ตอนที่ 765 วิกผมกับหมวก / ตอนที่ 766 เขาแทบจะงอกออกจากหัว

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 765 วิกผมกับหมวก

อวี๋เยว่หานวางสายเสร็จก็ทิ้งโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะทำงาน เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุม

“คุณชายหานจะกลับบ้านตอนนี้เลยเหรอครับ?”

“…” อวี๋เยว่หานที่กำลังหยิบเสื้อคลุมชะงักและคิดอยู่สักพัก “ไปหาถังหยวนซือ”

แม้สภาพร่างกายถังหยวนซือในตอนนี้จะออกจากโรงพยาบาลมาแล้ว แต่ก็ยังเปราะบาง

สุดท้ายแล้วอวี๋เยว่หานก็มาเจอเขาที่หน้าคฤหาสน์ตระกูลถัง

เขาสวมสูทสีขาวโดยไม่ให้ผู้ช่วยติดตาม ออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลถังแล้วเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ จากนั้นก็เข้าไปนั่งในรถอวี๋เยว่หาน

เมื่อเผชิญกับสายตาเมินเฉยของอวี๋เยว่หาน ใบหน้าขาวซีดก็เผยรอยยิ้ม

“อย่าบอกละว่าฉันไม่จัดเต็ม วันนี้เราไปที่ร้านอาหารตระกูลถังกัน”

“อะไรนะ?” พออวี๋เยว่หานได้ยินเขาบอกชื่อร้านอาหารก็ขมวดคิ้ว

ออกไปทานอาหารด้วยกันทั้งทียังไปร้านอาหารของที่บ้านตัวเอง เสียแรงที่เขาออกมา

นี่ไปกินข้าวหรือไปตรวจร้าน?

ขณะที่อวี๋เยว่หานเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าจะพูดอะไร ดวงตาถังหยวนซือก็มีแสงแวบเข้ามา

ก่อนที่อวี๋เยว่หานจะพูด ถังหยวนซือก็พูดเพิ่มมาอีกหนึ่งประโยคอย่างเอื่อยเฉื่อย

“ฉันเพิ่งรู้ข่าวมาว่าเหนียนเสี่ยวมู่จองที่เลี้ยงข้าวใครบางคนที่นั่น จุ๊จุ๊ คู่หมั้นกำลังเดตกับคนอื่นสองต่อสองลับหลังนายแน่ะ ดูเหมือนว่าอีกไม่นานนายจะกลายเป็นอดีตสามีไปซะแล้ว ไม่อยากไปดูหน่อยเหรอ? ไม่งั้นเราก็เปลี่ยนสถานที่ดื่มเหล้ากัน…”

ถังหยวนซือยังไม่ทันพูดจบ อวี๋เยว่หานก็ออกคำสั่งด้วยเสียงเคร่งขรึม

“ขับรถไปร้านอาหารตระกูลถัง!”

ร้านอาหารจีนตกแต่งสไตล์คลาสสิก

สิ่งก่อสร้างที่งดงามตระการตา หน้าต่างแกะลายฉลุ ทำให้ที่นี่มีเอกลักษณ์อย่างเด่นชัด

เหนียนเสี่ยวมู่เดินตามเลขาห่าวเข้าไปข้างใน

โดยเลขาห่าวใช้ชื่อเธอในการจองร้านอาหาร มีเลขาห่าวอยู่ด้วยจึงลดความยุ่งยากไปได้มาก

แทบจะไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักในการพบคนที่เธอต้องการพบในวันนี้

แค่ว่า…

เหนียนเสี่ยวมู่ตกใจเล็กน้อยเมื่อมองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆหญิงสาว

เลขาห่าวรีบอธิบาย “นี่คือแฟนของเพื่อนสนิทฉันเองค่ะ เป็นสจ๊วต หล่อล่ะสิ? ปกติงานยุ่งมากก็เลยไม่ค่อยได้นัดรวมตัวกันทานข้าว พอถึงวันหยุดแทบรอไม่ไหวที่จะได้ทำตัวติดกันเป็นแฝดสยาม ทำให้คุณต้องหัวเราะซะแล้ว แต่ว่าคุณไม่ต้องห่วง พวกเขาเป็นคนสบายๆ คุณอยากรู้อะไรก็ถามได้เต็มที่”

