ตอนที่ 17 ชายารัชทายาท (2)

หนทางรอดของนักบุญหญิงตัวปลอม

ฉันเองก็จำไม่ได้แน่ชัดว่าเรื่องราวผ่านไปอย่างไร หลังจากที่ตอบตกลงแต่งงานกับเลออน ฉันก็หมดสติไปในอ้อมแขนของเขาทันที สิ่งสุดท้ายที่จำได้คืออ้อมกอดของเลออนที่อุ้มฉันขึ้นและเสียงร้องตะโกนของคาร์ล

ตอนที่ลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่านอนอยู่บนเตียงนุ่มๆ แล้ว ฉันค่อยๆ ยันตัวขึ้น

“ที่นี่…”

เมื่อกวาดตามองรอบข้างก็เห็นเฟอร์นิเจอร์และพรมหรู เมื่อเงยหน้าขึ้น ฉันก็ตระหนักได้ทันทีว่าที่นี่คือด้านในของกระโจมเคลื่อนที่

‘ค่ายทหารของหน่วยอัศวินแห่งจักรวรรดิ…อย่างนั้นเหรอ?’

ที่นี่คงจะเป็นที่พักของเลออน ไม่อย่างนั้นจะอธิบายความเว่อวังนี่อย่างไร โคมไฟถูกจุดขึ้นทั่วกระโจม ตอนนี้คงจะเป็นเวลากลางคืนแล้ว

‘ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว? แล้วหลังจากนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง’

ขณะที่คิดเช่นนั้นพลางขยับตัวลุกขึ้น ฉันก็ทรุดฮวบลงไปทันที ดูเหมือนร่างกายจะยังไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเพราะความเหนื่อยล้า ชั่วขณะที่กำลังรวบรวมพลังและลุกขึ้นอีกครั้ง ฉันถึงเห็นว่าตนเองกำลังสวมชุดอะไร

สิ่งที่ฉันกำลังสวมอยู่คือชุดเจ้าสาว

ขณะที่เห็นชุดเจ้าสาว เสียงของเลออนที่ได้ยินเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสิ้นสติก็ผุดขึ้นมา

“ทุกคน คุ้มครองชายารัชทายาทแห่งจักรวรรดิ!”

“อา…”

ความทรงจำนั้น ทำให้ฉันพอจะคาดเดาได้ว่าทำไมตนถึงสวมชุดแบบนี้

ฉันพิจารณาชุดเจ้าสาวอย่างระมัดระวัง แม้จะไม่ใช่ผ้าเนื้อดี ทว่าการรอยปักเย็บขาวบริสุทธิ์แต่ละรอย แต่ละรอยเรียกได้ว่าละเอียดและประณีตเป็นอย่างยิ่ง

ฉันใช้นิ้วลูบไล้พวกมันอย่างเชื่องช้าพลางหวนคิดถึงความทรงจำต่อไป โชคดีที่ไม่รู้สึกขาดหายตรงไหนไป แต่ไม่นานก็รู้สึกปวดหัวน้อยๆ ขณะที่ฉันใช้มือยันหน้าผากและกำลังขยับตัว ทางเข้าของกระโจมพลันมีเสียงดังขึ้น ผ้าที่ปิดทางเข้าถูกยกขึ้น ก่อนที่คนคุ้นเคยจะเข้ามาด้านใน

“อ้าว ตื่นแล้วหรือ”

ย่อมเป็นเลออนที่เข้ามา เมื่อเห็นการแต่งกายของเขา ฉันก็ทำได้เพียงมองไปอย่างเหม่อลอยโดยไม่อาจเอ่ยคำใดได้ เขาเองก็สวมชุดเครื่องแบบสีขาวเช่นเดียวกับฉัน และแน่นอนว่านั่นคือชุดของพิธีแต่งงาน เขารับรู้ได้ถึงสายตาของฉันจึงยิ้มอย่างเคอะเขิน ไม่ใช่รอยยิ้มที่ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ เลออนเดินเข้ามาทางเตียงนอนและนั่งลงด้านข้าง ก่อนนำมือมาแนบหน้าผากฉัน

