การกระทำที่เหมือนจะดูดจนให้น้ำนมไหลออกมาจริงๆ ของเขาทำให้ฉันรู้สึกกลัว คงเป็นเพราะฉันดิ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย อีกฝ่ายถึงได้ยอมยกศีรษะขึ้น ฉันหอบแฮ่กๆ และสูดลมหายใจเข้าไปอย่างแรง เลออนจ้องฉันที่เป็นเช่นนั้นด้วยแววตาอ่อนโยน ท่าทางของเขาดูสงบจนทำให้ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือคนที่ละโมภในหน้าอกของฉันอย่างบ้าคลั่งเมื่อครู่ก่อน
“ท่านสงสัยหรือว่าอัศวินหน่วยใดอยู่ที่นี่”
เขาวางตัวฉันที่หมดเรี่ยวแรงลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง
“นั่นเป็นความลับสุดยอดเชียวนะ จะให้พูดออกมาง่ายๆ คงไม่ได้ ลีน่า”
มือของเขาที่พูดเช่นนั้นวางเหนือชุดเจ้าสาวอีกครั้ง เชือกที่ถูกมัดอย่างงดงามถูกคลายออกทีละจุด หลังจากนั้นไม่นาน ชุดเจ้าสาวที่สาบเสื้อถูกคลายออกจนหมดก็ส่งเสียงดังสวบสาบ ไหลผ่านผิวและเลื่อนหล่นบนเตียงนอน เป็นเพราะไม่มีชุดชั้นใน หน้าอกของฉันจึงเผยออกมาท่ามกลางบรรยากาศยามราตรีอย่างแจ่มชัด
ใบหน้าของเลออนเลื่อนเข้าใกล้เหนือหน้าอกที่ขยับขึ้นลงอย่างแรงด้วยความตื่นเต้น เขาจุมพิตลงบนปลายยอดอกที่ตนเย้าแหย่อย่างเต็มที่ด้วยความระมัดระวัง
“อือ อ๊า…!”
ทันทีที่ฉันบิดตัวหนีเพราะความรู้สึกจั๊กจี้ เลออนก็พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ดูเพลิดเพลินอย่างยิ่ง
“หวานเหลือเกิน ต่อให้ข้าดูดมันทั้งวันก็คงไม่เบื่อ หวานจนทำให้แค่ได้เลียลิ้นก็แทบชา ข้าจินตนาการไม่ออกแล้วว่าสิ่งที่ไหลออกมาจากตรงนั้นจะหวานเพียงใด”
เมื่อได้ยินถ้อยคำลามกของเขาที่กำลังบีบขยำหน้าอกอีกครั้งด้วยสีหน้าลุ่มหลง ฉันก็พูดอะไรไม่ออก ผ่านไปครู่หนึ่ง หัวสมองที่มึนงงถึงได้เข้าใจความหมาย ใบหน้าเริ่มแดงก่ำขึ้นมา เลออนคลี่ยิ้ม ก่อนหอมแก้มฉัน
“หากรู้ว่าท่านจะมีสีหน้าที่งดงามได้ถึงเพียงนี้ ข้าคงจะพูดเช่นนี้ไปตั้งนานแล้ว ถึงแม้ที่ผ่านมาจะไม่เคยมีโอกาสให้พูดก็ตาม”
พูดจบ เลออนก็ก้มตัวลงมาขบกัดปลายอกอีกครั้ง เสียงตวัดเลียเนื้อดังเฉอะแฉะก้องอยู่ข้างหูราวกับฟ้าผ่า ฉันกลั้นหายใจยอมรับการกระทำของเขา
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรแล้ว อาจเพราะดูดจนพอใจ เลออนจึงยกศีรษะขึ้น เขายิ้มจนหางตาโค้งแล้วดึงฉันเข้าไปกอด
“ท่านถามถึงหน่วยอัศวินที่อยู่ที่นี่ใช่หรือไม่? หน่วยอัศวินที่อยู่ที่นี่คือหน่วยสาม เป็นหน่วยอัศวินในบังคับบัญชาของข้า เป็นกลุ่มคนพร้อมจะตายหากเป็นคำสั่งของข้า และ…”
ดวงตาของเลออนเป็นประกายในความมืด
“หากข้าสั่ง พวกเขาก็จะก้มหัวให้ชายาของข้าเช่นกัน”
“…”
ฉันรู้ได้ทันทีว่าคำพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร สวมชุดเจ้าสาวอยู่เช่นนี้จะไม่รู้ได้อย่างไร ตอนนี้และที่นี่ฉันจะต้องรับเขาเข้าไปเพื่อกลายเป็นชายารัชทายาท นั่นคือสิ่งที่เลออนต้องการ ไม่รู้ว่าเพราะตระหนักได้ว่าฉันลังเลหรือไม่ เลออนจึงกล่าวขึ้น
“หน่วยข่าวของข้าสืบมาได้ว่าหน่วยอัศวินแห่งวิหารจะออกเดินทางในตอนเช้ามืดของวันพรุ่งนี้เพื่อไล่ล่าอัศวินที่เหลวแหลกทันทีที่พวกเขาเตรียมการเสร็จ”
“…!”
