บทที่ 458
บทที่ 458
ลูกศรที่ยิงออกมาจากด้านบนของกำแพงเมืองไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อชายหนุ่มมากนัก เมื่อเขาเกือบถึงด้านล่างของเมือง ถังหยินก็พลันกระโดดลงจากหลังม้าและรีบเดินไปข้างหน้า
พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนคนหนึ่งสามารถเร็วได้ขนาดนี้ กองทัพเปิงที่อยู่ด้านบนสุดของกำแพงเมืองต่างก็ตกใจมากจนใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป ก่อนที่จะได้สติและหันมาขว้างปาสิ่งของใส่ชายหนุ่มกันอย่างขันแข็ง
มาตอนนี้ทั่วร่างของถังหยินก็ได้ปกคลุมไปด้วยชุดเกราะสีดำ ทำให้ดูราวกับเทพมรณะที่คลานออกมาจากนรก และพร้อมที่จะพรากชีวิตของใครก็ตามที่ขวางอยู่เบื้องหน้าด้วยเคียวในมือที่มีเปลวไฟสีดำลุกไหม้ติดอยู่
ขณะที่เคียวถูกเหวี่ยงออกไป ทหารที่อยู่ข้างหน้าเขาก็พลันถูกตัดขาดเลือดกระเซ็นไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ซากศพกระจัดกระจายอยู่บนพื้นและเกิดหมอกสีขาวลอยขึ้นมาจากพื้นดิน
“อา ?” เมื่อเห็นถังหยิน พวกเปิงก็พากันร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะหยิบง้าวขึ้นมาเล็งไปที่ร่างของถังหยิน !!
การโจมตีแบบนี้ไม่ถือเป็นภัยคุกคามใด ๆ ต่อถังหยิน เขาไม่แม้แต่จะกะพริบตา ชายหนุ่มยังคงยืนเช่นนั้นและแกว่งไปมาตามแรงกระแทกทางซ้ายและขวาอย่างไม่หยุดนิ่ง
โดยไม่รอให้ทหารเปิงถอนง้าวออก เคียวในมือของถังหยินก็พลันตวัดอย่างรุนแรง มันเฉือนไปทางซ้ายและเท้าขวา ทำให้ทหารหลายนายได้รับบาดเจ็บจนก้าวถอยหลังไปก้าวก่อนจะทรุดลงกับพื้น
“ถังหยิน มาสู้กับข้า !!” หลังจากสิ้นเสียงคำราม แม่ทัพเปิงนายหนึ่งก็พลันวิ่งตรงเข้ามาพร้อมหอกในมือ ก่อนที่จะเสือกแทงอาวุธนั่นออกไป 3 ครั้งติดโดยไม่พูดอะไร
อีกฝ่ายเร็วมาก แต่ถังหยินเร็วกว่า ! ร่างของชายหนุ่มหายวูบไปแล้วมาปรากฏอีกครั้งที่ด้านหลังของผู้ถือหอก ก่อนที่เคียวในมือของเขาจะตัดไปที่เอวของศัตรูจนขาดกลางออกจากกัน
ถ้าเป็นคนอื่น บางทีพวกเขาคงไม่สามารถหลบการโจมตีที่สิ้นหวังเช่นนี้ได้ อย่างไรก็ตามถังหยินเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืด ดังนั้นเขาจึงมีวิชาที่แปลกประหลาดมากมาย !
….หลังจากจัดการไปหนึ่ง อีกหนึ่งก็พลันเข้ามา แม่ทัพเปิงผู้นั้นกวาดสะบัดดาบมาแต่ไกล บีบให้ถังหยินจำต้องเปลี่ยนร่างตนเองกลายเป็นหมอกดำหลบหลีกในฉับพลัน
ผู้ใช้ศาสตร์มืดช่างแปลกจริง ๆ! คู่ต่อสู้คิดพลางกัดฟันแน่นและพุ่งเข้าหาถังหยินอีกครั้ง
แต่คราวนี้ถังหยินไม่ได้ให้โอกาสอีกต่อไป ชายหนุ่มใช้ตวัดเคียวในมือหมายเกี่ยวลำคอของอีกฝ่าย หากแต่คนผู้นั้นก็ว่องไวมากพอที่จะลดศีรษะลง…
พลั่ก !
ถังหยินเตะเข้าที่ข้อเท้าของแม่ทัพแคว้นเปิง ทำให้อีกฝ่ายกรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดและล้มลงกับพื้น เปิดช่องให้ถังหยินเตะซ้ำอีกคราอย่างแรก ส่งให้ร่างกายของแม่ทัพนายนั้นลอยอยู่ในอากาศ
โครม !!
ท่ามกลางเสียงอึกทึก ร่างของแม่ทัพเปิงได้ล้มคว่ำลงทับทหารเปิงกว่าหนึ่งโหล !!
