ตอนที่ 186 คำขอของหงส์แดง

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

— ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง ! —

เสียงน้ำหยดดังก้องได้ยินไปจนทั่ว พื้นที่ทั่วบริเวณตกอยู่ในความเงียบงันอย่างน่าประหลาด ทุกสรรพสิ่งไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวไปในชั่วพริบตา

เมื่อมังกรเหมันต์เห็นฉินอวี้โม่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง รังสีสังหารก็พวยพุ่งรุนแรง ขณะเดียวกันสภาวะพลังอันเข้มข้นก็ปะทุขึ้นสูง

“เจ้ามนุษย์น่ารังเกียจ เป็นเจ้านั่นเอง !”

มังกรเหมันต์คำรามอย่างเกรี้ยวกราด น้ำเสียงนั้นเต็มด้วยความโกรธแค้น

มันไม่มีทางลืมใบหน้าของเหล่านักเรียนน่ารังเกียจแห่งโรงเรียนราชสำนักที่ร่วมมือกันเล่นงานมันในครั้งนั้นลงไป เจ้ามนุษย์บัดซบเหล่านั้นคือต้นเหตุที่ทำให้มังกรผู้ยิ่งใหญ่อย่างมันต้องเจ็บตัว อีกทั้งต้องย้ายออกจากถิ่นฐานเดิมกลายเป็นมังกรร่อนเร่อยู่เช่นทุกวันนี้

ทว่า หากไม่ใช่เพราะมันหลบหนีออกมาก่อนในครานั้น  มังกรเหมันต์ก็เกรงว่าอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรืออาจจะต้องจบชีวิตไปเลยก็ได้

“แหม ๆ ๆ น่าดีใจเหลือเกิน มังกรผยองอุตส่าห์จำข้าได้ด้วย มาอาละวาดก่อกวนผู้อื่นเช่นนี้แสดงว่าอาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วใช่หรือไม่ ?”

ฉินอวี้โม่ยิ้มบางพลางเอ่ยวาจา ท่าทางของนางยียวนอย่างยิ่ง

คำกล่าวว่า*‘อาการบาดเจ็บ’* เสมือนไม้ที่ฟาดเข้าใส่เล็บขบมังกรของมันอย่างจัง ทันทีที่ได้ยินมังกรเหมันต์ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เวลานี้พลังไอเย็นจากร่างใหญ่โตทะลักทลายเหลือล้นและไหลวนไปรอบตัวมังกรด้วยความเร็วสูง นี่แสดงถึงระดับความโกรธของมังกรแดนหิมะได้เป็นอย่างดี

“ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเจ้าใช้คนจำนวนมากรุมล้อมข้าไว้ เจ้าคิดว่ามังกรผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้าจะบาดเจ็บได้อย่างนั้นรึ ? เหอะ ข้าวางแผนไว้ว่าจะไล่คิดบัญชีกับพวกเจ้าเรียงตัว ในเมื่อเจ้าโผล่หัวออกมาก่อนเช่นนี้ งั้นข้าก็จะคิดบัญชีกับเจ้าเป็นคนแรก”

มังกรเหมันต์พยายามกดข่มความโกรธของตัวเองลงไป ทันใดนั้นร่างมหึมาก็เปลี่ยนกลายเป็นบุรุษวัยกลางคน อสูรเผ่าพันธุ์มังกรในร่างมนุษย์จ้องมองฉินอวี้โม่ด้วยสายตาอาฆาต

“หึ ๆ อย่าลำพองนัก หากไม่ใช่เพราะว่าพวกเรายังมีธุระในปราสาทเหมันต์จนไม่มีเวลาไล่ล่าเจ้า คิดหรือว่าอสูรอย่างเจ้าจะหนีรอดไปได้”

ฉินอวี้โม่จ้องมองมังกรเหมันต์กลับไปอย่างไม่หวั่นเกรง แม้ว่าเวลานี้ นางและเหล่าอสูรมายาจะไม่อาจเอาชนะมันได้ แต่หากเป็นเพียงหลบหนีเอาชีวิตรอดไปให้ได้ย่อมไร้ปัญหา ยิ่งกว่านั้นตรงนั้นยังมีหงส์แดงอยู่ด้วย ขอเพียงหงส์แดงร่วมมือกับพวกนาง ด้วยความแข็งแกร่งของอสูรในระดับตำนานเช่นนั้นต่อให้อีกฝ่ายเป็นมังกรเหมันต์ อย่างไรฝ่ายของฉินอวี้โม่ก็น่าจะเอาชนะได้

