บทที่226 คนไร้ประโยชน์ ไม่คู่ควรกับการต่อสู้กับข้าหรอกนะ

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่226 คนไร้ประโยชน์ ไม่คู่ควรกับการต่อสู้กับข้าหรอกนะ

โม่หวิ่นหมิงไม่ชอบใจกู้โม่หานมานานแล้ว

ตอนเขามาก็รู้สึกว่า เรือนที่หนานหว่านเยียนอยู่นั้นเย็นและชื้นมาก นึกถึงหนานหว่านเยียนเคยบอกกับเขาว่า อย่าเผยตัวตนของลูกๆ ก็พอจะเข้าใจทุกอย่างแล้ว

กู้โม่หานไม่ดีต่อหว่านหว่านของเขา! แต่กลับรู้สึกชอบเด็กสองคนจากใจจริง

นิ้วมือซีดเซียวของโม่หวิ่นหมิงจับรถเข็นไว้แน่น รอบกายเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ไม่ด้อยไปกว่ากู้โม่หาน

เขาจ้องมองกู้โม่หาน แล้วพูดว่า “ดูแล้วอ๋องอี้คงจะยังไม่รู้จักตำแหน่งตัวเอง”

“หลานสองคนของข้าไม่เคยเรียกท่านว่าพ่อเลยนะ ท่านจะบอกว่าพวกนางเป็นลูกของท่านอยู่อีกทำไม?”

เกี๊ยวน้อยรีบยืนข้างโม่หวิ่นหมิง “นั่นสิ! พวกเราไม่มีพ่อ เจ้าอย่ามาขี้โม้หน่อยเลย!”

ถึงแม้กู้โม่หานจะแข็งแกร่ง เมื่อกี้ยังต่อสู้กับนางอีก แต่นางไม่ยอมรับหรอกนะ นางชอบเขาแค่นิดเดียวเท่านั้น

เพราะเขาชอบรังแกท่านแม่ ไม่ดีต่อท่านแม่ ไม่คู่ควรกับการเป็นพ่อด้วย

ซาลาเปาน้อยลังเลสักพัก แล้วเดินไปใกล้โม่หวิ่นหมิง “พี่สาวพูดถูก พวกเราอยากเล่นกับท่านปู่หมิง!”

กู้โม่หานเจ็บปวดจิตใจ เขาไม่อยากรบกวนเด็กสองคน แต่ก็ไม่อยากให้พวกนางเห็นเขาเป็น ‘ศัตรู’ !

เขากัดฟัน แสยะยิ้มเย็นชามองดูโม่หวิ่นหมิง นัยน์ตาสีดำนั้นมืดมน “เรื่องในบ้านของข้า เจ้าเป็นคนนอกไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่งหรอกนะ”

“เด็กสองคนเป็นลูกของข้าหรือไม่ แค่พริบตาเดียวก็มองออกแล้ว เจ้าอย่ามาพล่ามไร้สาระหน่อยเลย?”

เขาไม่ชอบโม่หวิ่นหมิง ไม่มีเหตุผลอื่น เพราะเขาไม่ใช่น้าแท้ๆของหนานหว่านเยียน แต่กลับดูแลหนานหว่านเยียน และดูจะสนิทกับเด็กสองคนมาก

โม่หวิ่นหมิงแสยะยิ้ม นิ้วมือเรียวยาวนั้นเคาะรถเข็นตัวเองอย่างมีจังหวะ สายตาเฉียบคม “ใครเป็นคนนอก อ๋องอี้น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจนะ?”

เห็นได้ชัดว่า สองพี่น้องเข้าข้างเขา

กู้โม่หานปวดใจมาก เขาพ่ายแพ้ในเรื่องของเด็กอย่างราบคาบ

ดูแล้วก่อนจะคุยกับหนานหว่านเยียน จะต้องเตือนโม่หวิ่นหมิงนี่ก่อน!

เขาหรี่ตามองเสิ่นอี่ว์อย่างเย็นชา เสิ่นอี่ว์รีบมองไปยังหมัวมัวพวกนั้น

พวกหมัวมัวรีบอุ้มสองพี่น้องเข้าไป

เกี๊ยวน้อยดิ้นรนอย่างไม่เข้าใจ “หวางหมัวมัวปล่อยข้าลงนะ! นั่นเป็นท่านปู่หมิงของข้า ห้ามคนเลวนั่นรังแกท่านปู่ของข้านะ!”