“ท่านเองก็คงจะทราบอยู่แล้ว ตอนนี้มีเพียงหน่วยอัศวินแห่งจักรวรรดิที่อยู่ตรงนี้เท่านั้นที่จะขัดขวางพวกเขาได้”
สิ้นคำ เลออนก็จุมพิตลงบนหลังมือของฉันเหมือนตอนที่ได้พบกันคราแรก
“เขาได้ความรักของท่านไป ดังนั้นข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องการสิ่งอื่นจากท่าน ลีน่า ใช้งานข้าเถิด ให้ข้าเข้าไป และควบคุมทุกสิ่งอย่างของข้าไปตามที่ท่านต้องการ ข้ายอมเป็นเครื่องมือให้ท่านด้วยความยินดี ขอเพียงแค่ท่านอยู่เคียงข้างข้าก็พอแล้ว”
เลออนคว้าข้อมือของฉันแล้วดึงเบาๆ นำมือของฉันวางลงเหนือหัวใจของเขา หัวใจของเขากำลังเต้นตึกตักอยู่ใต้กล้ามเนื้อเรียบแน่นจนรู้สึกได้อย่างชัดเจน ผิวของเขาที่ชื้นไปด้วยเหงื่อทำให้ฉันรู้สึกเขินอายขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ พาลให้ไม่กล้ามองเขา
เลออนจับมือฉันเลื่อนลงด้านล่าง ทันทีที่มือที่เลื่อนไปตามกล้ามเนื้อมัดงามผ่านใต้สะดือของเขาไป ฉันก็รู้ว่าเขาต้องการให้เลื่อนลงไปตรงไหน
“เล เลออน…”
ไม่นานแท่งเนื้อที่กำลังสั่นไหวก็เข้ามาอยู่ในมือฉัน ใต้ฝ่ามือ ความปรารถนาของเขากำลังดิ้นยุกยิกและตอบสนองอย่างรุนแรงกับการพยายามหลีกหนีของมือฉัน ฉันยกมือออกด้วยความตกใจต่อมวลของที่ร้อนและหนักอึ้ง เลออนคว้ามือของฉันไว้พลางกล่าว
“ลีน่า ตอนที่จะใช้เครื่องมือ ต้องจับให้แน่น ห้ามปล่อยเด็ดขาด”
“เลออน…”
“ต้องจับและเขย่ามันให้เต็มแรง แบบนั้นถึงจะใช้มันได้ถูกต้อง”
เขาขยับมือขึ้นลงอย่างเชื่องช้า ของที่แข็งแต่อ่อนนุ่มขยุกขยิกอยู่ใต้มือ สัมผัสที่ลามกจนยากจะเชื่อทำให้สติทั้งหมดคล้ายจะกลายเป็นอัมพาต ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมาฉับพลัน
ใช่แล้ว ฉันตั้งใจจะใช้เลออน การแลกเปลี่ยนที่เรียบง่ายอย่างการให้สิ่งที่เขาต้องการและได้รับสิ่งที่ฉันต้องการกลับมา ฉันเคยคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เรียบง่ายเช่นนั้น
“เล เลออน…”
แต่พอเห็นเขายิ้มกว้างพลางใช้มือของฉันปลุกความใคร่ของตนเอง ฉันถึงได้พบว่าเขากำลังต้องการอะไรที่มากกว่าที่ฉันคิด ปลายของแก่นกายที่ถูกกอบกุมอยู่เต็มฝ่ามือเริ่มกระตุกและมีของเหลวหลั่งออกมา
ของเหลวที่เยิ้มออกมาจนส่วนปลายวาววับไหลลงด้านล่างจนเปียกมือของฉัน เสียงเปียกแฉะที่ดังขึ้นจากมือที่ไม่หยุดนิ่งของเขาหายไปพร้อมกับเสียงอึกทึกครึกโครมที่ดังมาจากข้างนอก
“ลีน่า ฮึก อึกก!”