“ท่านไข้ขึ้น รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าคิดว่าน่าจะยังปวดหัวอยู่ หากได้กินยาอีกสักครั้งก็คงจะดีขึ้นแล้ว”

เลออนกล่าวพลางหยิบยาเม็ดกลมสีดำเล็กๆ และน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะแถวนั้นเข้ามาใกล้ เขาอ้าปากน้อยๆ ราวกับสั่งให้ฉันอ้าปาก ฉันจ้องมองเขาอย่างนิ่งเงียบ

“ปวดมากเลยหรือ? กินไหวหรือไม่?”

สายตาของเลออนสำรวจไปทั่วตัวฉัน สีหน้าเป็นกังวลกลัวว่าฉันจะเจ็บปวดที่ไหนจริงๆ

“…”

เมื่อเห็นฉันยังคงมองไปที่เขาโดยไม่พูดอะไร ใบหน้าของเลออนก็ยิ่งมืดมนมากขึ้น พอได้เห็นอีกฝ่ายเอาแต่เป็นห่วงสภาพร่างกาย ก็ทำให้ฉันแอบคิดว่าหรือเรื่องราวทั้งหมดก่อนหมดสติไปจะเป็นแค่ความฝัน เรื่องที่ฉันหลบหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย ได้พบคาร์ล ราธบันหมดสติและสุดท้ายฉันก็ถูกจับ

ทว่า ชั่วขณะที่ได้เห็นชุดเจ้าสาวที่ใส่ ฉันก็เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องยอมรับความจริง

เลออนสัมผัสได้ว่าสายตาของฉันยังคงเอาแต่วนเวียนอยู่บนชุด เขาจึงถอนหายใจยาวพร้อมกับเสยผม

“ชุดแต่งงานข้าหามาจากหมู่บ้านแถวนี้อย่างเร่งรีบ วิหารหลวงจะต้องสร้างเรื่องเพื่อทำให้การแต่งงานครั้งนี้เป็นโมฆะแน่ ดังนั้นข้าจึงจำเป็นต้องจัดเตรียมของที่จำเป็นให้ครบถ้วนไว้ก่อน หากท่านลองฟังเสียงก็น่าจะเข้าใจ ตอนนี้ยังอยู่ในพิธี โชคยังดีที่ท่านตกปากรับคำข้าก่อนสลบไป ดังนั้นพิธีส่วนที่ต้องได้รับคำยินยอมของท่านจึงถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ตอนนี้พิธีแต่งงานเสร็จสิ้นแล้ว และกำลังมีงานเลี้ยงฉลองอยู่”

ได้ยินดังนั้น ฉันจึงหันหน้าไปและเงี่ยหูฟังเสียงที่ดังอยู่ด้านนอก มีเสียงดนตรีประกอบกับเสียงพูดคุยด้วยความเมามายจนดังเจี๊ยวจ๊าวอย่างที่เขาพูดจริงๆ บางครั้งยังมีเสียงโห่ร้องยินดีในการแต่งงานขององค์ชายรัชทายาทดังแทรกมาระหว่างดนตรีด้วย

ทว่านั่นไม่ใช่เสียงที่พูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติ กลับเป็นน้ำเสียงที่เหมือนกับกำลังอ่านบทละครราวกับจงใจให้ใครได้ยิน

‘ทั้งหมดนี้คือการแสดง’

การแต่งงานครั้งนี้คือการเล่นละคร นักแสดงที่สำคัญที่สุดก็คือฉันและเลออน ส่วนชื่อของละครเรื่องนี้คือ ‘การแต่งงานขององค์ชายรัชทายาท’

เลออนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อละครเรื่องนี้ ไปหมู่บ้านจัดเตรียมเสื้อผ้า และใช้ที่ตั้งค่ายของหน่วยอัศวินแห่งจักรวรรดิเป็นเวที บางทีคาร์ลและหน่วยอัศวินแห่งวิหารที่อยู่แถวนี้ก็คือผู้ชมของละครเรื่องนี้นั่นเอง

เลออนมองหน้าฉันพลางอธิบาย

“เมื่อครู่ก่อนข้าก็ได้พูดไปแล้ว วันนี้เป็นเพียงแค่พิธีที่จัดขึ้นอย่างรีบเร่งเท่านั้น เมื่อกลับไปพระราชวังเราจะจัดพิธีขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และเป็นทางการอีกครั้ง หากพวกเราไม่ทำถึงขั้นนี้ ก็ยากที่จะทำให้คาร์ลหุบปาก…แถมหน่วยอัศวินแห่งจักรวรรดิก็ไม่อาจเคลื่อนไหวได้โดยง่ายเช่นกัน”

ฉันทำเพียงนั่งฟังคำพูดของเขาเงียบๆ สุดท้ายเลออนก็ถอนหายใจยาวออกมาเมื่อเห็นฉันเป็นเช่นนั้น

“…ข้าคิดว่าท่านจะโกรธข้าหรือไม่ก็ร้องไห้เมื่อตื่นขึ้นมาเสียอีก”

“…”

“เป็นเช่นนั้นยังดีเสียกว่า ดีกว่าที่ท่านมองข้าด้วยสายตาแบบนั้นอยู่ตอนนี้”

เลออนยกสองมือขึ้นลูบหน้า ก่อนเอ่ยถาม

“ท่านสงสัยเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากท่านสลบไปหรือไม่?”

ฉันไม่กล่าวอะไรเมื่อได้ยินคำถามนั้น และพยักหน้าแทนคำตอบ ทันใดนั้น เลออนก็ยิ้มขื่นพลางกล่าว

“หรือพูดให้ชัดเจน ท่านคงจะสงสัยเรื่องของเซอร์ราธบันกระมัง”

“…”

ฉันรู้เจตนาที่แท้จริงของเขาที่จงใจถามต่างออกไปทั้งที่คาดเดาได้ว่าฉันอยากรู้เรื่องใด ดังนั้นฉันจึงก้มศีรษะลงอีกครั้งอย่างคนทำผิด

“หน่วยอัศวินแห่งวิหารที่พาเซอร์ราธบันไป หลบหนีจากการไล่ล่าของวิหารหลวงได้อย่างปลอดภัยและซ่อนตัวสำเร็จแล้ว”

“อา…”

ได้ยินดังนั้น ฉันก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกโดยไม่รู้ตัว

“ทว่าข้าไม่รู้ว่าเขาจะอดทนต่อไปได้อีกนานเพียงใด เพราะข้าแค่ปล่อยเขาไปเท่านั้น ไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออื่นใดอีก ได้ยินมาว่าเขาบาดเจ็บ แถมยังถูกพิษร้ายแรงอีกด้วย แม้พลังศักดิ์สิทธิ์ของหน่วยอัศวินจะช่วยให้อดทนต่อไปได้อีกหน่อย แต่หากไม่ได้รับการรักษาด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งกว่านั้น สุดท้ายก็คงจะอดทนต่อไปได้อีกไม่นาน แต่กระนั้นหากทำได้ดี ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่ได้นานกว่าที่คิดไว้ บางทีอาจจะได้อีกหลายเดือน ไม่สิ อาจจะหลายปีก็เป็นได้ และตราบใดที่ยังมีลมหายใจ เขาก็คงพยายามที่จะพบท่านให้ได้อีกครั้ง”

เสียงของเลออนที่กล่าวเช่นนั้นฟังดูเยือกเย็น เพียงแค่นั้นก็ทำให้ฉันรู้ว่าเลออนเกลียดราธบันขนาดไหน ความเกลียดชังอย่างรุนแรงของเลออนที่ไม่เคยเผยออกมาในตอนที่อยู่ในวิหารหลวง ทำให้ฉันตระหนักได้ว่าที่ผ่านมาในวิหารหลวงเขาต้องควบคุมตนเองมากเพียงใด