หวางหมัวมัวเหงื่อแตกพลั่ก “คุณหนู ตอนนี้ท่านอ๋องกับท่านปู่หมิงมีเรื่องต้องคุยกัน บ่าวไปเล่นกับพวกท่านหลังเรือนนะเจ้าคะ”

ซาลาเปาน้อยมองดูทั้งสองคน สายตาเต็มไปด้วยความเศร้า เม้มริมฝีปากครุ่นคิด แล้วตามไปอย่างเงียบๆ

เสิ่นอี่ว์พูดกับอาจี้ว่าไปจัดการเก็บกวาดห้อง อาจี้ดูเหมือนจะไม่อยากไป โม่หวิ่นหมิงปัดมือ อาจี้ก็ถึงถือกระเป๋าออกไป

เรือนเซียงหลินก็เหลือแค่กู้โม่หานกับโม่หวิ่นหมิง ยังมีเสิ่นอี่ว์ที่อยู่ข้างๆ

โม่หวิ่นหมิงรับรู้ได้ถึงความรักที่กู้โม่หานมีให้เด็กๆ แต่กู้โม่หานรังแกหนานหว่านเยียนกลับเป็นเรื่องจริง แม้แต่ที่พักอาศัย ยังอยู่ไกลจากห้องหลักอีก

เกรงว่า หว่านหว่านของเขาคงจะน้อยใจมาก นางคงเป็นพระชายาที่ได้รับความเหยียดหยามมากที่สุด!

โม่หวิ่นหมิงฉีกร่างที่อ่อนโยนทิ้ง หรี่ตามองกู้โม่หานด้วยสายตาเย็นยะเยือกราวกับเหยี่ยว

“อ๋องอี้ ข้าขอเตือนท่านอีกรอบ ไม่มีใครรังแกหว่านหว่านได้ แม้แต่เจ้า ก็ไม่ได้!”

ครั้งก่อนเจอกันที่จวนเฉิงเซี่ยง เขาก็เคยเตือนกู้โม่หานแล้ว!

กู้โม่หานเกลียดโม่หวิ่นหมิงที่เอาแต่เรียก ‘หว่านหว่าน’ อยู่ได้ เรียกอย่างสนิทสนมแบบนี้ เขาไม่ค่อยชอบเลย

รอบกายชายหนุ่มแผ่ซ่านไปด้วยแรงอาฆาต ใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา

“ใครเตือนใครกันแน่? ตอนนี้เจ้าอยู่ในจวนของข้า ข้าสามารถทำอะไรเจ้าเมื่อไหร่ก็ได้! ข้าขอเตือนเจ้าไว้นะ ถึงเจ้าจะเป็นน้าชาย ก็ห่างจากผู้หญิงและลูกๆของข้าด้วย”

“ผู้หญิงกับลูกของเจ้าอยู่ในเรือนโทรมๆแบบนี้น่ะเหรอ?! น่าอับอายยิ่งนัก!” โม่หวิ่นหมิงกดกลไกบนรถเข็นเงียบๆ สายตาประกายไปด้วยความเกลียดชัง “อ๋องอี้ ผู้ชายรังแกผู้หญิงน่าอับอายมาก ท่านไม่ชอบขี้หน้าข้า อยากจัดการข้า งั้นก็ลองดูเลยสิ”

“แต่ถ้าหากข้าเห็นว่าท่านรังแกหว่านหว่านอีก ข้าจะไม่ปล่อยท่านไปแน่!”

ห้าปีก่อน ตอนที่หนานหว่านเยียนขอร้องอยากแต่งงานกับกู้โม่หาน ถึงเขาจะไม่อยากมากแค่ไหน แต่คิดว่าเจ้าหมอนี่เป็นถึง ‘เทพสงคราม’ อย่างน้อยก็น่าจะเป็นชายชาตรีปกสามศอก สามารถปกป้องหนานหว่านเยียนได้

ตอนนี้ เหอะ!

เขาไม่คู่ควรกับความรักที่หว่านหว่านที่ให้ และไม่คู่ควรกับหว่านหว่านที่มากไปด้วยความสามารถในตอนนี้!

