บทที่ 457
บทที่ 457
“ถังหยิน นี่เจ้า ?” เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นของชายหนุ่ม อู่เหมยก็พลันรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
เมื่อสัมผัสได้ว่าร่างกายของนางแข็งทื่อไป ถังหยินก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนหยุดการกระทำใดก็ตามที่เขากำลังทำอยู่ จากนั้นจึงปล่อยอู่เหมยและพูดด้วยเสียงแหบแห้งเล็กน้อย “พรุ่งนี้มีศึกต้องรบ อู่เหมย เจ้ากลับไปพักเถอะ ข้าจำต้องนอนแล้ว !”
อันที่จริงเมื่อถังหยินทำเช่นนั้น อู่เหมยก็ทั้งกลัวและรอคอย แต่เมื่อชายหนุ่มหยุดกะทันหัน… มันก็ทำให้นางผิดหวัง จนบางครั้งนางก็เกลียดความขี้ขลาดของตัวนางเอง !!
เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาว ถังหยินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ทำให้ใบหน้าของอู่เหมยแดงระเรื่อไปหมดจนถึงคอ ก่อนที่นางทำท่าจะพูดบางอย่าง ทว่าหญิงสาวก็พลันหยุดชะงักไป นางเพียงหยิบถุงผ้าขนาดเล็กออกจากอกแล้วยัดใส่มือถังหยิน
ถังหยินสะดุ้ง เขาหยิบถุงผ้าขึ้นมาดูอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงถามอย่างสงสัย “นี่คืออะไร ?”
“นี่เป็นเครื่องรางที่ข้าทำเอง ข้าให้เจ้า… !” อู่เหมยเงยหน้าขึ้นสบตาอย่างภาคภูมิใจยิ่งนักในผลงานที่ทำ
“มันสวยดีนะ” ถังหยินพูดติดตลก ด้วยปกติแล้วอู่เหมยจับดาบและใช้หอกมากกว่าถือเข็มเย็บผ้าเสียอีก
ใบหน้าของอู่เหมยหมองลงทันที นางพูดว่า “เจ้าไม่ชอบหรือ ? เช่นนั้นก็คือมาให้ข้า !” ว่าแล้วหญิงสาวก็ยื่นมือออกไปเพื่อคว้าเครื่องรางจากมือของชายหนุ่ม ทว่าถังหยินกลับจับมันไว้แน่น ทั้งยังส่งรอยยิ้มมาให้ขณะที่พูดเบา ๆ ว่า “ตราบใดที่เจ้าเป็นคนทำ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม ข้าก็ยินดีที่จะเก็บมันไว้”
“จริงเหรอ ?” อู่เหมยมองเขาอย่างสงสัย
“ใช่” ถังหยินพยักหน้าอย่างหนักแน่น
เมื่อเห็นเช่นนั้น ความโกรธของอู่เหมยก็พลันกลายเป็นเสียงหัวเราะ ใบหน้าที่สวยงามของนางเหมือนแอปเปิลสุกในตอนนี้ ทำให้ผู้คนอยากจะตะครุบตัวและกัดนางอย่างดุเดือดยิ่ง และถึงถังหยินจะพยายามสงบนิ่งแค่ไหน แต่เขาก็อดที่จะลอบมองนางไม่ได้
อู่เหมยลุกขึ้นยืนและพูดว่า “งั้น… ข้ากลับก่อน”
“เดี๋ยวก่อน !” ถังหยินร้องเรียกนาง จากนั้นจึงทำการจัดเส้นผมและเสียบปิ่นปักผมกลับเข้าไปดั่งเดิม และแม้การเคลื่อนไหวของเขาจะดูตะกุกตะกักไปบ้าง แต่มันก็ทำให้หัวใจของอู่เหมยรู้สึกอบอุ่น
หลังจากอู่เหมยออกไป ถังหยินก็ไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ ได้อีกต่อไป เขาเดินออกมาภายนอก ทำให้ทหารยามโดยรอบรีบเข้าไปถามอย่างระมัดระวัง “นายท่านจะไปไหนขอรับ ?”