เลออนกำลังเกลียดราธบันมากกว่าที่ฉันคิด

‘ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไม…’

คำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวทำให้ฉันถามกลับไป

“…ทำไมท่านถึงไม่ฆ่าราธบันหรือ”

เหตุการณ์คราวนี้เป็นเพียงโอกาสเดียวหากเลออนจะฆ่าราธบัน แม้การปะทะกับหน่วยอัศวินแห่งวิหารที่คอยปกป้องราธบันจะยุ่งยาก แต่หากเขาไม่ยอมปล่อยไปแต่แรก เขาก็คงเอาชีวิตของราธบันได้ง่ายเหลือเกิน

แต่นี่เขาถึงกับยอมประจันหน้ากับคาร์ลและช่วยให้ราธบันหนีไป เลออนยอมหลีกทางให้มากมาย เพราะถือว่านี่คือความเมตตาที่เขามอบให้ราธบันที่ช่วยปกป้องฉัน ซึ่งฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเลออนถึงต้องทำแบบนั้น

เลออนตอบคำถามของฉันทันทีอย่างไม่ลังเลราวกับคนที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว

“เพราะสิ่งที่ข้าจะได้รับหลังจากฆ่าเขาแล้วไม่มีเลย ไม่สิ มีแต่สูญเสียไปด้วยซ้ำ”

เลออนตอบเช่นนั้นพลางขยับเข้ามาใกล้ฉันอีกหน่อย

“ข้ายังไม่โง่ถึงขนาดที่จะคิดว่าหากข้าฆ่าเซอร์ราธบัน แล้วท่านก็จะมอบความรักให้ข้า คนโง่เขลาเช่นนั้นมีแค่เสด็จพ่อของข้าคนเดียวก็มากพอแล้ว”

“…”

“เสด็จพ่อของข้าฆ่าคู่หมั้นของเสด็จแม่แล้วนำศีรษะของเขามอบให้เป็นของขวัญ สิ่งที่เสด็จพ่อพรากไปมิใช่แค่คู่หมั้นคนนั้น ในวันนั้น ความหวังของเสด็จแม่ก็ถูกพรากไปด้วยเช่นกัน แล้วคนที่ไม่เหลือแม้แต่ความหวังในชีวิตจะมีชีวิตเป็นอย่างไรกันเล่า? นั่นไม่ใช่ว่ากำลังมีชีวิตอยู่ แต่กำลังตายลงต่างหาก”

“…”

“ลีน่า ข้ารู้ว่าท่านจะมีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง ตราบใดที่เซอร์ราธบันยังมีชีวิตอยู่”

“เลออน…”

“ต่อให้ท่านจะขุ่นเคืองและโกรธเกลียดข้า แต่ท่านจะไม่มีวันใช้ชีวิตเหมือนกำลังจะตาย เพียงแค่นั้น…ข้าก็พอใจแล้ว เซอร์ราธบันได้ดวงใจของท่านไปครอบครอง เพราะฉะนั้นข้าขอแค่ได้พยายามเพื่อให้ได้สิ่งที่เหลืออยู่ก็พอแล้ว ตอนนี้ท่านและข้าก็แต่งงานกันแล้ว ชื่อของท่านจะได้อยู่เคียงข้างข้าไปชั่วนิรันดร์ ท่านคงไม่รู้ว่าแค่นั้นก็ทำให้ข้ารู้สึกดีใจเพียงใด”

เมื่อได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความจริงใจของเลออน ฉันก็ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร

“อย่างน้อยตราบใดที่ข้ายังมีประโยชน์ ท่านก็จะยิ้มให้ข้า อ่อนโยนกับข้า และกอดข้าไปตลอด เพราะฉะนั้นแล้วก็ใช้ประโยชน์จากข้าไปจนถึงที่สุดเถิด ส่วนข้าก็จะพิสูจน์คุณค่าของตัวเองอย่างสุดความสามารถเช่นกัน”

