ตอนที่ 148 บ้านใหม่ฮวงจุ้ยดี

คนในหมู่บ้านได้ยินคุณพ่อจ้าวพูดเช่นนี้ ก็เพิ่งจะเข้าใจ

ที่แท้พวกจ้าวเหวินเทาก็ใช้วิธีค้างจ่ายในการสร้างบ้านนี่เอง!

“แบบนี้ไม่กล้าเกินไปหน่อยเหรอ? ไม่ใช่ว่าจะนอนอยู่บ้านไม่ได้สักหน่อย สร้างบ้านสักหลังต้องใช้เงินตั้งเท่าไหร่?” คนในหมู่บ้านกล่าว

“นั่นสิ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะ ค้างจ่ายครั้งนี้ก็ต้องเป็นหนี้ก้อนโต แม้ว่าปีนี้จะทำงานกันเองแล้ว และทำได้มากเท่าไรก็ได้เท่านั้น แต่มันจะดีหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย ยังไงต้องดูฟ้าฝนอีก ถ้าฟ้าฝนไม่เป็นใจจะทำยังไง?” ชายชรากล่าว

“ถึงยังไงก็แยกกันออกไปทำงานกันเองแล้ว จะใช้ชีวิตยังไงก็ขึ้นอยู่กับพวกเขานั่นแหละ” คุณพ่อจ้าวกล่าวพลางส่ายหน้า

ลูกชายทั้งสามของตระกูลจ้าวคิดจะสร้างบ้านกันอย่างกระตือรือร้น เรื่องนี้ทำให้คนหนุ่มสาวในหมู่บ้านเกิดความคิดที่ไม่ดีขึ้นมา

อย่างน้อย ๆ ก็เป็นคนแก่ที่คิดแบบนี้ เพราะไม่เคยเห็นใครที่ไม่มีความจริงจังแบบนี้มาก่อน

ใช้ชีวิตแบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ?

เป็นหนี้เพื่อสร้างบ้าน อีกอย่างใช่ว่าจะไม่มีบ้านอยู่ ต้องทรมานตัวเองขนาดนี้เลยเหรอ? ทั้งหมดนี้เป็นเงินทั้งนั้น ใช่ว่ามีเงินในมือเยอะแล้วมันจะกัดมือสักหน่อย!

แต่ก็อย่าพูดเลย เพราะมีคนที่ทำแบบนี้ตามพวกเขาเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าสามารถค้างจ่ายได้ก็ค้างจ่ายตามด้วย

ฐานบ้านของจ้าวเหวินเทาอยู่ด้านหน้าหมู่บ้านทางตอนล่างของสะพานฝั่งตะวันออก ติดภูเขาริมแม่น้ำ

คุณพ่อจ้าวเองก็พอจะรู้เรื่องฮวงจุ้ยเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเป็นสถานที่ที่ดี จึงเก็บไว้ให้ลูกชายคนเล็กที่เขารักมากที่สุด ส่วนจ้าวเหวินเทาเองก็ชอบเช่นกันเพราะสถานที่แห่งนี้กว้างขวางมากพอ

ด้านหน้าไม่มีใครอยู่ ทั้งยังเป็นถนนที่เชื่อมไปยังนอกหมู่บ้านได้โดยตรง

ด้านตะวันออกเป็นเขาซานเหลียง ไม่มีลมพัดผ่าน

ด้านตะวันตกเป็นพื้นที่โล่งแจ้งขนาดใหญ่ เขาตัดสินใจว่าจะทำเป็นลานตีข้าว

ด้านข้างของลานตีข้าวฝั่งนั้นจะให้กระต่ายย้ายออกไปอยู่ตรงนั้น เจ้าสิ่งนี้มีกลิ่นค่อนข้างแรงจนไม่มีใครอยากอยู่ใกล้

นอกจากกระต่ายแล้ว ก็ยังมีไก่ เป็ดและหมูออกพวกนั้นที่ถูกย้ายออกไปด้วย รวมถึงห้องน้ำ ภายในบริเวณบ้านจะมีแค่คนที่อาศัยอยู่ ทำให้ดูสะอาดสะอ้าน!