ชั่วขณะที่มือที่ขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆ หยุดลง ของเหลวสีขาวขุ่นก็พุ่งทะลักออกมาเป็นเส้นโค้ง มันตกลงมาดังเปาะแปะบนใบหน้าและหน้าอกของฉัน
“…ดูสิ”
เลออนใช้นิ้วเช็ดน้ำกามที่เปื้อนอยู่บนขอบปากของฉัน จากนั้นเอ่ยกระซิบด้วยน้ำเสียงอันตราย
“ข้าไม่ได้อยากหลั่งตรงนี้เสียหน่อย”
เลออนกล่าวเช่นนั้นพลางใช้หัวเข่าแยกขาของฉันออก ปลายมนของแก่นกายสัมผัสกับปากทางรักของฉันในไม่ช้า
“จากนี้ ข้าจะหลั่งเข้าไปในนี้ให้ล้น ลีน่า”
พูดจบ เลออนก็ดึงฉันเข้าไปกอดพลางเอ่ยพึมพำอย่างซาบซึ้งใจ
“…ชายาของข้า”
แก่นกายเปียกชื้นเริ่มแทรกกายเข้าไปในกลีบดอกไม้สีแดงอย่างเชื่องช้า
***
“ฮึก อื้ออ อา อ๊ะ!”
เสียงร้องของนักบุญหญิงที่ดังออกมาพร้อมกับลมหายใจหอบถี่เต็มไปด้วยเสียงสะอื้น เลออนรู้ดีกว่าใครว่านั่นไม่ใช่เสียงที่เปล่งออกมาเพราะความเจ็บปวด
‘นางบอกว่าจะใช้งานข้า’
ตอนที่นางกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เลออนหัวเราะอยู่ในใจ ดูเหมือนนางจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาต้องการคือสิ่งนั้น แต่จะด้วยอารมณ์ไหนก็ดีทั้งสิ้น หากว่านั่นกลายเป็นเชือกที่สามารถมัดให้นางอยู่เคียงข้างเขาได้ ไม่ว่าอะไรเขาก็ยินดีทั้งนั้น
เลออนที่ขยับตัวอย่างบ้าคลั่งคว้ามือนักบุญหญิงมาสอดประสาน เขาจุมพิตลงบนนิ้วมือที่เกี่ยวพันกัน ในคราวนี้เขาขยับเอวอย่างเชื่องช้า ส่วนนั้นของเขาที่เข้าไปทีละนิดสัมผัสถึงผนังด้านในของนางแล้ว แต่กระนั้นเขาก็ยังดันร่างเข้าไปไม่หยุด
“อา… ได้โปรด…”
นี่ไม่ใช่คำพูดที่สั่งให้หยุด ไม่เช่นนั้นมันคงไม่กัดและตอดรัดส่วนนั้นของเขาแน่นอย่างยินดีเช่นนี้
คราวก่อนที่เคยกอดกันเขาก็ตระหนักได้แล้ว ร่างกายนี้ไวต่อสัมผัสจนแทบบ้า แค่การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็ทำให้นางร้องเสียงสั่นและหลั่งน้ำตา ร่างกายที่แดงก่ำไปทั่วทุกซอกทุกมุมด้วยความร้อนทำให้เลออนเอ็นดูจนแทบคลั่ง เขาออกแรงขยับเอวอย่างแรงอีกครั้ง
“อ๊ะ อึ้ง! เลออน! ยะ หยุด!”