— แคระ แคร่ก เพล้ง ! —

ในตอนนั้นเองที่ทุกคนได้ยินแตกของของแข็ง น้ำแข็งที่มังกรเหมันต์ใช้ผนึกคู่ต่อสู้แตกเป็นเสี่ยง ๆ ในที่สุดหงส์แดงก็ถูกปล่อยเป็นอิสระอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้มันได้กลายร่างเป็นสตรีในชุดสีแดงเพลิงที่งดงามราวเทพธิดาแล้ว

อสูรสาวดูอ่อนล้าและสิ้นไร้พลังอย่างหนักหน่วง ทว่าความอ่อนแอนั้นก็มิอาจบดบังความหยิ่งทะนงและความสง่างามอันทรงเกียรติได้เลย หงส์แดงในร่างสตรีเลอโฉมก้าวเดินเข้ามาหาฉินอวี้โม่อย่างช้า ๆ ก่อนจะเอ่ย

“มนุษย์ ขอบคุณเจ้าที่ช่วยเหลือ”

“ยินดีอย่างยิ่ง ข้าเองก็เคยมีเรื่องแค้นเคืองกับมังกรวายร้ายตนนี้ เมื่อเห็นเจ้าถูกมันเล่นงาน หากข้าไม่เข้าช่วยก็คงจะไม่ได้แล้ว”

ฉินอวี้โม่ยิ้มตอบ นางไม่คิดรับเอาความดีความชอบในครั้งนี้เป็นของตัวเอง

“มังกรเหมันต์ เจ้ามันชั่วช้านัก ถึงขั้นกล้าคิดเอาข้าไปเป็นสตรีของเจ้า ต่อให้เป็นในความฝันเจ้าก็ไม่มีวันสมหวัง !”

หงส์แดงร่างมนุษย์จ้องมองบุรุษวัยกลางคนตรงหน้าด้วยสายตาเชือดเฉือนพลางด่าทอไม่ไว้หน้า

ต้องบอกเลยว่าพอมังกรเหมันต์เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์แล้ว มันช่างดูชั่วร้ายจนน่ารังเกียจ ใบหน้าเช่นนั้นเป็นแบบฉบับของมนุษย์เลวทรามอย่างแท้จริง ควรทราบว่าใบหน้าในร่างมนุษย์ของอสูรมายาสามารถสะท้อนนิสัยและบุคลิกเฉพาะตัวของอสูรตนนั้น ๆ ได้ ทฤษฎีนี้แม้จะใช้ไม่ได้กับอสูรทั้งหมดแต่ก็ชัดเจนมากในอสูรส่วนใหญ่

“หงส์แดง คิดหรือว่าเจ้ามีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ ?”

มังกรเหมันต์ตอบกลับเสียงเย็นชา ก่อนจะกล่าวต่อไปด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน “ความแข็งแกร่งของข้าผู้นี้เหนือกว่าเจ้า หากไม่ใช่เพราะมนุษย์น่ารังเกียจผู้นี้สอดมือเข้ามายุ่ง เจ้าได้กลายเป็นนกแช่แข็งไปนานแล้ว ด้วยวิชาของข้าพลังของเจ้าจะถูกผนึกเอาไว้โดยสมบูรณ์ ถึงตอนนั้น อนาคตทั้งหมดของเจ้าก็จะตกอยู่ในกำมือข้าแต่เพียงผู้เดียว”

ถึงแม้จะคาดเดาได้ว่าหงส์แดงอาจจะร่วมมือกับมนุษย์จอมแส่ ทว่ามังกรเหมันต์ก็ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย ในความคิดของมังกรเย่อหยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นหงส์แดงหรือฉินอวี้โม่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่คู่ควรกับมันเลย

หากเป็นหงส์แดงในเวลาที่สภาพร่างกายสมบูรณ์พร้อมมากกว่านี้ร่วมมือกับสตรีมนุษย์จากโรงเรียนราชสำนักก็อาจจะทำให้มันหวาดหวั่นได้เล็กน้อย ทว่าในตอนนี้หงส์แดงได้รับบาดเจ็บมาก พลังมายาก็แห้งเหือดไม่มีเหลือ ไม่มีความจำเป็นอะไรที่มังกรผู้ยิ่งใหญ่อย่างมันต้องกริ่งเกรง

“มังกรเหมันต์ เจ้ากำลังคิดอยู่ใช่หรือไม่ว่าถึงเราจะร่วมมือกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า ?”