เลออนกล่าวเช่นนั้นแล้วหลับตา เขากำลังรอฉันราวกับเครื่องมือที่กำลังรอการถูกใช้

ไม่ว่าฉันจะทำอะไร เลออนก็ไม่ถือโทษโกรธฉัน บางทีต่อให้ฉันเดินออกไปจากกระโจมทั้งอย่างนี้ เขาก็คงไม่รั้งฉันไว้ ไม่สิ บางทีหากฉันจะไปยังดินแดนแสนไกล เขาก็ยังอยู่เคียงข้างเพื่อปกป้องฉัน แต่มันก็เท่านั้น ไม่ว่าเขาจะทำเพื่อฉันมากแค่ไหน ฉันก็ไม่อาจมอบสิ่งใดให้แก่เขาได้ แต่หากฉันต้องการสิ่งใด ฉันก็ต้องใช้เขา

ถ้าอย่างนั้นแล้ว

ฉันจ้องเลออนตรงๆ แล้วกล่าว

“เลออน ข้าชอบท่าน”

เลออนสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น ฉันเอื้อมมือออกไปโอบคอเขาเข้ามากอด ใบหน้าของเขาซุกอยู่ระหว่างหน้าอกนุ่ม ร่างกายที่แข็งเกร็งของเขาสั่นน้อยๆ จนรู้สึกได้ ฉันใช้มือขยุ้มเส้นผมของเขา

“ฮา…”

เสียงถอนหายใจอย่างอ่อนแรงแทรกผ่านช่องฟัน สัมผัสเข้ากับเนินอกใต้ชุดเจ้าสาว

ที่ฉันบอกว่าชอบเขาไม่ใช่เรื่องโกหก ฉันชอบเขาจริงๆ ตอนที่นอนกับเขาครั้งแรก ถึงแม้ว่าฉันจะมีความทรงจำของอีเบลลีน่า แต่อย่างไรก็รู้สึกหวาดกลัวจนไม่มีสติไตร่ตรองให้ดีพอ ฉันถึงกับเกลียดชังตัวเอง ดังนั้นจึงคิดแต่เพียงว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันช่างเลวร้าย

ทว่าหลังจากนั้นฉันกลับไม่คิดว่าเลออนน่าขยะแขยง แม้เขาจะรุนแรงไปสักหน่อยเพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่กระนั้นเขาก็ปรนนิบัติฉันอย่างอ่อนโยนยิ่งนัก จนทำให้ฉันไม่รู้สึกทุกข์ระทมหรืออับอายใจในตอนที่นึกถึงเรื่องคืนนั้นเมื่อมองหน้าเขา

ไม่ใช่เพียงเท่านั้น หลังจากนั้น ฉันเคยคิดว่าเขาจะปรารถนาค่ำคืนอื่นอีกครั้ง โดยอ้างถึงความสัมพันธ์กับฉัน แต่ไม่ใช่ เขาคอยช่วยเหลือฉันอยู่ในจุดที่ตนสมควรจะอยู่ บอกเล่าสิ่งที่ฉันสงสัยและชื่นชอบให้ฟังอย่างละเอียด และใช้เวลากับฉันด้วยการกินข้าวเท่านั้น เหมือนกับเพื่อนที่รู้ใจกันจริงๆ

เขามอบความสบายใจที่คล้ายกับมิตรภาพให้แก่ฉัน เลออนคงไม่รู้ว่าชีวิตประจำวันในวิหารหลวงที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด สิ่งนั้นเป็นการผ่อนคลายอันล้ำค่าที่พบเจอไม่บ่อยสำหรับฉันแค่ไหน

“เลออน ข้าคิดว่าท่านเป็นเพื่อนที่ดีมากจริงๆ”

“ข้าไม่อยากเป็นเพื่อนกับท่าน”