พอได้ยินเลขาห่าวพูดแบบนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็ยิ้มอย่างเป็นกันเอง

เหนียนเสี่ยวมู่เป็นฝ่ายเริ่มยื่นมือไปทักทายสองคนที่อยู่ตรงหน้า

“ยินดีที่ได้รู้จักพวกคุณนะคะ”

“พวกเราก็เช่นกันค่ะ…”

หลังจากที่ทุกคนทำความรู้จักกันแล้วก็นั่งลงเริ่มสั่งอาหาร

เนื่องจากเหนียนเสี่ยวมู่กังวลเรื่องถานเปิงเปิง เธอจึงไม่มีความอยากอาหาร อย่างไรก็ตามเมื่อมีแขกอยู่ด้วยก็ยังต้องสั่งอาหารต้อนรับขับสู้อย่างดี พอบริกรนำเมนูอาหารออกไปก็แทบทนไม่ไหวที่จะเอ่ยถาม

“ฉันได้ยินเลขาห่าวบอกว่าคุณเคยเจอถานเปิงเปิง? รบกวนคุณช่วยเล่าเหตุการณ์วันนั้นได้ไหมคะ?”

เมื่อได้ยินชื่อนั้น เพื่อนสนิทของเลขาห่าวก็ขมวดคิ้วอย่างเห็นได้ชัด

เธอยกน้ำขึ้นมาจิบด้วยสีหน้าลังเลเล็กน้อย

“มีอะไรไม่สะดวกหรือเปล่าคะ?” เหนียนเสี่ยวมู่ถามด้วยความร้อนใจ

“ก็ไม่ใช่หรอกค่ะ” หญิงสาวนิ่งไปสักพัก “พูดตามตรงก็คือพวกเราทำงานด้านบริการ พบเจอเหตุการณ์ต่างๆมาไม่น้อย แต่หายากจริงๆที่จะเหมือนคุณถาน”

“……”

“ตอนนั้นเครื่องบินล่าช้าไปช่วงเวลาหนึ่ง คุณถานเอาแต่ถามเวลาขึ้นเครื่องบิน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอรีบมาก พอดีว่าวันนั้นฉันอยู่ด้วย ต่อมาฉันจำได้ดีว่าจู่ๆคุณถานก็วิ่งมาถามพวกเราว่ามีวิกผมหรือหมวกไหม พวกเราจะมีของแบบนั้นได้ยังไง ก็เลยแนะนำให้เธอไปที่ร้านค้าในสนามบิน…”

ตอนที่ 766 เขาแทบจะงอกออกจากหัว

“คุณกำลังจะบอกว่าต่อมาถานเปิงเปิงได้ยินคำแนะนำของคุณก็เลยไปซื้อของที่ร้านค้าในสนามบินอย่างงั้นเหรอคะ? เพราะฉะนั้น เธอจึงไม่ได้ขึ้นเครื่องบินใช่ไหม ? !” เหนียนเสี่ยวมู่นึกถึงความเป็นไปได้ เธอลนลานไปทั้งตัว

สายตามองคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา

พอได้ยินดังนั้น หญิงสาวก็ส่ายหน้า “ไม่ค่ะ เธอไปที่นั่นระหว่างรอเที่ยวบิน ต่อมาเธอได้ยินประกาศขึ้นเครื่องจึงรีบกลับมา”

“……”

“ฉันจำได้ว่าตอนที่เธอเช็กอินขึ้นเครื่องบิน เธอยังอยู่ แต่สีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหงื่อออกตลอดเวลา เธอบอกว่าไปซื้อวิกผมกับหมวก แต่ตอนกลับมาในมือกลับไม่มีอะไร ดูตื่นตระหนกไปทั้งตัวอย่างเห็นได้ชัด ตอนนั้นพวกเรายังเป็นห่วงอยู่เลยว่าเธอไม่สบายหรือเปล่า ก็เลยตั้งใจไปถามเธอดู แต่เธอบอกว่าไม่เป็นไร หลังจากเช็กอินแล้วก็ขึ้นเครื่องบิน”

ทุกคนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น

เกิดอุบัติเหตุขึ้นโดยที่ทุกคนไม่คาดคิด จนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบเบาะแสของถานเปิงเปิงว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร

ไม่ว่าจะพูดกับเหนียนเสี่ยวมู่มากแค่ไหนก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้…

หญิงสาวยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่บริกรเริ่มเสิร์ฟอาหารพอดี