ทันทีที่แทงเข้าไปตรงส่วนลึก ร่างกายของนางที่ดิ้นขยุกขยิกก็สั่นสะท้านราวกับถูกสายฟ้าฟาด ยิ่งนางร้องครางอย่างอ้อนวอนพร้อมกับเอ่ยเรียกชื่อเขา เลออนก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตนใกล้จะบ้าแล้วจริงๆ เขาเคยคิดว่ามันจะดี มันจะน่าหลงใหลมากแค่ไหนหากนางที่ไม่ได้ถูกควบคุมรับรู้ว่าชายที่กำลังมีอะไรกันอยู่คือเขา และร้องเรียกชื่อเขาเพราะการเคลื่อนไหวของเขา
ทว่าตอนนี้เองเลออนถึงได้รู้ นี่ไม่ใช่ความรู้สึกที่สามารถบรรยายได้ว่าเป็นแค่ความหลงใหล นางเป็นดั่งยาเสพติดที่ครอบงำตัวเขาอย่างสมบูรณ์
ทุกครั้งที่เขาสอดใส่เข้าไปอย่างแรง ด้านในของนางก็จะห่อหุ้มเขาราวกับพยายามจะขัดขวางผู้บุกรุกที่แสนหยาบคาย แต่นั่นก็มีแต่ทำให้เลออนรู้สึกสุขสมจนแทบคลั่งเท่านั้น
ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาหลั่งเข้าไปด้านในตัวนางกี่ครั้งแล้ว เลออนเบนสายตาลงมองส่วนที่เชื่อมติดกันอยู่อย่างแนบแน่น น้ำกามที่ไหลทะลักออกมากลายเป็นฟองในทุกครั้งที่แก่นกายของเขาขยับเข้าออก เลออนถูกใจภาพนั้นยิ่งนัก จนถึงกับอยากเห็นมันทุกวัน ไม่สิ จนเขาถึงกับเกิดความคิดว่าอยากอยู่แบบนี้ไปทุกวินาที
บัดนี้หน่วยอัศวินที่สามเป็นของนางแล้ว ไม่สิ ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ทุกอย่างของจักรวรรดิอยู่ในกำมือของนางทั้งหมดแล้ว เพราะนางได้คว้าและควบคุมเขาซึ่งจะกลายเป็นเจ้าของจักรวรรดิในไม่ช้าไว้ได้ นางสามารถครอบครองทุกสิ่งอย่างที่ต้องการได้ เว้นแต่เพียงสิ่งเดียว
‘ราธบัน’
ชื่อนั้นผุดขึ้นมาขณะที่เลออนฝังร่างเข้าไปในส่วนลึกของนางอีกครั้ง ทันทีที่กดเข้าไปตรงจุดที่ลึกที่สุด นักบุญหญิงก็จับแขนเขาและร้องไห้อีกครั้ง ทั้งร่างกายผอมบางที่ขยับโยกไปพร้อมกับเขา ไปจนถึงลมหายใจที่ปล่อยออกมาอย่างลำบาก ไม่มีส่วนไหนที่ไม่น่ารักเลย
ราธบันคงได้มีครั้งแรกกับนางผู้งดงามถึงเพียงนั้นแล้ว เลออนอิจฉาอีกฝ่ายจนแทบคลั่ง
‘…แต่ก็ช่วยไม่ได้’
เลออนโอบเอวของนักบุญหญิงแล้วยกขึ้น
“อา อื้อ อึกก!”