เลออนตอบเสียงแผ่วเบา

“…ข้ารู้ ดังนั้นข้าจึงรู้สึกผิด”

ฉันถอนตัวออกมา ลมหายใจอุ่นที่เปี่ยมไปด้วยความเสียดายแทรกผ่านปากของเขาออกมาอีกครั้ง แต่ไม่นานเขาก็ต้องหุบปาก นั่นเพราะมือของฉันเริ่มปลดกระดุมชุดเจ้าบ่าว

“…จากนี้ไปข้าตั้งใจจะใช้ประโยชน์จากท่านอีกครั้ง”

ได้ยินดังนั้น เลออนก็เงยหน้าขึ้นมองฉัน นัยน์ตาของเขาวูบไหวอย่างสับสน ฉันกุมใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยสองมือ ขยับเข้าไปใกล้และจุมพิตเขา เสียงลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดกันดังขึ้นพร้อมกับที่ลมหายใจเริ่มร้อนรุ่ม

โคนลิ้นของเขาเกี่ยวลิ้นของฉันจนทำให้รู้สึกเจ็บ ลิ้นของเขารุกล้ำด้านในอยู่สักพักจนทำให้หายใจไม่ออก ฉันดิ้นขยุกขยิก ก่อนจะถอยไปด้านหลังครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหยุดมัน

ทันทีที่ฉันกลับมาหยุดนิ่ง ลิ้นของอีกฝ่ายที่ไล้ไปตามฟันก็บุกรุกเข้ามาด้านในอย่างระมัดระวังอีกครั้ง ปลายลิ้นแหลมตวัดเกี่ยวเนื้อนุ่มอย่างละเมียดละไม ความรู้สึกคันยุบยิบเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนในไม่ช้า เสียงหัวเราะแผ่วเบาของเลออนดังขึ้นราวกับตระหนักถึงมันได้

“ตั้งใจจะใช้ประโยชน์จากข้าอย่างนั้นหรือ”

เสี้ยวหนึ่งของหัวใจพลันเจ็บแปลบเมื่อได้ยินดังนั้น

“ข้าชักสงสัยแล้วสิว่าท่านคิดจะใช้อะไรอย่างไร”

มีเวลาพักเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น ลิ้นของเลออนก็เริ่มรุกรานเข้ามาด้านในอีกครั้ง เขาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังยิ่ง แต่กระนั้นก็ไม่ยอมถอยห่างออกไปอย่างเด็ดขาด

“แฮ่ก…แฮ่ก…”

ผ่านไปอีกพักใหญ่ เขาถึงได้ผละตัวออกจากฉันไป ขณะที่กำลังสูดลมหายใจที่ขาดหายและเริ่มได้สติกลับมา ฉันก็เอ่ยถามเขา

“…ชายารัชทายาทสามารถเคลื่อนกำลังพลได้มากแค่ไหน?”

ได้ยินดังนั้น เลออนก็ยิ้มขมขื่น เขาคงจะรู้แล้วว่าจูบเมื่อครู่ก่อนมีเพื่ออะไร และฉันจะใช้งานเขาอย่างไร

“ท่านสามารถควบคุมกองกำลังทั้งหมดของจักรวรรดิได้อย่างอิสระ ยกเว้นหน่วยอัศวินที่หนึ่งซึ่งอยู่ใต้การควบคุมของจักรพรรดิโดยตรง หน่วยอัศวินที่สองของจักรพรรดินี และหน่วยอัศวินที่สามขององค์ชายรัชทายาท”

นั่นคือคำตอบที่ได้รับเป็นค่าตอบแทนสำหรับจูบที่ยาวนาน ฉันเอ่ยถามเขาอีกครั้ง

“เช่นนั้นแล้วอัศวินหน่วยใดมาที่นี่ตอนนี้”