เย่ฉูฉู่ก็เห็นด้วยกับผังบ้านแบบนี้ของเขา เพราะในภาพวาดที่เธอวาดออกมาไม่ได้รวมสิ่งเหล่านี้ ภายในบ้านมีแค่คนอาศัยอยู่ก็พอแล้ว

เพื่อให้บรรลุความปรารถนาที่งดงามนี้ของเขาและภรรยา จ้าวเหวินเทาจึงไปหาทีมใหญ่เพื่อซื้อที่ดินผืนนี้โดยเฉพาะ เพราะเขากลัวว่าเมื่อถึงเวลานั้นภายในหมู่บ้านจะเกิดการทะเลาะวิวาท

ถ้าซื้อที่ดินแล้วมันก็จะกลายเป็นของเขา ลองดูสิว่าใครจะมายุ่ง?

เป็นเพราะเวลากระชั้นชิด จ้าวเหวินเทาจึงจ้างคนเอารถขุดดินมาขุดฐานที่ดิน

ก่อนหน้านี้เวลาผู้คนสร้างบ้านก็จะใช้คนขุดดิน ด้วยการใช้พลั่วคนละด้าม แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้วคิดว่ายังช้าไป ตอนนี้ไม่ว่าจ้าวเหวินเทาจะทำอะไรก็อยากได้เร็ว ๆ

รถขุดดินใช้เวลาหนึ่งวันก็ขุดฐานจนกลายเป็นบ้านสี่ห้องออกมาได้แล้ว

จากนั้นเพิ่มหินและดิน เจาะเพื่อปักหลักกำแพง ใช้เวลาไม่ถึงสิบวันกับการสร้างฐานบ้านก็ใกล้จะขึ้นคานบ้านแล้ว!

ความเร็วในการสร้างบ้านนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครทำมาก่อน เร็วจนน่าทึ่ง

“จ้าวเสี่ยวลิ่วคนนี้มีความสามารถจริง ๆ ใช้เวลาไม่ถึงสิบวันก็จะขึ้นคานบ้านแล้ว!” คนที่อยู่ในหมู่บ้านเห็นก็พูดด้วยความประหลาดใจ

“นั่นก็เป็นเพราะใช้เงินทั้งนั้นแหละ ไม่เคยเห็นใครใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนี้มาก่อนเลย แถมยังใช้รถขุดดินอีก ทำไมเขาถึงไม่เอารถถังกับเครื่องบินมาทำซะเลยล่ะ?” บางคนไม่เห็นด้วย

“ถึงมีความสามารถแต่ก็สุรุ่ยสุร่ายอยู่ดี!” มีคนอิจฉาจ้าวเหวินเทามากที่กล้าทำแบบนี้

คนที่พูดว่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายส่วนมากก็เป็นพวกที่อายุมากแล้ว เคยลำบากมาก่อน จึงมีการวางแผนอย่างรอบคอบ

ส่วนคนที่อิจฉาและชื่นชมจ้าวเหวินเทาว่าเป็นคนกล้าหาญและมีประสิทธิภาพนี้ ส่วนใหญ่เป็นพวกคนวัยฉกรรจ์ทั้งนั้น

รู้ตัวอีกทีจ้าวเหวินเทาก็กลายเป็นตัวอย่างของวัยรุ่นในหมู่บ้านแล้ว

คนที่อายุมากต่างก็พูดว่าจ้าวเหวินเทาที่เป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลจ้าวคนนี้ไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่จริงจังสักอย่าง

แต่ผลลัพธ์ที่ได้ล่ะ อีกฝ่ายได้กินหรูอยู่สบาย ทั้งยังสร้างบ้านได้เร็วขนาดนี้อีก ข้อเท็จจริงสำคัญกว่าคำพูดเสียอีก

เฮ่อซงจือเองก็มาคุยกับเย่ฉูฉู่แล้ว

เย่ฉูฉู่มองท้องของหล่อนและพูดด้วยความรู้สึกอกสั่นขวัญหาย “ท้องของเธอใหญ่จนใกล้จะคลอดแล้วสินะ?”