ฉินอวี้โม่เผยรอยยิ้มบางพลางมองหงส์แดงแล้วพยักหน้า คุณหนูสี่ตระกูลฉินมีความแค้นกับมังกรเหมันต์ที่ยังไม่ได้สะสาง ส่วนหงส์แดงก็โกรธแค้นมังกรเหมันต์ตัวนี้มากจนไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ แน่นอนว่าในตอนนั้นทั้งสองพร้อมที่จะร่วมมือกันจัดการกับศัตรูเลวร้ายตนนี้

“ฮ่า ๆ ๆ พวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ถ้าไม่เชื่อจะลองดูก็ย่อมได้”

มังกรเหมันต์ยิ้มเย้ย ทั้งน้ำเสียงและวาจามีเจตนาท้าทายอย่างชัดเจน ความหมายของมันคือบอกฉินอวี้โม่และหงส์แดงเร่งลงมือ มังกรสายพันธุ์น้ำแข็งคิดเห็นว่าจะถือโอกาสนี้ปิดบัญชีพร้อมกันเสียเลย !

“ท่านแม่แค่รอดูอย่างเดียวก็พอ ข้ากับหงส์แดงน้อยร่วมมือกันก็จัดการกับเจ้ามังกรปากเหม็นนี่ได้แล้ว”

ทันใดนั้นร่างเล็ก ๆ ของหานอวี้ก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายฉินอวี้โม่ ตอนนี้มันกำลังลอยอยู่กึ่งกลางระหว่างคุณหนูสี่กับหงส์แดง มังกรน้อยในร่างเด็กสามขวบเอ่ยวาจาโอหัง ริมฝีปากล่างสีแดงระเรื่อยื่นออกมาด้วยความไม่พอใจขณะจ้องหน้ามังกรเหมันต์

เมื่อหงส์แดงรับรู้ถึงตัวตนของอสูรในร่างเด็กชายที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน มันก็ขมวดคิ้วแน่นและจ้องมองด้วยแววตาประหลาดใจ

หานอวี้ฉีกยิ้มให้หงส์แดงในร่างพี่สาวคนงามโดยไม่เอ่ยคำ

ความรู้สึกและประสาทสัมผัสของอสูรระดับสูงนั้นเฉียบคมเหนือมนุษย์ ไม่ต้องกล่าวให้มากความหงส์แดงก็รู้ดีว่าหานอวี้คืออสูรชนิดใด

มันทราบว่าหานอวี้คือมังกรระดับสูงตั้งแต่แรกเห็น และด้วยกลิ่นอายนั้น มังกรน้อยน่าจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าทั้งตัวนางและเจ้ามังกรจองหองฝ่ายตรงข้าม ดังนั้นแม้จะถูกเรียกขานว่าหงส์แดงน้อย อสูรสาวในตำนานก็ไม่รู้สึกขุ่นเคืองใจแต่อย่างใด

“เจ้าเองก็มาด้วยรึ !”

เมื่อเห็นว่าหานอวี้ปรากฏตัวขึ้นเคียงข้างฉินอวี้โม่ สีหน้าของมังกรเหมันต์ก็เปลี่ยนไปเสี้ยวหนึ่ง แน่นอนว่ามังกรแดนเหมันต์ไม่มีทางลืมแรงกดดันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมังกรทารกตนนี้ไปได้แน่ เพราะแรงกดดันอันรุนแรงจากสายเลือดมังกรระดับสูงของเจ้าหนูตรงหน้านับเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มันกลายเป็นฝ่ายถูกต้อนจนต้องหลบหนีออกจากปราสาทเหมันต์ไปในครั้งนั้น

