เว่ยเสียวเถี่ยแอบตบหน้าตัก หัวเราะอยู่ในใจ เห็นชิ่งเกอเอ๋อร์สุภาพเรียบร้อยพูดน้อยเช่นนั้น พอเกเรขึ้นมาก็ดุร้ายไม่เบา ช่างเก่งกาจยิ่งนัก
หลี่ว์ปากลับถูกสาวน้อยคนนี้ทำเอาขำหัวเราะไม่หยุด แล้วกล่าวว่า “ได้ เช่นนั้นก็พากลับจวน หาหญิงสาวมาค้นตัวแล้วกัน!”
ความเสียวสันหลังของอวิ๋นหว่านชิ่นก็หายไป โล่งใจไปได้หนึ่งเปราะ กอดห่อผ้าบ่นพึมพำเดินมาข้างๆ เสียวเถี่ย
ท่ามกลางกลุ่มคนนั้น มีผู้เฒ่าชราคนหนึ่ง สวมใส่ชุดคอผ่าติดกระดุมหน้ากางเกงฝ้าย หน้าตาดุร้ายเจ้าเล่ห์ ถึงแม้อายุจะประมาณห้าหกสิบ แต่ท่าทางกระฉับกระเฉง ดวงตาเหมือนคนที่ผ่านประสบการณ์มามากมาย เดิมทีก็มัวแต่พับแขนเสื้อไม่พูดจา เมื่อเห็นว่าหลี่ว์ปาจะพาสาวน้อยนี่กลับไปจริงๆ ก็กดเสียงเบา “จะพากลับไปจริงหรือ อย่างไรเสียก็เป็นคนแปลกหน้า ไม่รู้จักมักคุ้นพื้นเพ นิสัยก็แปลกพิลึกนัก”
อวิ๋นหว่านชิ่นสังเกตเห็นว่า คนหยาบโลนอย่างหลี่ว์ปาเหมือนว่าจะเคารพผู้เฒ่านั่นอยู่บ้าง ท่าทีไม่เหมือนกับที่ปฏิบัติต่อลูกน้องคนอื่นๆ เขายิ้มกล่าว “ผู้เฒ่าเถียนวางใจได้ เด็กสาวที่ยังไม่โตเช่นนี้จะทำการขัดขืนกบฏอะไรได้ ส่วนนิสัย…ปีนี้ข้าชอบพริกขี้หนูเช่นนี้ล่ะ!”
คนกลุ่มนั้นหัวเราะหันหลังเดินไปยังจวนผู้ว่าการเมืองเยี่ยนหยาง
อวิ๋นหว่านชิ่นและเว่ยเสียวเถี่ยเดินตามติดอยู่ข้างหลัง ตลอดทาง ถึงแม้จะปกคลุมไปด้วยบรรยากาศยามค่ำคืน แต่กลับต้องประหลาดใจที่พบว่าถนนทุกสายมีหน่วยคุ้มกันที่หลี่ว์ปาจัดตั้งขึ้นเดินลาดตระเวนอยู่
แต่ละขบวนมีประมาณเจ็ดแปดคน ล้วนใส่เสื้อกั๊กสีเขียว ผูกผ้าสีน้ำตาลเหลืองไว้บนหัว เพื่อเป็นการแยกแยะว่าเป็นคนของตน แต่ละคนถือหอกพู่แดงและไม้กระบองอยู่ในมือ เดินทะลุตรอกซอกซอย ท่าทางกระปรี้กระเปร่า น่าจะเพื่อป้องกันการซุ่มโจมตีของขุนนางในเมืองทั้งวันทั้งคืน
ในเมืองเยี่ยนหยางในวันนี้ถึงแม้จะเกิดจลาจลขึ้น แต่เมื่อผ่านพ้นการห้ามออกนอกเรือนยามราตรีแล้ว ร้านรวงบางร้านก็ยังเปิดอยู่ การค้าดูเหมือนจะปกติทุกอย่าง เมื่อหน่วยลาดตระเวนเดินผ่านร้านค้า เถ้าแก่หรือคนงานในร้านถึงขั้นทักทายหรือไม่ก็ยื่นน้ำดื่มมาให้