การสนทนาของทุกคนหยุดลงชั่วคราว เลขาห่าวกำลังจะไปห้องน้ำ เพื่อนสนิทเธอรีบยกมือขึ้นบอกว่าจะไปด้วย ดังนั้นทั้งสองจึงเดินไปด้วยกัน

โต๊ะอาหารจึงเหลือเพียงเหนียนเสี่ยวมู่และแฟนหนุ่มสจ๊วตของหญิงสาว

รูปร่างสูงกว่า 185 เซนติเมตร ผอมมาก และดูสุภาพเรียบร้อย

เขาไม่ได้พยายามทำอะไร แต่ลักษณะท่วงท่ากลับแฝงไปด้วยความสุภาพ

บวกกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นจึงทำให้เขาดูมีคุณลักษณะคุณชายตระกูลเศรษฐีอยู่หลายส่วน

เหนียนเสี่ยวมู่ยังคงจมอยู่ข่าวที่เพิ่งได้ยินเมื่อครู่นี้ เธอจึงไม่ได้ตระหนักว่าบนโต๊ะอาหารเหลือกันเพียงสองคน เธอก้มหน้าเล็กน้อยและจ้องไปที่แก้วน้ำที่อยู่ตรงหน้า…

หน้าประตูร้านอาหาร

อวี๋เยว่หานมองเข้ามาจากด้านนอก เขากวาดสายตาเข้าไปในร้านอาหารหนึ่งรอบ เพียงแวบตาเดียวก็เห็นเหนียนเสี่ยวมู่ที่นั่งอยู่ตรงมุมร้าน

เหมือนกับว่าเป็นแรงดึงดูดสนามแม่เหล็ก

ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน เขาก็หาเธอเจอจนได้

พอเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอเป็นผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง หน้าก็ดำในชั่วพริบตา

ยังมีถังหยวนซือที่กำลังนั่งดูการแสดงสนุกๆอยู่ข้างๆ

“เจ้าหนุ่มนั่นไม่เลวเลยทีเดียว ตัวก็สูง ทั้งยังเป็นผู้ชายประเภทอ่อนโยนเอาใจใส่ ต่างจากนายโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนว่าจะเมินนายซะแล้ว คงทิ้งนายแล้วรีบเปลี่ยนเป็นคนที่แตกต่างไปจากเดิม…”

ถังหยวนซือยังไม่ทันพูดจบ อวี๋เยว่หานก็หันมาถลึงตาใส่เขา

เขาเดินตรงไปหาเหนียนเสี่ยวมู่ด้วยหน้าตาบึ้งตึง

ทันทีที่เขาก้าวไป ถังหยวนซือก็รีบโผไปข้างหน้าและเอื้อมมือไปจับไหล่เขาไว้

“เพื่อน นายจะทำอะไร? ถ้านายเข้าไปตอนนี้ก็เท่ากับว่ารนหาที่ตายน่ะสิ!”

“……”

อวี๋เยว่หานชะงักเท้าพลางชำเลืองมองเขาที่อยู่ข้างๆ

เขาแทบจะงอกออกจากหัวอยู่แล้ว ยังจะให้เขาแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นอยู่อีก?

“แค่ทานข้าวเอง ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเพื่อนธรรมดาก็ได้? นายจะไม่ให้คนอื่นมีเพื่อนต่างเพศบ้างเลยหรือไง?”

ถังหยวนซือยักไหล่ แบมือทั้งสองข้าง

“ฉันพูดจริงนะ นายจับตาดูเหตุการณ์ตอนนี้สิ เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้ทอดสะพานสักหน่อย นายไม่ต้องกังวลไปก็ได้? ตอนนี้พวกนายสองคนอยู่ในช่วงอ่อนไหวต่อความเชื่อใจ ถ้าบังคับให้อีกฝ่ายจนใจ นายจะสบายใจงั้นเหรอ?”

“……”

“จากประสบการณ์คนที่เคยผ่านมันมาก่อน ไปเถอะ ฉันรู้ว่าชั้นสองยังมีที่นั่งที่สามารถมองเห็นโต๊ะพวกเขาได้พอดี เราขึ้นไปดูสถานการณ์กันก่อนดีกว่าแล้วเราจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!”

ในขณะที่ถังหยวนซือพูดก็ลากอวี๋เยว่หานขึ้นไป