ก่อนหน้านี้มังกรเหมันต์คิดว่าหานอวี้ไม่ได้อยู่ที่นี่ จึงมั่นใจมากว่าอย่างไรตนก็ต้องได้รับชัยชนะ ทว่าทันทีที่เห็นหานอวี้ปรากฏตัว ความหวั่นเกรงก็เริ่มก่อกำเนิดขึ้นมาในใจ

“เจ้ามังกรชั่วช้า ครั้งก่อนที่ปล่อยให้เจ้าวิ่งหนีไปเป็นความผิดพลาดของข้า วันนี้นายน้อยผู้ยิ่งใหญ่จะสั่งสอนเจ้าเอง อยากได้พื้นที่ตรงนี้มากนักใช่ไหม เดี๋ยวข้าจะช่วยทำให้เจ้าเป็นปุ๋ยอยู่เลี้ยงต้นไม้ในป่านี้ซะเลย !”

หานอวี้กล่าวเสียงดัง คำพูดคำจาของมันก็ยังคงโอหังไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าระดับของความปากคอเราะรายนั้น หากเดาไม่ผิด เจ้าตัวจ้ำม่ำคงจะเรียนรู้มาจากอสูรรุ่นพี่ในสังกัดเดียวกันเป็นแน่

คำพูดของหานอวี้ทำให้ฉินอวี้โม่ก็ถึงกับกลอกตาและถอนหายใจ อย่างไรก็ตามนางก็อดขำไม่ได้ เช่นเดียวกับหงส์แดงที่หลุดหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจในทันที

ตรงกันข้ามกับฝ่ายถูกด่า เจ้ามังกรเหมันต์โกรธเคืองอย่างมาก บัดนี้สีหน้าของมันเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ ในเมื่อเหยียดหยามกันเช่นนี้ก็ไม่ต้องกล่าววาจาใด ๆ อีกแล้ว ก้อนน้ำแข็งปรากฏในมือมังกรในร่างบุรุษวัยกลางคนพลันพุ่งเข้าใส่หานอวี้ด้วยความเร็วสูง

หานอวี้ยิ้มพลางปั้นหน้าเจ้าเล่ห์ ร่างกายเล็ก ๆ แต่จ้ำม่ำหายวับไปก่อนที่การโจมตีนั้นจะปะทะเข้าถึงตัวอย่างพอดิบพอดี

— ตูม —

ก้อนน้ำแข็งทรงพลังพลาดเป้าหมาย มันพุ่งทะยานเข้าปะทะกับต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ไกลออก เพียงพริบตาเดียวต้นไม้ต้นนั้นก็ถูกแช่แข็งโดยสมบูรณ์ ชั้นน้ำแข็งหนาวาววับห่อหุ้มรอบพฤกษาโชคร้ายราวกับจะไม่ละลายไปตลอดกาล

“อู้หู เป็นพลังน้ำแข็งที่น่ากลัวจริง ๆ สมเป็นอสูรจากป่าเหมันต์ อยู่ที่นั่นเจ้าไม่เสียเปล่าเลยนะ”

หานอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่เปลี่ยนแปลง แม้วาจาจะผิด ๆ ถูก ๆ จนฟังดูแปลก แต่น้ำเสียงก็ยังโอหังอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าหนู ข้ายอมรับว่าเจ้ามีสายเลือดที่ดีกว่า ถึงข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าเป็นมังกรสายพันธุ์ใด แต่อย่างไรวันนี้เจ้าก็ต้องตายที่นี่ !”

มังกรเหมันต์เปล่งเสียงดังลั่น มันเริ่มจะคลั่งขึ้นมาบ้างแล้ว

“ฮ่า ๆ ๆ ถ้างั้นก็มาลองดูว่าใครจะอยู่ใครจะตาย แค่พูดอย่างเดียวฆ่าข้าไม่ได้หรอก”

หานอวี้แสยะยิ้มพร้อมกันนั้นร่างกายของมันก็แปรเปลี่ยน ในชั่วพริบตาร่างเล็กจ้อยของเด็กชายมนุษย์ก็กลับกลายเป็นมังกรทองห้าเล็บสายเลือดบริสุทธิ์