ถังหยินเหล่ตาและพูดอย่างสบาย ๆ “มันร้อนเกินไป ข้าจะไปอาบน้ำ”
ต้องอย่าลืมว่า มณฑลเกาฉวนตั้งอยู่บนภูเขา ดังนั้นช่วงเช้าและกลางวันจึงมันมีอากาศร้อนชื้น แต่ตอนนี้มันเป็นตอนกลางคืน… ไม่ใช่หรือ ?
วันต่อมา
ขบวนรบทั้ง 4 ทิศเตรียมพร้อมแล้ว มีธงของกองทัพแต่ละกองโบกสะบัดไปมา ทำให้ใครก็ตามที่เห็นรู้สึกเกรงขาม !!
เมื่อมองไปทางทิศใต้ กองทัพปิงหยวนจำนวน 4 หมื่นนายก็ได้จัดขบวนรบเสร็จสิ้นแล้ว และโดยไม่ต้องรอให้การต่อสู้เริ่มขึ้น เจตนาสังหารของแม่ทัพและทหารทุกนายก็ได้เข้ากดดันทหารบนกำแพงเมืองจนหายใจไม่ออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มองไปทางทิศตะวันออก ที่แห่งนั้นมีนักรบกองทัพอินทรีสวรรค์มากกว่า 5 หมื่นนายนำโดยจีหยิง และแม้ว่าพวกเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่ากองทัพปิงหยวน แต่พวกทหารต่างก็ดูเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ คนทั้งหมดนั้นพากันเบิกตากว้าง ส่งเสียงฮู่ฮ่า และกระแทกหอกในมือเข้ากับโล่จนทำให้เกิดเสียงดังก้องไปทั่ว
ขณะเดียวกันนั้นเอง หากมองไปทางทิศตะวันตก ก็จะเห็นเข้ากับกองทัพของถังหยินที่มีกำลังทหารมากที่สุด ด้วยครั้งนี้กองทัพปิงหยวนกว่า 4 หมื่นคนได้รับคำสั่งจากถังหยินเป็นการส่วนตัว !
ถังหยินขี่ม้าไปที่ด้านหน้าของกองทัพ โดยที่ด้านซ้ายและขวาของเขาคือหยวนอู่กับหยวนเปียว ส่วนองครักษ์ที่อยู่ด้านหลังเขาคือหลีเทียน อัยเจียและเฉิงจิน
เมื่อเห็นขบวนกองทัพเทียนหยวน กองทัพฝ่ายป้องกันก็พลันร้อนใจขึ้นมา เช่นเดียวกับตัวซ่งเทียนเอง ที่ในขณะนี้เขากำลังมองหาจ้านอู่ฉางเพื่อขอคำปรึกษา ทว่าเมื่อเขาเห็นอีกฝ่าย หัวใจของซ่งเทียนก็พลันจมลงสู่ก้นเหวในทันที
…ตอนนี้จ้านอู่ฉางไร้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้โดยสิ้นเชิง ใบหน้าของเขาซีดเซียวและเศร้าหมองจนเกือบจะเหมือนซากร่างไร้วิญญาณ !!
ดูท่าตอนนี้คงไม่สามารถพึ่งพาจ้านอู่ฉางได้อีก ซ่งเทียนจึงได้แต่ฝากความหวังสุดท้ายไว้ที่ชุยหยุนเจียนเท่านั้น !
เขาพูดกับชุยหยุนเจียนที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “หากกองทัพเฟิงบุกเข้ามา เจ้าจะต้องปกป้องข้าด้วยชีวิต !”