นางที่ขึ้นมานั่งคร่อมอยู่ด้านบนตัวเขาส่ายหน้าพร้อมกับระเบิดเสียงครางออกมาเพราะส่วนนั้นของเขาเข้าไปลึกยิ่งขึ้น เลออนมองนางที่เป็นเช่นนั้นด้วยสายตาที่ใกล้เคียงกับการเทิดทูน แล้วปลดปล่อยความต้องการของตนเองในตัวนางอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยกระซิบข้างหูอีกฝ่าย
“ข้ารักท่าน ลีน่า”
เลออนสาบาน
ถึงแม้ครั้งแรกของเขาจะไม่ใช่นาง แต่คนสุดท้ายของเขาจะเป็นนาง
***
ที่ตั้งค่ายของหน่วยอัศวินแห่งจักรวรรดิในยามเช้าสะอาดและเงียบสงบจนยากจะคิดว่าที่นี่คือสถานที่จัดงานเลี้ยงในวันก่อน คณะดนตรีที่เชิญมาจากหมู่บ้านใกล้เคียงและผู้คนในหมู่บ้านมองเหรียญกษาปณ์ทองในมือของตนด้วยแววตาปิติยินดี พวกเขาภาวนาให้จักรวรรดิรุ่งเรือง ให้องค์ชายรัชทายาทและพระชายามีแต่ความสุข ก่อนจะกลับไป เลออนกอดอกมองถังสุราที่ยังหลงเหลืออยู่
บัดนี้ หน่วยอัศวินที่สามที่ตั้งฐานทัพอยู่ที่นี่จะต้องรับฟังคำสั่งของเขาและพระชายาด้วยชีวิต คืนวาน นักบุญหญิงได้มอบร่างกายให้เลออนอย่างสมกับที่จะได้รับหน่วยอัศวินหน่วยนี้ทั้งหมดแล้ว
เลออนมองกระโจมของตนเองด้วยแววตาเสียดาย ทั้งที่ได้เขาได้รับไปถึงเพียงนั้นแล้ว แต่กลับยังรู้สึกหิวกระหาย เมื่อเห็นที่ตั้งค่ายของหน่วยอัศวินแห่งวิหารที่อยู่ไกลๆ เลออนก็กัดฟันโดยไม่รู้ตัว
‘ถ้าไม่มีพวกมันล่ะก็’
หากเป็นเช่นนั้น เขาก็คงได้กลับไปยังจักรวรรดิทันที จัดงานเลี้ยงอย่างเอิกเกริก ป่าวประกาศพิธีอภิเษกสมรสให้รับรู้ไปทั่วทั้งแผ่นดิน และคงให้ลีน่าได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาเตรียมไว้มาเป็นเวลานานสำหรับชายารัชทายาทไปแล้ว
เลออนยิ้มพลางนึกถึงสีหน้าของลีน่าในตอนที่ได้เห็นของพวกนั้น นางมีความอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างยิ่งกับสิ่งของแปลกใหม่ในโลกใบนี้ แค่เที่ยวดูของที่อยู่ในพระราชวังก็เพียงพอที่จะกินเวลาหลายปีแล้ว เพราะบิดาและเขาต่างก็ได้รวบรวมของทั้งหมดในโลกนี้ไว้
ใครจะไปคิดว่าสิ่งที่เขาเก็บสะสมมาตามมีตามเกิดเพียงเพราะไม่มีงานอดิเรกในคราแรกจะกลายมาเป็นประโยชน์เช่นนี้
เลออนฮัมเพลงพลางคิดถึงเรื่องที่จะทำกับลีน่าเมื่อได้กลับไป สีหน้าของทหารคนสนิทที่มองเขาอยู่ไกลๆ ดำมืดต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง เป็นเรื่องดีที่ได้เห็นองค์ชายรัชทายาทของพวกเขาดูเหมือนเจ้าบ่าวป้ายแดงที่ผ่านค่ำคืนแรกมาอย่างเป็นสุขยิ่ง ทว่าเจ้าสาวนั้นกลับไม่ใช่คนธรรมดา
แค่แต่งงานกับนักบุญหญิงก็ทำให้ปวดหัวแล้ว แต่นี่กลับเป็นนักบุญหญิงตัวปลอมอีก เรื่องราวต่อจากนี้คงจะยุ่งเหยิงอีกมาก
ตอนนั้นเอง เสียงกีบม้าก็ดังขึ้นปลุกพวกเขาออกจากความกังวล เลออนเองก็ได้ยินเสียงนั้นและหันศีรษะไป
นี่คือค่ายทหารที่หน่วยอัศวินที่สามขององค์ชายรัชทายาทตั้งฐานทัพอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่การคุ้มกันจะไม่รัดกุม ทว่าใครกันที่สามารถขี่ม้าเข้ามาอย่างผ่าเผยและเร่งรีบได้ถึงเพียงนั้น
ชั่วขณะที่ได้เห็นใบหน้าของผู้ที่อยู่บนม้า ความสงสัยของเขาก็ถูกคลี่คลายโดยพลัน
“หน่วยอัศวินที่หนึ่งมีเรื่องอะไรถึงมาที่นี่”
เลออนนิ่วหน้าพลางบ่นอุบอิบ หน่วยอัศวินในบังคับบัญชาขององค์จักรพรรดิมาที่นี่ทำไมกัน เป็นไปได้น้อยมากหากจะบอกว่าจักรพรรดิผู้เปี่ยมด้วยความรักต่อลูกชายส่งเขามาเพื่อเป็นกำลังเสริม
พวกเขาวิ่งตรงมาหาเลออนทันที หยุดลงตรงจุดที่ห่างไปไม่ไกล กระโดดลงจากหลังม้า ก่อนจะเดินเข้ามาหาเลออนแล้วคุกเข่าลงหนึ่งข้างพลางก้มศีรษะ
“กระหม่อมมาเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”
“ลุกขึ้นได้ มีเรื่องอะไร”
“กระหม่อมนำของที่องค์จักรพรรดิบอกว่าจำเป็นแก่ฝ่าบาทมามอบให้พ่ะย่ะค่ะ”
“…ของที่จำเป็นกับข้า?”