ร่างมังกรของหานอวี้นั้นมีขนาดที่เล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดร่างที่แท้จริงของมังกรเหมันต์ อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นร่างสูงส่งของมังกรทองที่สง่างามน่าเกรงขาม รวมทั้งสัมผัสได้ถึงแรงกดดันเฉพาะตัวอันเหนือกว่าที่ถูกปลดปล่อยออกมา ทั้งหงส์แดงและมังกรเหมันต์ก็เกิดความเกรงกลัวขึ้นมาในจิตใจ

“มังกรทองห้าเล็บ ! เจ้าเป็นมังกรทองห้าเล็บอย่างนั้นรึ !”

มังกรเหมันต์อุทานอย่างอดไม่ได้ ที่ผ่านมามันรู้เพียงว่าเจ้าตัวน้อยนี่เป็นแค่ลูกมังกรที่มีระดับสูงกว่ามันเท่านั้น ทว่ามันก็คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเป็นถึงมังกรทองห้าเล็บ สิ่งมีชีวิตระดับสูงเป็นเพียงตำนานเล่าขานในหมู่มวลอสูรเท่านั้น

ด้วยเลือดแห่งเผ่ามังกรที่ต่ำชั้นกว่าทำให้มังกรเหมันต์ถูกแรงกดดันทางสายเลือดของหานอวี้เล่นงานอย่างหนักหน่วง หากไม่ใช่เพราะหานอวี้เป็นเพียงลูกมังกรตัวเล็ก ๆ ที่ยังระดับไม่สูง ป่านนี้มังกรเหมันต์คงจะเข่าอ่อนทรุดกายลงกับพื้นไม่สามารถลุกขึ้นได้ไปแล้ว

“ไม่ผิดแน่ นี่คือมังกรทองห้าเล็บในตำนาน !”

ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในแววตาของหงส์แดง แม้ว่ามันจะรู้สึกได้ถึงสายเลือดที่สูงส่งจากตัวหานอวี้ แต่ก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่ามันจะเป็นถึงมังกรทองห้าเล็บ

“มังกรชั่ว ถึงพลังน้ำแข็งของเจ้าจะทรงพลังมาก แต่เจ้าควรจะรู้ไว้นะว่า ข้าไม่เกรงกลัวธาตุไหนทั้งนั้น ด้วยความช่วยเหลือของหงส์แดงน้อย ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะเอาชนะพวกเราได้ยังไง !”

หานอวี้เอ่ยวาจาท้าทาย แรงกดดันอันรุนแรงของมันพุ่งตรงเข้ากดดันมังกรเหมันต์ไม่หยุดยั้ง

มังกรเหมันต์ขมวดคิ้ว มังกรอาวุโสในร่างมนุษย์ส่งเสียงคำรามลั่นก่อนจะเปลี่ยนร่างกลับเป็นมังกรเช่นกัน

หงส์แดงเองก็เปลี่ยนคืนสู่ร่างเดิม อสูรสาวระดับตำนานจ้องเขม็งไปยังมังกรธาตุน้ำแข็ง มันตั้งสมาธิและเร่งเร้าพลังที่ยังพอเหลืออยู่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้

“เหอะ วันนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปก่อน !”

ในตอนที่ทุกคนกำลังคิดว่ามังกรเหมันต์จะเปิดฉากโจมตีอย่างเต็มกำลัง เจ้ามังกรผู้รุกรานกลับทิ้งวาจาประหนึ่งฝากความแค้นเอาไว้ก่อนจะหันหลังวิ่งหนีไปทันที

เพียงพริบตาเดียว ร่างกายใหญ่โตของมังกรน้ำแข็งก็กระโจนหนีไปไกลเสียแล้ว มังกรผู้ทะนงตนว่ายิ่งใหญ่วิ่งหนีไปโดยไม่คิดจะหันกลับมามองแม้แต่น้อย

“บัดซบ เจ้ามังกรเหมันต์ตัวนี้มันจะเกินแล้วแล้วนะ !”