เป็นดั่งคำล่ำลือจริงๆ หลี่ว์ปานี่มีความสามารถในการเป็นผู้นำยิ่งนัก ในเวลาเพียงไม่กี่วัน กลับสามารถรวมกำลังอาวุธชาวบ้าน แล้วยังปลอบประโลมชาวบ้านในเมืองได้อีก
จากสถานการณ์ตรงหน้านี้ดูเหมือนว่า ทั้งเมืองเยี่ยนหยางนี้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ได้วุ่นวายเพราะมีชาวบ้านผู้ก่อการจลาจลเลยสักนิด
หรือว่านี่จะเป็นสาเหตุที่ฉินอ๋องไม่ได้จับตัวหลี่ว์ปาในทันที หากทำให้ชาวบ้านโกรธขึ้นมา ประชาชนเข้าข้างศัตรู ต่อต้านราชสำนักกับพวกกองทัพของหลี่ว์ปา เรื่องอาจจะยิ่งเหมือนไฟลามทุ่งไปใหญ่สินะ
อวิ๋นหว่านชิ่นคาดเดา จนกระทั่งด้านหน้ามีคนเรียกให้หยุด พอเงยหน้าขึ้น ก็มาถึงที่พำนึกของผู้ว่าการเยี่ยนหยางแล้ว
หน่วยคุ้มกันหน้าประตูมากขึ้นกว่าเดิม ด้านในสามชั้น ด้านหน้าสามชั้น เฝ้าคุ้มกันอย่างแน่นหนา แทบจะล้อมรอบที่พำนักขุนนางนี้จนเป็นถังเหล็กไป
เมื่อเข้าไปข้างใน อวิ๋นหว่านชิ่นก็เริ่มแอบสังเกตสภาพรอบตัว เดิมทีเป็นจวนของขุนนางแห่งราชสำนัก กลับถูกพวกกลุ่มกำลังโพกผ้าเหลืองนี้เปลี่ยนเป็นจุดยึดครองไปเสียดื้อๆ
ศาลที่ตัดสินคดีนั้น บนพื้นปูด้วยผ้าฝ้าย กลายเป็นที่พักผ่อนนอนหลับของชาวบ้านที่ก่อการจลาจล
ชานเรือนที่ใหญ่ที่สุดในเรือนหลัง กลายเป็นที่สำหรับกินข้าวรวม ตั้งหม้อใบใหญ่เอาไว้ ข้างล่างมีฟืนกองสุมเต็มไปหมด
เดินผ่านทางเดิน อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นมีห้องใหญ่ห้องหนึ่ง หน้าประตูมีกลุ่มผ้าเหลืองเฝ้าอยู่ จะมองนานอีกนิด เว่ยเสียวเถี่ยก็กล่าวเสียงแผ่วเบา “ห้องนั้นขังคนของทางการเอาไว้ มีครอบครัวของผู้ว่าการสวี และทหารที่ไม่ได้หนีไป หลี่ว์ปาเอาไว้เจรจาต่อรองกับฉินอ๋อง”
เมื่อถึงเรือนหลังก็หยุดเดิน ถูกผู้เฒ่าที่ชื่อผู้เฒ่าเถียนมองพิจารณาอยู่สักพัก ถึงแม้จะไม่ชอบคนแปลกหน้าที่เข้ามาใหม่ แต่ก็ขมวดคิ้วแล้วสั่งยายเฒ่าคนหนึ่งนำเว่ยเสียวเถี่ยและอวิ๋นหว่านชิ่นไปยังห้องเรือนหลัง
ยายเฒ่านำทางเว่ยเสียวเถี่ยไปห้องที่กลุ่มชายหนุ่มอาศัยกัน แล้วเดินเลี้ยวไปอีกสองครั้ง เข้าสู่อีกเรือนหนึ่ง ชี้ไปยังห้องหนึ่ง แล้วเหลือบมองสาวน้อยหน้าตาน่าเกลียดนี้ “นั่น เจ้าก็เบียดอยู่กับพวกข้าแล้วกัน” แล้วก็บ่นพึมพำไม่หยุดกับตัวเองแล้วเดินไปในห้อง “มีพวกขอข้าวกินเพิ่มมาอีกคนแล้ว เห้อ”