เฮ่อซงจือพยักหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่ก็เก้าเดือนกว่าแล้ว”

เย่ฉูฉู่กล่าว “ครั้งก่อนตอนที่ฉันไปหาได้ยินว่าเธอหลับอยู่ ก็เลยไม่ได้รบกวน ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง?”

เฮ่อซงจือกล่าว “ดีทุกอย่างเลย มีปัญหานิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้เครียดอะไร” จากนั้นหล่อนก็พูดถึงเรื่องสร้างบ้านด้วยรอยยิ้มว่า “ได้ออกไปเดินเล่นบ้างหรือเปล่า? ตอนนี้ข้างนอกกำลังอิจฉาเธอเป็นแถว ๆ เลยนะ ก่อนหน้านี้มีหลายคนที่เห็นอกเห็นใจเธอ บอกว่าเหวินเทาเป็นพวกไม่เอาไหน พอรู้ว่าฉันกับเธอสนิทกัน ก็มาถามฉันแถมยังบอกให้ฉันมาดูเธอด้วยว่านอนเช็ดน้ำตาอยู่ในบ้านหรือเปล่า”

เย่ฉูฉู่หัวเราะ “เธอไม่ได้บอกคนพวกนั้นเหรอ ว่าฉันเองก็เกือบจะนอนเช็ดน้ำตาอยู่ในบ้านนะ”

“บอกว่าเธอแต่งงานกับเหวินเทา ทั้งไม่เอาไหนทั้งชอบเล่นพนัน แถมยังไม่ประหยัดเงินใช้ชีวิตไม่เป็น วัน ๆ เอาแต่กินเอาแต่ดื่ม ไม่ได้มีท่าทางของคนใช้ชีวิตเลย ฉันก็เลยบอกไปว่าเธอใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี แต่พวกเธอก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี” เฮ่อซงจือแย้มยิ้มกล่าว “แต่ตอนนี้ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกเลย บอกว่าคนที่สามารถทำได้ก็คงจะเป็นเหวินเทาของเธอ”

“จะบอกว่าครูเสี่ยวจ้าวของเธอทำไม่ได้เหรอ ทั้งหมู่บ้านมีเขาแค่คนเดียวที่ได้เป็นครู นั่นเป็นงานที่มั่นคงเชียวนะ” เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิ้ม จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา “ไม่เหมือนเหวินเทาของฉัน บอกว่าขับรถ แต่ก็ต้องตากลมตากแดดตากฝน ออกจากบ้านตอนเช้าท้องฟ้าก็ยังดี ๆ อยู่เลย ขากลับมาฝนดันตกซะงั้น เปียกโชกทั้งตัว นี่ยังหนุ่มร่างกายก็เลยยังดีอยู่ ไม่งั้นคงได้เป็นหวัดแน่ ตอนนี้ยังตากแดดทั้งวันอีก ถึงอย่างไรก็ต้องดูแลภาพลักษณ์เวลาออกไปทำงานนอกบ้านด้วยไม่ใช่เหรอ”

คำพูดนี้ไม่ผิดเลย เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว งานของจ้าวเหวินจื้อไม่เพียงแค่มั่นคง แต่ยังเหมาะสม และเป็นคนมีการศึกษาด้วย ที่สำคัญที่สุดคือมีเวลาว่าง

ปีนี้ก็พูดถึงเงินเดือนอีกแล้ว

ดังนั้นสำหรับชีวิตของเย่ฉูฉู่เพื่อนสาวคนนี้แล้ว เฮ่อซงจือไม่ได้มีความคิดที่จะอิจฉาอะไรเลย เพราะกว่าจ้าวเหวินเทาจะหาเงินมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

“ตอนนี้ก็ดีมากเลย สร้างบ้านแล้ว หลังจากนี้ก็ย้ายออกไปอยู่เอง ฉันล่ะอิจฉาเธอจัง” เฮ่อซงจือกล่าว คำพูดนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะเธอก็รู้สึกอิจฉาจริง ๆ

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “อิจฉาอะไรกัน อิจฉาที่พวกเรามีหนี้ก้อนโตเหรอ?”