เขาซุกใบหน้าลงมาที่ต้นคอของฉันแทนคำตอบ ริมฝีปากของเขาขบเม้มต้นคอและเลื่อนลงด้านล่าง ก่อนจะหยุดวนเหนือไหปลาร้า ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไรถึงจะได้รับคำตอบจากเขา หากอยากได้สิ่งหนึ่ง ก็จำเป็นต้องมอบสิ่งหนึ่งให้

ฉันยื่นมือออกไปจับศีรษะของเขาที่คลอเคลียอยู่บริเวณต้นคอโดยไม่กล่าวสิ่งใด จากนั้นก็ค่อยๆ กดลงไปด้านล่าง ลมหายใจร้อนที่หอบถี่ของเลออนสัมผัสเหนือหน้าอกที่ขยับขึ้นลงอย่างแรงด้วยความประหม่า ฉันกลืนน้ำลาย จากนั้นดึงศีรษะเขาเข้ามากอด

หากใครเห็นคงเป็นภาพที่ดูไม่ต่างจากการให้นม เขาขบกัดทรวงอกของฉันอย่างแรง ชุดเจ้าสาวตัวบางเปียกชื้นและแนบติดผิวในทันที ลิ้นของเลออนไล้เลียเหนือชิ้นผ้าอย่างเชื่องช้า

“อา…อึก…”

แม้จะพยายามข่มกลั้น แต่สุดท้ายฉันก็หลุดครางออกมาเพราะการหยอกเย้าอย่างชำนาญของลิ้นนั้น บางทีเสียงนั้นคงไปกระตุ้นเลออนเข้าให้

“ฮึก!”

ทันใดนั้น เขาก็ดูดหน้าอกอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ความนุ่มนวลจนถึงเมื่อครู่ก่อนหายไปในชั่วพริบตา เขาเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงราวกับสัตว์ร้ายที่หิวโหยกำลังล่าหาของกิน อกอิ่มถูกบดขยี้และดุนดันอยู่ภายในปากของเขาอย่างไร้ความปรานี

“เล เลออน! อ๊า อ๊ะ อึก!”

ฉันพยายามผลักเขาออกไปด้วยความตกใจ ทว่าเขากลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ไม่สิ กลับกลายเป็นว่ายิ่งกอดเอวแน่นขึ้นและฝังใบหน้าลงมาที่หน้าอกของฉันราวกับไม่ให้หนีไป ยอดอกที่ไม่อาจทนต่อการกระตุ้นชูชันขึ้น เขาใช้ริมฝีปากบดขยี้มันทันที

“ฮา อื้อออ!”

เนื้อส่วนที่แข็งตึงถูกบดขยี้เข้ากับริมฝีปากของเขาอย่างต่อเนื่อง เขาทำซ้ำไปซ้ำมาอย่างบ้าคลั่งราวกับเด็กน้อยที่ค้นพบการละเล่นที่สนุกที่สุดในโลก มือของเขาขึ้นมากอบกุมหน้าอกข้างที่ไม่ถูกริมฝีปากรบกวนอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะเคล้นคลึง และขยำอย่างแรง

หากฉันพยายามบิดตัวหนีเพราะมือบีบขยำอย่างแรงจนทำให้รู้สึกเจ็บ เขาก็จะผ่อนแรงจากมือและนวดคลึงอย่างนุ่มนวลอีกครั้งราวกับปลอบโยน ทั่วทั้งฝ่ามือกดลงและถูวนเป็นวงกลมจนทำให้สติเริ่มล่องลอย เสียงดูดดึงอย่างสะเปะสะปะดังขึ้นจากด้านข้างหน้าอกที่บิดเบี้ยวราวกับแป้งนวด

เลออนยังคงดูดหน้าอกของฉันอย่างต่อเนื่องราวกับคนที่รอให้อะไรบางอย่างไหลออกมา ปลายอกที่ถูกรังแกอย่างเต็มที่เริ่มบวมจนรู้สึกเจ็บ ฉันจึงปล่อยมือที่จับเขาไว้และดิ้นพล่าน

“ยะ อย่า! เลออน หยุด!”