อวิ๋นหว่านชิ่นกอดห่อผ้าไว้แล้วเดินเข้าไป เห็นว่าในห้องเรียบง่ายอย่างมาก น่าจะเป็นที่อยู่ของบ่าวรับใช้จวนผู้ว่ามาก่อน บนเตียงรวมเตียงหนึ่งนั้นมีเหล่าหญิงอายุมากอยู่หลายคนแล้ว น่าจะเป็นพวกหญิงในกลุ่มผู้ประสบภัย เรียกมารวมตัวกันที่นี่ทำงานบ้านต่างๆ เพราะอย่างไรเสีย ผู้ชายกลุ่มใหญ่เพียงนี้ เรื่องปัดกวาดเช็ดถู อาหารการกิน ก็ต้องมีคนคอยดูแลบ้าง
“อ้าว มาอีกคนแล้ว ไม่คุ้นหน้าเลยนี่ ไม่เหมือนคนเยี่ยนหยางเลย” มีป้าคนหนึ่งมองพิจารณาสาวน้อยที่ตามหลังยายเฒ่ามา
เหล่าหญิงคนอื่นๆ ก็พยักหน้า เยี่ยนหยางไม่ใหญ่นัก ลูกสาวบ้านไหนน่าเกลียดได้สะดุดตาเช่นนี้ หากเป็นคนบ้านเดียวกัน จะต้องเคยได้ยินมาก่อนไม่มากก็น้อยเป็นแน่ หรือไม่ก็ต้องพอจำได้บ้าง
ยายเฒ่าขึ้นเตียงนั่งขัดสมาธิ มองดูอวิ๋นหว่านชิ่น “หลี่ว์ปาพากลับมา หนีมากับเจ้าเด็กบ้าเสียวเถี่ยนั่น ชื่อชิ่งเอ๋อร์กระมัง บอกว่าเป็นผู้ประสบภัยของตำบลลี่สุ่ย ที่บ้านก็ถูกน้ำท่วมเหมือนกัน ไม่มีที่ไป แล้วยังจะถูกทางการตามจับอีก ก็เลยมาขอหลบภัยกับพวกเราที่นี่”
เหล่าหญิงพวกนั้นมองไปที่อวิ๋นหว่านชิ่น พูดพึมพำเงียบๆ “เสบียงในจวนผู้ว่าก็น้อยลงทุกวัน เราเองก็จะไม่มีข้าวกินแล้ว ยังจะพาคนนอกมาอีก…”
“นั่นสิ ไม่รู้ว่าต้องการอะไร สาวหน้าตาน่าเกลียดนี้ไม่ใช่ชายหนุ่มที่จะทำงานใช้แรงได้ ดูสภาพนางสิ หน้าตาก็น่าเกลียด คงไม่ใช่อยากได้ตัวนางหรอกนะ…”
เหล่าหญิงพวกนั้นหัวเราะขึ้นมา
อวิ๋นหว่านชิ่นไม่ได้สนใจอะไร ไปนั่งบนเตียงรวมที่อยู่ข้างในสุดริมหน้าต่าง วางห่อผ้าลง กำลังจะวางไว้ในตู้เล็กข้างๆ
ในหญิงพวกนั้นมีป้าอ้วนคนหนึ่ง หน้าตาดูฉลาดชอบหาเรื่อง เห็นห่อผ้าอวิ๋นหว่านชิ่นปูดยื่นออกมา ก็เข้าไปใกล้ในทันใด ยื่นมือมาจับ แล้วยิ้มกล่าว “อะไรน่ะ ให้พวกข้าดูหน่อย! มีของกินของใช้อะไรหรือไม่ พวกหลี่ว์ปาบอกว่า จะต้อง ‘กระจายความร่ำรวยมาช่วยเหลือบ้านเมือง’ ชาวบ้านมีข้าวกินทุกคน มีของดีอะไร อย่าเก็บซ่อนไว้คนเดียว!”