เมื่อเห็นมังกรเหมันต์หันหลังหนีไปอย่างรวดเร็วราวกับลมพัด อสูรมายาหลายตัวของฉินอวี้โม่ก็อึ้งจนพูดไม่ออก ขณะที่อาชาหัวร้อนอย่างเสี่ยวเฮยนั้นรู้สึกคับแค้นจนอดสบถออกมาไม่ได้ ในความคิดของมันแล้ว มังกรเหมันต์ตัวนี้เป็นอสูรมากอาวุโสเสียเปล่า แต่กลับไร้ยางอายเป็นอย่างยิ่ง

คราใดที่พบว่าตนเป็นฝ่ายได้เปรียบก็จะปรากฏตัวออกมาด้วยท่าทีหยิ่งยโสไม่มีผู้ใดเทียบ แต่ในคราที่ประเมินแล้วว่าตนไม่อาจจะเอาชนะได้มันก็หันหลังแล้ววิ่งหน้าตั้งทันที

พฤติกรรมของมังกรเหมันต์ตัวนี้ทำให้เหล่าอสูรมายาอับอายขายหน้ายิ่งนัก โดยเฉพาะเผ่าพันธุ์มังกรสายเลือดบริสุทธิ์อย่างหานอวี้และว่าที่เผ่าพันธุ์มังกรอย่างหลิวหยา

หานอวี้และหงส์แดงยืนแน่นิ่งอย่างหมดคำพูด สองอสูรผู้พร้อมต่อสู้เปลี่ยนกลับมาอยู่ในร่างมนุษย์ก่อนจะเดินเข้าไปหาฉินอวี้โม่ด้วยใบหน้างุนงง

“ท่านแม่ เจ้ามังกรตัวนั้นมันหน้าไม่อายจริง ๆ!”

หานอวี้ไม่รู้ว่าจะกล่าวสิ่งใดดี มังกรตัวนั้นเป็นหนึ่งในอสูรที่ไร้ยางอายที่สุดเท่าที่ชีวิตน้อย ๆ ของมันเคยเห็นมา ในเมื่อเกิดมาเป็นมังกรแล้วก็ควรจะมีเกียรติและสู้จนตัวตายให้สมเกียรติ ทว่าเจ้าตัวนี้กลับวิ่งหนีอย่างไม่ต้องคิด มันช่างน่าอับอายยิ่งนัก

อย่างไรก็ตาม สายพันธุ์มังกรเหมันต์นั้นจัดอยู่ในระดับล่าง ๆ แห่งเผ่าพันธุ์มังกร มังกรน้อยจึงคาดเดาเอาเองว่า ในเรื่องศักดิ์ศรีมังกรนี้ พวกพ้องเผ่าพันธุ์น้ำแข็งอาจจะไม่ได้เคร่งครัดกันมากนัก

หงส์แดงเองก็กล่าวสิ่งใดไม่ออก อสูรสายได้แต่ส่ายศีรษะ ทว่าใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“หงส์แดงน้อย ดูเหมือนเจ้าจะบาดเจ็บอยู่นะ เจ้ารีบหาทางรักษาตัวเองก่อนเถอะ ห้าวววว~”

หานอวี้ฉีกยิ้มตาหยีแล้วหาวปากกว้าง มังกรน้อยในร่างเด็กชายขยี้ตาพลางกล่าวเสียงงัวเงีย  “ข้าคงต้องรีบกลับไปนอนแล้ว คงจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าไม่ได้”

กล่าวจบร่างของหานอวี้ก็หายวับไป ก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้งในมิติเชื่อมอสูร ยามนี้ถึงเวลานอนกลางวันของลูกมังกรแล้ว

“มนุษย์ ข้าขออะไรเจ้าสักอย่างได้หรือไม่ ?”

เมื่อเห็นว่ามังกรทองห้าเล็บตัวน้อยหายไปแล้ว อสูรสาวแสนงดงามก็หันมามองฉินอวี้โม่ก่อนจะเอื้อนเอ่ยวาจานุ่มนวล

“เชิญพูดมาได้”

ฉินอวี้โม่ยิ้มตอบ ในใจนางไม่มีความคิดที่จะกระทำฝืนใจให้หงส์แดงต้องยอมสยบและจับมาทำพันธสัญญา คุณหนูตระกูลฉินเข้าใจดีถึงความหยิ่งทะนงของอสูรตรงหน้า อสูรระดับตำนานเช่นนี้มิอาจยอมก้มหัวให้แก่ผู้ใดโดยง่าย นางจะไม่ฉกฉวยช่วงเวลาที่มันอ่อนแอบังคับให้ยอมจำนน หรือหากเป็นหงส์แดงในยามปกติโอกาสที่จะฉินอวี้โม่สยบมันได้ก็มีน้อยมาก ดังนั้นครั้งนี้อดีตนักฆ่าสาวไม่คิดละโมบเกินตัว

“ถ้าหากเจ้าเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรก็ช่วยทำพันธสัญญากลับข้าด้วยเถอะ !”