แม่ทัพเปิงนายนั้นพยายามลุกขึ้น แต่ทันใดนั้นเขาพลันพบว่าโลกพลิกหมุนกลับอย่างฉับพลัน ก่อนที่จะมีโลหิตไหลทะลักออกมาจากปากและล้มลงอีกครั้ง
ถังหยินไม่คิดปล่อยไว้ เขาถือเคียวสีดำไว้ในมือแล้ววิ่งเข้าโรมรัน ตวัดซ้ายกวัดแกว่งขวา ทำให้ทหารเปิงล้มตายราวกับใบไม่ร่วง และเมื่อมาถึงหน้าแม่ทัพที่ล้มนอนอยู่ เขาก็พลันฟาดฟันเคียวลงไปอย่างไม่ปราณี !!
“ถ้าอยากตายนัก ข้าจะสงเคราะห์ให้ !” ในขณะที่พูด เปลวไฟแห่งความมืดก็พลันถูกจุดขึ้นบนฝ่ามือของถังหยิน ก่อนเปลวไฟจะลุกไหม้จากคอของแม่ทัพผู้โชคร้ายไปจนทั่วร่างของอีกฝ่าย
…ภายใต้การเผาของมัน เกราะปราณบนร่างอีกฝ่ายพลันสลายหายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนไฟจะเข้าเผาร่างของแม่ทัพเปิงผู้นั้นอย่างโหดร้าย
“อ๊า” แม่ทัพเปิงเพียงแค่กรีดร้องสั้น ๆ ก่อนที่หัวของเขาจะร่วงหล่นลง …อีกฝ่ายเสียชีวิตอย่างน่าเศร้าภายใต้การเผาไหม้ของเปลวไฟแห่งความมืด และเมื่อเห็นว่าเรียบร้อยแล้ว ถังหยินจึงหันไปมองทหารเปิงที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขาและตะโกนว่า “มีใครอยากตายอีกหรือไม่… ?”
ภายใต้ดวงตาของถังหยินที่กะพริบ ทหารเปิงที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็หวาดกลัวและพากันถอยหนี เช่นเดียวกับถังหยินที่วิ่งขึ้นไล่ตามไปติด ๆ!
เพื่อลดภาระของร่างกาย ทหารกองทัพปิงหยวนส่วนใหญ่จึงได้ถอดชุดเกราะออกไปแล้ว เผยให้เห็นร่างกายที่เปลือยเปล่ากับใบหน้าที่ดุดัน ส่วนในมือก็ถือดาบแหลมคมเข้าฟาดฟันเยี่ยงคนป่าเถื่อนและสัตว์ดุร้าย !!
ทหารเปิงไม่กล้าสู้ต่อ พวกเขากลายเป็นเหมือนกระแสน้ำในมหาสมุทรที่พากันโถมกลับไปยังที่ที่เคยมา พากันถอยกลับเข้าไปในเมือง หากแต่กองทัพปิงหยวนไม่ยินยอมให้เป็นเช่นนั้น พวกเขาพากันพุ่งทะยาน ด้วยหมายที่จะเข้าขัดขวางเท่าที่จะทำได้ !!
เมืองทั้งเมืองตกอยู่ในความตื่นตระหนก ไม่ว่าจะเป็นฝั่งเหนือและฝั่งตะวันออก ที่ทหารเฟิงเริ่มฝ่าแนวป้องกันของเมืองเข้ามาได้บ้างแล้ว ส่วนทิศที่เห็นท่าจะเป็นศึกหนักที่สุด ก็คือทางฝั่งใต้ !!
มาตอนนี้กองกำลังหลักของกองทัพเปิงทั้งหมดได้มารวมตัวกันที่นี่แล้ว เช่นเดียวกับซ่งเทียน เสี่ยวชางและจ้านอู่ฉางเองก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน !
เมื่อหยวนยู่เห็นว่าฝ่ายของเขาไปไม่ถึงไหน ชายเลือดร้อนก็ทั้งโกรธและหัวเสีย เขาร้องคำรามออกมาโดยไม่สนใจสิ่งใดและปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองทั้งแบบนั้น เปิดช่องให้ทหารเปิงใช้ก้อนหินและไม้ซุงทิ้งลงมา ทว่าก็โดนหยวนยู่ใช้มือที่ว่างฟาดฟันดาบปัดป้อง ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งจับบันไดไว้แน่น !!
เมื่อเห็นว่าไม้ซุงและหินไร้ประโยชน์ ทหารเปิงก็จึงหันมาใช้น้ำมันเดือดแทน เพราะมันเป็นสิ่งที่ดาบและเกราะปราณป้องกันไม่ได้ ! ทำให้หยวนยู่ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากกระโดดลงจากบันไดและเข้าเกาะติดกับกำแพงเหมือนตุ๊กแก
ก่อนที่หยวนยู่จะถูกบังคับให้กลับไปที่พื้น แม่ทัพที่อยู่ด้านบนกำแพงเมืองก็พลันร้องคำรามเสียงดังและสั่งให้ทหารโดยรอบปล่อยท่อนไม้และน้ำมันเดือดลงมาตามกำแพง ด้วยไม่ว่ายังไงก็ต้องสังหารหยวนยู่ให้ได้ !!!