กระจายความร่ำรวยมาช่วยเหลือบ้านเมืองหรือ คำพูดเช่นนี้ก็เอาออกมาใช้แล้ว ดูทรงแล้ว หลี่ว์ปานี่คงตัดสินใจที่จะยึดครองที่แห่งนี้ถือตนเป็นฮ่องเต้แล้วกระมัง ช่างมีความทะเยอทะยานยิ่งนัก
อวิ๋นหว่านชิ่นตบข้อมือนางหล่นลงไป ดึงห่อผ้าไว้แน่น แล้วมาวางไว้ด้านหลังของตัว ไม่ให้นางแตะ
ป้าอ้วนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เก็บมือกลับมา แล้วก่นด่าสาปแช่ง “นังตัวประหลาดน่าเกลียด หวงของกินนักนะ ขี้งกขี้เหนียวนัก ขอดูหน่อยก็ไม่ได้!”
อวิ๋นหว่านชิ่นชายตามองนาง “ป้าไม่ได้จะดูหรอก จะแย่งละสิ พวกเจ้ายึดหลักกระจายความรวยช่วยบ้านเมือง ไม่ใช่ปล้นแย่งของมาช่วยบ้านเมืองหรอกกระมัง”
ป้าอ้วนเสียเปรียบเถียงไม่ออก ยอมเสียที่ไหน รวมพวกกับเหล่าหญิงคนอื่นๆ มาก่นด่า
เดิมทีอวิ๋นหว่านชิ่นคร้านจะหาเรื่องมาเพิ่มให้มากความ แต่เหลือบตามอง ก็เห็นเงาคนนอกประตูกระดาษแวบไป
เหอะ เห็นตนเป็นคนเมืองอื่น ครั้นยังเพิ่งมาถึงอีก อย่างไรเสียก็ยังคงไม่วางใจ มาสอดแนมหรือ
นางหันหน้าไปทางเหล่าหญิงพวกนั้นที่กำลังด่ากันอย่างสนุกปาก จงใจกล่าวเสียงดัง “กินไม่อิ่มกันอยู่แล้ว ฝีปากยังแรงอยู่อีกนะ ไม่ออมแรงไว้หน่อย จะได้ประหยัดเสบียงอาหารให้ลูกพี่หลี่ว์เสียบ้าง”
“แหม สาวน้อยอย่างเจ้า ปากกล้านักนะ!” ป้าอ้วนยืดเอวหนาๆ ขึ้น แล้วถมึงตา
ยายเฒ่าดึงนางไว้ “เพิ่งจะพาคนกลับมา อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่ ระวังหลี่ว์ปาว่าเอา”
ป้านั่นกลับไม่ฟัง “มาถิ่นข้า ไม่รู้จักไหว้พระขอพรทำตัวดีๆ ยังจะกล้าเถียงอีกหรือ นังตัวประหลาดน่าเกลียด!” กลับเห็นเพียงสาวน้อยหน้าตาน่าเกลียดนั้นเบะปาก ยิ้มอย่างเขินอาย “กินของพวกเจ้าหรือ ได้ยินว่าที่นี่เป็นที่พักของผู้ว่าการเมืองเยี่ยนหยางไม่ใช่หรือ ด้านหน้าเป็นศาล ด้านหลังเป็นเรือนขุนนาง เป็นของเจ้าได้อย่างไรกันเล่า ถึงจะเปลี่ยนนายไป ก็เป็นของลูกพี่หลี่ว์ปา เจ้าก็แค่ประสบภัย มาขอกินขออยู่ก็เท่านั้น”