ระหว่างที่เลออนมีสีหน้าฉงน เหล่าอัศวินของหน่วยอัศวินที่หนึ่งที่ตามมาถึงทีหลังก็ถือกล่องใบใหญ่ที่ถูกคลุมด้วยผ้ามาหยุดยืนตรงหน้าเลออน
“นี่คือ…”
กล่องที่หรูหราโอ่อาเป็นอย่างมากพลันปรากฏให้เห็นทันทีที่เปิดผ้าออก
‘มันมีอะไรอยู่กันแน่’
เลออนเดินเข้าไปหน้ากล่อง
“พระองค์ไม่ได้ฝากคำพูดหรือจดหมายมาเลยหรือ? นี่คืออะไร”
“พวกกระหม่อมเอ่ยถามไปด้วยความสงสัยเช่นกัน แต่พระองค์กล่าวว่า ‘ไม่จำเป็นต้องเขียนบอกของที่เมื่อเปิดดูก็จะรู้เอง’ แล้วสั่งให้รีบนำมามอบให้พ่ะย่ะค่ะ”
ได้ยินดังนั้น เลออนก็ยกมือวางเหนือกล่อง มันเป็นกล่องใบใหญ่ที่ต้องใช้ผู้ใหญ่ถึงสองคนในการถือ เห็นได้ชัดว่าด้านในจะต้องเป็นสิ่งของที่มีคุณค่าเป็นอย่างมาก
‘มันคืออะไรกัน’
เลออนเปิดกล่องด้วยความประหม่าเล็กน้อย
“เฮ้อ…”
เสียงทอดถอนใจดังออกมาจากปากของเขา ในกล่องมีมงกุฎ เสื้อผ้า และเครื่องประดับสำหรับพระชายาถูกจัดวางไว้อย่างสวยงาม เลออนใช้มือข้างหนึ่งลูบหน้าตนเอง แม้จะนั่งอยู่ในพระราชวัง แต่ดูเหมือนองค์จักรพรรดิจะรู้สถานการณ์ทุกอย่าง
เลออนยิ้มขมขื่นเพราะความรู้สึกที่เหมือนถูกตีเข้าที่ท้ายทอยอย่างไม่มีสาเหตุ แต่กระนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่ไม่ดี เพราะนี่คือหลักฐานว่าองค์จักรพรรดิยอมรับนักบุญหญิงในฐานะชายารัชทายาทแล้ว
นี่จะทำให้บรรดาผู้ที่ยังไม่พร้อมที่จะรับใช้ลีน่ายอมก้มศีรษะลง บรรดาผู้ที่พยายามทำร้ายนางภายในอาณาเขตของจักรวรรดิก็จะถูกจัดการเช่นเดียวกับผู้ที่พยายามทำร้ายจักรพรรดิด้วย
หลังจากมองด้านในกล่อง เลออนก็พบผ้าที่ถูกพับไว้อย่างเรียบร้อยผืนหนึ่ง
“นี่คืออะไร…”
เพราะเป็นสิ่งของที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับชายารัชทายาทแม้แต่น้อย ทำให้เขาตัดสินใจคลี่ผ้าออก
“…ยอดเยี่ยมเสียจริง”
น้ำเสียงที่คล้ายว่าพูดไม่ออกดังออกมาจากปากเลออน สิ่งนี้คือธงประจำชาติ มันเป็นธงอันใหม่ของอาเพเลียสที่มีสัญลักษณ์ของวิหารหลวงและธงชาติของจักรวรรดิผสมกัน แม้มันจะยังไม่ได้ถูกแขวนไว้ที่ใด แต่สุดท้ายนี่จะเป็นธงชาติที่ครอบคลุมไปทั่วทั้งทวีปในสักวันหนึ่ง
ตอนนั้นเอง เลออนถึงได้เข้าใจเหตุผลที่แท้จริงที่องค์จักรพรรดิส่งของพวกนี้มา
‘สั่งให้ฆ่าผู้หญิงคนนั้นนี่เอง’