“เป็นหนี้ก็เป็นหนี้สิ ถึงยังไงเหวินเทาก็หาเงินได้ ไม่มีอะไรต้องกลัวอยู่แล้ว ฉันว่าสองครอบครัวที่อยู่ด้านหน้าต่างหากล่ะที่ต้องเป็นกังวล โดยเฉพาะครอบครัวใหญ่นั่น พี่สามของเหวินเทายังมีรายได้จากการขายเต้าหู้ แต่พี่ใหญ่ของเขาใช้ชีวิตจากการพึ่งพาการทำนาจริง ๆ” เฮ่อซงจือกระซิบ

เย่ฉูฉู่กล่าว “กล้าสร้างบ้านแบบนี้ก็คงไม่มีปัญหาใหญ่อะไรอยู่แล้วล่ะ”

เฮ่อซงจือกล่าว “แล้วทำไมถึงได้รีบสร้างบ้านพร้อมกันล่ะ? ปรึกษากันแล้วเหรอ?”

“ปรึกษาที่ไหนกันล่ะ” เย่ฉูฉู่หัวเราะ

เฮ่อซงจือเข้าใจในทันที หล่อนยิ้มพลางกล่าวว่า “นี่คงเป็นเพราะไม่อยากถูกครอบครัวเล็กของพวกเธอแซงหน้าสินะ?”

“ชีวิตเป็นของใครของมัน ไม่จำเป็นต้องมาเทียบเรื่องพวกนี้เลย” เย่ฉูฉู่ไม่ยอมรับ เธอคิดว่าไม่มีความจำเป็นจริง ๆ เพราะภาระก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลย

แต่เสื้อผ้าที่เธอทำร่วมกับพี่สะใภ้สามขายดีมาก เธอเองก็ไม่เต็มใจที่จะให้จ้าวเหวินเทาเหนื่อยขนาดนี้

เป็นเพราะมีความมั่นใจ ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกตึงเครียดอะไร ถึงอย่างไรรายได้ของเธอก็คงไม่น้อย จึงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม

แต่อีกสองครอบครัวที่สร้างบ้านพร้อมกัน ถือว่าค่อนข้างเหนือความคาดหมายจริง ๆ แต่ก็ยังเป็นประโยคนั้นที่ว่าทุกคนต่างเดินตามเส้นทางของตนเอง เรื่องของพวกเขา ถึงอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความเต็มใจของพวกเขา

เฮ่อซงจือยิ้มพลางกระซิบ “ฉันเองก็พูดกับเหวินจื้อแล้วเหมือนกัน”

“ครูเสี่ยวจ้าวว่ายังไงบ้าง?” เย่ฉูฉู่เอ่ยถาม

“ไม่แน่ถึงเวลานั้นพวกเราอาจจะเป็นเพื่อนบ้านกันก็ได้นะ” เฮ่อซงจือคลี่ยิ้ม เห็นได้ชัดว่าแอบมีแผนไว้แล้ว

“แบบนั้นก็ดีเลย” เย่ฉูฉู่ยิ้ม

ทั้งสองคนเปิดหัวข้อนี้ จากนั้นก็พูดถึงเรื่องลูกต่อ ถึงอย่างไรการเล่าเรื่องสัพเพเหระก็ไม่ขาดหัวข้อสนทนา

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

สร้างบ้านใหม่เร็วมาก คนที่เคยดูถูกไว้มีหน้าแตกเป็นแถวๆ แน่

ไหหม่า(海馬)