จู่ ๆ อสูรสาวผู้อยู่ในเผ่าพันธุ์แสนศักดิ์สิทธิ์ก็เอื้อนเอ่ยสิ่งที่ทำให้ฉินอวี้โม่ต้องตกตะลึงออกมา

นางไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดอสูรที่น่าจะหยิ่งทะนงอย่างหงส์แดงถึงได้คิดจะยินยอมให้ตัวเองถูกทำพันธสัญญาและกลายเป็นอสูรของมนุษย์ที่พวกมันมองว่าต่ำชั้นกว่าไปได้

“ตอนนี้ข้าได้รับบาดเจ็บ อาการของข้านับว่าหนักหนามาก เจ้าเองก็น่าจะรู้ว่ามังกรเหมันต์ตัวนั้นมุ่งเป้ามาที่ข้า แม้ว่าตอนนี้มันจะหนีไปแต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะกลับมาอีกครั้งเมื่อไหร่ ในตอนนี้เส้นพลังมายาของข้าถูกไอเย็นของมันทำลายไปหลายส่วนแล้ว หากข้าจะฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาสมบูรณ์ได้ดังเดิมคงต้องใช้เวลายาวนาน ถ้าอยู่ตัวคนเดียวในป่าที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างป่าต้องห้าม ข้าก็เกรงว่าด้วยพลังเวลานี้ ข้าคงมิอาจป้องกันตัวเองได้”

หลังจากหยุดไปชั่วครู่ หงส์แดงก็กล่าวต่อ “ในเมื่อเจ้าเป็นนายของมังกรทองห้าเล็บก็แสดงว่าพรสวรรค์ของเจ้านั้นสูงส่ง จากที่ข้าเห็นเจ้าไม่ใช่คนเลวร้าย หากข้าต้องเป็นอสูรของคนอย่างเจ้าก็คงไม่ใช่เรื่องที่ย่ำแย่นัก”

หลังจากคำอธิบายของหงส์แดงจบลง ฉินอวี้โม่ก็ยังคงมีอาการตกตะลึง แต่ในตอนนั้นความสงสัยบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัว นางจึงเอ่ยถาม

“หากเป็นเช่นนั้นเจ้าก็แค่ออกไปจากป่าแห่งนี้ก่อนแล้วรักษาตัวก็ได้นี่ ทำไมถึงเลือกจะมาเป็นอสูรของข้าล่ะ ?”

“หึ ๆ ๆ เจ้าคงไม่รู้สินะว่าอสูรทุกตัวในดินแดนต้องห้ามไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ นอกเสียจากจะทำพันธสัญญากับมนุษย์เท่านั้น แม้ว่าข้าจะเป็นอมตะ และต่อให้บาดเจ็บร้ายแรงอย่างไรเต็มที่ก็แค่กลับไปเป็นไข่ แต่วิธีนั้นก็จะทำให้ข้าต้องใช้เวลาอีกหลายร้อยปีกว่าจะฝึกจนมีพลังอย่างวันนี้ได้ ยิ่งกว่านั้นการออกเดินทางท่องเที่ยวในโลกภายนอกก็อาจจะไม่ได้แย่”

หงส์แดงเผยรอยยิ้มงดงาม น้ำเสียงของอสูรสาวฟังดูเหมือนไร้ซึ่งหนทางแต่ก็มีแววแห่งความหวังเล็ก ๆ เจือปนอยู่ลึก ๆ มันตัดสินใจแล้วว่าจะขอผูกพันธสัญญาเพื่อติดตามสตรีมนุษย์ตรงหน้าไป