แล้ว

หลังจากคิดได้เช่นนี้ ซูหวานหว่านก็ถอดจิตเข้าไปในมิติฟาร์มและเห็นภาพที่ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจ

สวนถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ มีต้นกุหลาบสองสามต้นถูกปลูกไว้บนรั้ว มีทางระบายน้ำถูกขุดขึ้นในลาน ไม้ไผ้ยาวถูกผูกติดกับรั้วด้านตะวันออก ปากกระบอกไม้ไผ่ถูกปิดเอาไว้โดยส่วนอื่นของไม้ไผ่

ซูหวานหว่านดึงไม้ไผ่ออก พลันใดน้ำก็ไหลออกมา

หญิงสาวตกใจมาก หลิงเชอเป็นคนขี้เกียจ เขาต้องไม่ใช่คนทำอย่างแน่นอน บางทีอาจจะเป็นฉีเฉิงเฟิงที่เป็นคนทำมันขึ้นมา!

นางได้ยินเสียงน้ำไหลมาจากอีกทางด้านหนึ่งซึ่งมีประตูปิดไว้ ซูหวานหว่านจึงเปิดประตูออก และต้องพบกับฉากที่หอมหวาน… ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ เส้นผมยาวถูกปล่อยลงมาคลอเคลียแผ่นหลัง ร่างกายเปลือยเปล่าเผยให้เห็นไหล่กว้างเป็นสง่า มีหยดน้ำเกาะติดอยู่ตามแผงอกกำยำและลำคอ เมื่อเห็นภาพนี้มันทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก

ซูหวานหว่านหยุดคิดไปครู่หนึ่ง เมื่อกำลังจะก้าวจากไป จู่ ๆ ชายผู้นั้นก็ลืมตาขึ้น ฝ่ายเดินเข้ามาและกอดหญิงสาวเอาไว้ในอ้อมแขนของตนเอง สายตาที่มองมานั้นร้อนแรงแผดเผา “เจ้าจะหนีไปที่ใด?”

—————————————————————————————–

[1] 小三 xiao3 san1 หรือ น้องสามเป็นภาษาแสลงของจีน แปลว่า “มือที่สาม”