ซ่งเทียนนึกถึงแต่ตัวเอง จนลืมคิดไปว่าชุยหยุนเจียนยังไม่ฟื้นตัวดี แล้วแบบนี้อีกฝ่ายจะเอากำลังที่ไหนไปปกป้องได้กัน ?
ทางด้านชุยหยุนเจียนเอง เขานั้นไม่ตอบกลับแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับสีหน้าของเขาที่ยังคงเย็นชาและเฉยเมย ด้วยเขาได้ตัดสินใจแล้ว ว่าหากองทัพเฟิงโจมตีเมืองจนแตกจริง ๆ งั้นแล้วเขาก็จะใช้โอกาสนี้หลบหนีออกไป !!!
ด้านนอกเมืองฝั่งตะวันตก
เมื่อรู้สึกว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว ถังหยินจึงโบกมือเรียกให้แม่ทัพเตรียมพร้อม ก่อนที่ตัวเขาจะควบขี่ม้าไปข้างหน้าและตะโกนเข้าไปในเมือง “พี่น้องทั้งหลายจงฟังข้า ตราบเท่าที่เจ้าเต็มใจที่จะยอมจำนน ข้าคนนี้ก็ยินดีที่จะไว้ชีวิตของพวกเจ้า แต่ถ้าคิดจะขัดขืน จงรู้ไว้ซะว่านั่นเป็นเพียงการต่อต้านที่ไร้ประโยชน์ ด้วยมันจะมีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเจ้าอยู่ !”
พวกทหารเปิงเหนือกำแพงเมืองที่ได้ยินแบบนั้นพากันกระซิบกระซาบคุยกัน ทำให้ขวัญกำลังใจของพวกเขาเกิดการสั่นคลอน ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น หากแต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมาตรง ๆ
ในเวลานี้ แม่ทัพเปิงผู้หนึ่งพลันตะโกนเสียงดังออกมาว่า “อย่าฟังคำพูดของพวกกบฏ ถ้าพวกเจ้ายอมจำนน ข้าจะจัดการมันผู้นั้นขั้นเด็ดขาด !” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทหารเปิงที่กระสับกระส่ายก็พลันสงบลงทันที
เมื่อเห็นว่าไม่มีการตอบสนองใดจากภายในเมืองจางหยู เหล่าแม่ทัพก็พากันเดินมาข้าง ๆ ถังหยินและเอ่ยบอก “นายท่าน พวกศัตรูคงไม่คิดยอมจำนนแน่แล้วขอรับ !”
“ฮึ่ม !” มุมปากของถังหยินยกขึ้น ขณะที่เขากล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมาว่า “แม้ว่าสวรรค์จะช่วยชี้ทางสว่าง หากทว่าพวกเจ้าก็ยังคิดฝ่าฝืนไป …คนพวกนี้นับว่าเกินเยียวยาแล้ว !! หากพวกมันเลือกที่จะหาที่ตายเอง งั้นก็ไม่จำเป็นต้องปราณี !!!!” เมื่อพูดจบ ชายหนุ่มก็จึงออกคำสั่งในทันที “ลั่นกลองรบ !”
ฉับพลันนั้นราวกับฟ้าจะถล่มลงมา เพราะไม่ใช่แค่ฝั่งตะวันตกเท่านั้น หากแต่ทางเหนือ ใต้ และตะวันออกเองก็มีเสียงกลองดังขึ้นไล่ ๆ กัน !
ท่ามกลางเสียงกลองศึก กองทหารจากทั้ง 4 ทิศก็พลันเริ่มทำการกดดันไปที่เมืองจางหยู
“เฟิง ! เฟิง ! เฟิง !” ในขณะที่กองทัพใหญ่เคลื่อนไปข้างหน้า เหล่าแม่ทัพและทหารก็พากันส่งเสียงตะโกนปลุกใจออกมา และเมื่อกองทัพมาถึงระยะ เสียงตะโกนก็พลันหยุดลง …ก่อนที่ทั้งกองทัพจะพุ่งเข้าใส่ในฉับพลันนั้น !!!