ภายใต้คำสั่งของแม่ทัพเปิงผู้นั้น ไม้ซุง ก้อนหิน และน้ำมันเดือนก็พากันตกลงมาอย่างต่อเนื่องราวกับกระแสน้ำที่ไม่รู้จักจบสิ้น ทำให้ในเวลานี้หยวนยู่ไม่มีพื้นที่ให้ปีนขึ้นไปอีก เขาได้แต่เลื่อนไปด้านข้างไปทางซ้ายและขวาเพื่อหลบหลีกเท่าที่จะทำได้
เมื่อเห็นเช่นนั้น หัวหน้ากองฝั่งเฟิงคนหนึ่งที่อยู่ด้านล่างกำแพงเมืองก็พลันรู้ทันทีว่าตนต้องช่วยหยวนยู่หาช่องว่าง ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้า หันไปสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาว่า “เรียกพลธนูมา !”
แม่ทัพและทหารของกองทัพปิงหยวนต่างก็ฝึกฝนการยิงธนูมาเป็นเวลานานและรู้วิธียิง อย่างไรก็ตามด้วยความถนัดของแต่ละคนแตกต่างกัน ดังนั้นแล้วทักษะของพวกเขาจึงเก่งมากเก่งน้อยไม่เท่ากัน …และหลังสิ้นเสียงของหัวหน้ากอง ทหารปิงหยวนกว่าร้อยคนก็พลันเข้ามาหาเขาอย่างกระตือรือร้นตามคำสั่ง
ว่าแล้วผู้บังคับกองร้อยก็พลันชี้ไปที่ด้านบนสุดของเมืองแล้วพูดว่า “ยิง ! ถ้าใครพยายามโยนไม้ซุง ก้อนหิน หรือเทน้ำมันเดือนลงมา ให้ยิงทิ้งให้หมด !”
“ขอรับ !” ทหารมากกว่าร้อยคนวางดาบเหล็กของพวกเขาลง ก่อนที่จะหยิบคันธนูและลูกศรขึ้นเล็งไปที่ด้านบนสุดของเมือง !
ในเวลานั้นทหารเปิงสองคนกำลังถือน้ำมันเดือดหม้อใหญ่อยู่ และหลังจากมองลงไปเพื่อยืนยันตำแหน่งของหยวนยู่แล้ว พวกเขาก็พลันยกหม้อขึ้นด้วยหมายจะเทน้ำมันเดือดลงไป
แต่ก่อนที่ทั้งสองคนจะได้เทน้ำมัน นักธนูกว่าร้อยคนที่ยืนอยู่ใต้กำแพงเมืองก็พลันปล่อยคมศรออกมาพร้อมกับเสียงโห่ร้อง ทำให้ทหารเปิงคู่นั้นกลายเป็นดั่งเม่น ด้วยทั้งหน้าอก แขน ขา และใบหน้าล้วนแล้วแต่ปกคลุมไปด้วยลูกศร
ทั้งสองกรีดร้องออกมาในเวลาเดียวกันและล้มลง ทำให้น้ำมันเดือดพลิกคว่ำเทใส่พวกตนเองจนเกิดควันสีเขียวลอยขึ้นสูงและกลิ่นไหม้ที่ลอยอบอวลไปทั่ว
“อ๊า ?” เมื่อเห็นทหารสองคนถูกลูกศรสังหารอย่างน่าสังเวช แม่ทัพเปิงผู้นั้นก็พลันร้องออกมาและยื่นหัวออกมองไปรอบ ๆ ก่อนที่ปฏิกิริยาแรกของเขาคือก้มหัวลง หากแต่ก็ยังช้าอยู่เล็กน้อย ด้วยคนผู้นั้นถูกลูกศรยิงเข้าที่ตาซ้ายเสียแล้ว !!
“เห้ย !” แม่ทัพแคว้นเปิงกระโดดขึ้นด้วยความเจ็บปวด เขาใช้มือข้างเดียวปิดหน้าขณะที่ก้าวถอยออกไป
ทหารเปิงคนอื่น ๆ ที่เห็นแบบนั้นก็ไม่กล้าแสดงตัวอีก พวกเขาพากันโยนไม้และหินลงแบบสุ่มสี่สุ่มห้าแทน ทำให้หยวนยู่ไม่ถูกบีบให้ต้องหลบอีก และหลังจากที่ปีนขึ้นมาอีกสักระยะหนึ่ง ในที่สุดชายเลือดร้อนก็ได้ขึ้นมาบนป้อมกำแพงเมืองสำเร็จแล้ว !!!
“อ๊า ?” เมื่อเห็นว่ามีแม่ทัพของศัตรูอยู่บนนี้ กองทัพเปิงก็ไม่อาจสามารถตอบสนองได้ทัน พวกเขาเอาแต่ยืนอยู่บนจุดนั้น ก่อนที่จะทำการสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกสติที่หล่นหายไปให้กลับคือมา