เพื่อที่จะให้ธงผืนนี้ถูกแขวนบนโลก พิธีอภิเษกสมรสขององค์ชายรัชทายาทและนักบุญหญิงจำเป็นต้องสำเร็จลุล่วงอย่างปลอดภัย ทว่าอีกฝ่ายที่เขาแต่งงานด้วยตอนนี้กลับเป็นผู้ที่ถูกชี้นิ้วจากทั้งโลกว่าเป็นนักบุญหญิงตัวปลอม ถ้าอย่างนั้นจะต้องทำอย่างไรให้ผู้คนนับถือนางในฐานะนักบุญหญิงตัวจริงอีกครั้งกันล่ะ
เลออนถอนหายใจเฮือกหนึ่งพลางมองไปยังที่ตั้งค่ายของคาร์ลและหน่วยอัศวินแห่งวิหารอีกครั้ง
“…คงต้องฆ่าให้หมดเสียแล้ว”
สตรีที่ชื่ออีริสนั่นก็ด้วย
ปัญหาคือตรงนั้น หน่วยข่าวที่เขาส่งให้ไปสืบข้อมูลจากฝั่งคาร์ลแจ้งมาว่า คาร์ลรู้ว่าหน่วยอัศวินแห่งจักรวรรดิคอยสกัดกั้นการไล่ล่าราธบัน หากทว่าเขากลับเปลี่ยนให้กองกำลังของหน่วยอัศวินแห่งวิหารไปค้นหาอีริส ซึ่งอันที่จริงนั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ตอนนี้สำหรับคาร์ลแล้ว การตามหานักบุญหญิงแทนการตามจับผู้ต้องหาจะช่วยให้เขารักษาอำนาจของเขาได้มากกว่า
แต่ทว่าก็เกิดปัญหาขึ้น อีริสที่ได้ชื่อว่าเป็นนักบุญหญิงคนใหม่กลับหายไปจากหมู่บ้านที่ตนเคยอาศัยอยู่ ผู้รอดชีวิตจากหมู่บ้านที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีของปีศาจได้เล่าสิ่งที่พวกเขาเห็นให้ฟัง ปีศาจเฮกซ่าปรากฏตัวขึ้น แต่กลับมีชายหนุ่มผมแดงโผล่มาข่มขู่เฮกซ่า ก่อนจะพาอีริสไป ขณะที่ได้ยินดังนั้น เลออนก็รู้ตัวตนของชายหนุ่มทันที
‘เป็นแอสรัน’
เลออนเคยคิดว่าแอสรันจะพาอีริสมาหาลีน่าทันที แต่อีกฝ่ายกลับยังไม่เผยตัว อีริสเองก็ไม่ปรากฏตัวเช่นกัน
‘ดูจากที่ตั้งใจไปพามา หรือว่า…’
เลออนย้อนนึกถึงสัญญาของนักบุญหญิงกับแอสรันที่เขาได้ยินไม่ชัดตอนอยู่ในวิหารหลวง แม้ไม่รู้ว่าเดิมพันอะไรกันไว้ แต่เขาได้ยินว่าแอสรันทำสัญญานั้นเพราะต้องการพลังศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญหญิง
‘ถ้าอย่างนั้น…’
แม้ราธบันจะเป็นปัญหา แต่แอสรันก็เป็นอุปสรรคที่เหนือกว่านั้น ถึงจะไม่ได้บอกออกมาอย่างจริงจัง แต่เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นปีศาจที่แข็งแกร่ง หากคนเช่นนั้นต้องการลีน่า การจะขัดขวางย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน
เขามองเทือกเขาที่อยู่ห่างออกไปพลางบ่นพึมพำ
“…ไหนๆ ก็ต้องการพลังศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็น่าจะพอใจนักบุญหญิงคนใหม่ผู้นั้นกระมัง?”