จากทั้งสี่ด้าน รวมเป็นกำลังทหารมากกว่า 1 แสน 5 หมื่นนายของกองทัพเทียนหยวน คนทั้งหมดพากันพุ่งทะยานเข้าใส่เมืองจางหยู ดูราวกับกระแสน้ำที่ซัดเข้ามาจากทั้ง 4 ทิศทาง!!!
‘บัดซบ !’ ซ่งเทียนที่อยู่บนกำแพงเมืองราวกับกลายเป็นคนโง่เขลาไปแล้ว เขาเอาแต่โอดครวญอยู่ในใจ ว่าหากต้องเผชิญหน้ากับคนมากขนาดนี้ งั้นแล้วพวกเขาจะเอาที่ไหนไปต้านไหวกัน ?!
เมื่อกองทัพเทียนหยวนเข้าสู่ระยะของเมืองจางหยูแล้ว การยิงของกองทัพเปิงก็เริ่มต้นขึ้น แต่ถึงแม้จะอยู่ในระยะใกล้ขนาดนั้น ทว่าพวกเปิงกลับอ่อนแอและไม่แม่นยำเอาเสียเลย ถึงขนาดที่ว่ามีทหารเฟิงหลายนายที่พากันทิ้งโล่และหอก ก่อนจะหันมาหยิบคันธนูและยิงโต้ตอบกลับไป !!
แม้ว่าพวกเปิงจะอยู่ด้านบน ทำให้การยิงศรลงมาได้เปรียบกว่า หากแต่ความเสียหายจากพวกเฟิงที่อยู่ด้านล่างนั้นกลับทำได้มากกว่านัก ด้วยทันทีที่ยิงออกไป มันก็พลันตามมาด้วยเสียงร้องที่น่าสังเวชของพวกเปิงจากบนกำแพงเมือง !!
กองทัพเทียนหยวนพุ่งตรงไปที่เมืองจางหยูโดยแทบไม่ต้องออกแรงเลย อย่างไรก็ตามในขณะที่พวกเขาปีนขึ้นบันไดเมฆ พวกเขาก็ได้พบเข้ากับการตอบโต้อย่างดุเดือดจากทหารเปิง ทั้งไม้กลิ้ง แผ่นหิน และน้ำมันเดือดบนกำแพงเมือง ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อกองทัพเฟิง
ในขณะนี้การต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายมาถึงจุดแตกหักแล้ว !!!
….ในขณะที่ทหารเฟิงถูกตี โดนท่อนไม้ แผ่นหินทับ และถูกน้ำมันเดือดราด ทางฝั่งของทหารเปิงเองถูกศรยิงเข้าใส่จนตายคากำแพงเมืองเช่นกัน
ด้วยกำลังทหาร 4 หมื่นของพวกเปิงที่ถูกแบ่งออกเพื่อปกป้อง 4 ทิศ ต่อให้กำแพงเมืองจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็ไม่สามารถต้านทานกำลังคนที่มากขนาดนี้ได้ …และฝั่งแรกที่มีปัญหาก็คือฝั่งกำแพงตะวันตก !!!
เมื่อถังหยินเป็นผู้นำทัพ เหล่าแม่ทัพและทหารก็พลันกลายเป็นบ้าคลั่ง พวกเขาพากันปีนบันไดขึ้นไปโดยไม่แม้แต่สวมชุดเกราะ ทำให้การเคลื่อนที่ของพวกเขารวดเร็วยิ่งจนบีบให้พวกเปิงด้านบนลนลานโจมตีจนแทบไม่ได้พักหายใจ !!
และแม้ว่ากองทัพเปิงหลายพันนายจะพยายามอย่างยิ่งที่จะต้านทาน หากทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานการรุกที่บ้าคลั่งเช่นนี้จากกองทัพปิงหยวนได้เลย !!!