กู้โม่หานไม่เห็นมือของโม่หวิ่นหมิง แต่เขาสัมผัสได้ถึงแรงสังหารเล็กๆที่กำลังพัดเข้าหาเขาด้วยลมแรง

เขาเอียงหัวหลบ สองนิ้วคีบอาวุธลับที่โม่หวิ่นหมิงยิงออกมา แต่ยังมีอีกอันที่เขาจับไว้ไม่อยู่ และแทงเข้าต้นไม้ด้านหลังของเขาไป ทันใดนั้นต้นไม้ด้านหลังก็แตกร้าวออก

วิทยายุทธของเสิ่นอี่ว์ก็ไม่เลวเลย แต่กลับไม่เห็นว่ามีอาวุธลับ

เห็นดังนั้น เขาก็ตกใจรีบชักดาบออกมา “บังอาจ! เจ้ากล้าทำร้ายท่านอ๋องงั้นเรอะ!”

ห้ามใครทำร้ายกู้โม่หานต่อหน้าเขา ถึงแม้จะเป็นน้าชายของพระชายาก็ตาม!

โม่หวิ่นหมิงแสยะยิ้มเย็นชา “เข้าทำร้ายหว่านหว่านได้ ข้าจะทำร้ายเขาไม่ได้เลยหรือไง?”

เสิ่นอี่ว์รอคำสั่งจากกู้โม่หาน กู้โม่หานกลับก้มมองดูเข็มที่เล็กเหมือนเส้นผม แล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย

ของเล็กแบบนี้ สามารถฆ่าคนอย่างเงียบๆได้เลย โม่หวิ่นหมิงกลับซ่อนได้ลึกมาก

“ของเล่นเล็กๆ เจ้าคิดว่าแบบนี้จะทำอะไรข้าได้งั้นเหรอ?”

เขากระตุกยิ้มมุมปาก ปลายนิ้วใช้แรงบดเข็มจนละเอียดเป็นผง ยืนมองโม่หวิ่นหมิง

“ความรักความแค้นระหว่างข้ากับหนานหว่านเยียน เกี่ยวอะไรกับเจ้า? ข้าเป็นสามีของนาง เป็นเจ้านายจวนอ๋องอี้ เจ้าก็เป็นแค่น้าชายที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ที่เข้ามาอยู่ได้ เป็นเพราะข้าอนุญาตให้เข้ามา เจ้าบังอาจกล้าไม่เคารพข้างั้นเรอะ?!”

โม่หวิ่นหมิงไม่กล้าพูดอะไร แล้วยิงอาวุธลับออกมาอีกครั้ง กู้โม่หานหลบได้อย่างไม่เสียแรง และยังพุ่งไปตรงหน้าของโม่หวิ่นหมิง คว้าข้อมือของโม่หวิ่นหมิงเอาไว้

ดำขาวเผชิญหน้ากัน เสิ่นอี่ว์ตื่นเต้นจนหัวใจเต้นเร็ว

เขาเห็นมืออีกข้างของโม่หวิ่นหมิงจี้ไปที่ท้องของกู้โม่หาน ถ้ามือข้างนั้นเป็นมีด กู้โม่หานได้บาดเจ็บแน่

แต่กลับเป็นกู้โม่หาน เขาใช้มืออีกข้างบีบคอโม่หวิ่นหมิงไว้ ถ้าออกแรงเมื่อไหร่ โม่หวิ่นหมิงได้ตายจริงแน่

กู้โม่หานพูดอย่างดูถูก “มีวิทยายุทธจริงด้วย ถ้าตอนนี้เจ้าแข็งแรงดี อาจจะฝืนสู้กับข้าได้”

“แต่ถ้าเจ้าเป็นแค่คนพิการ ก็ไม่คู่ควรต่อสู้กับข้าหรอก?”

พอพูดจบ กู้โม่หานก็สัมผัสได้ถึงลมที่พัดเข้ามา สายตาของเขาเย็นชา รับกระทะที่โยนมาอย่างแรงด้วยมือเปล่า

เสียงที่ชัดเจนและเกรี้ยวกราดของผู้หญิงดังทะลุท้องฟ้า——

“กู้โม่หาน เจ้าด่าใคร?!”