บทที่227 กู้โม่หานตามง้อภรรยา

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่227 กู้โม่หานตามง้อภรรยา

หนานหว่านเยียนเพิ่งกลับจวน ในสมองยังมีคำพูดที่เฉิงเซี่ยงพูดกับนาง รวมไปถึงเริ่มคิดชีวิตที่มีความสุขกับข้าชายและลูกสองคน

แต่ไม่คิดว่าพอมาถึงหน้าประตูเรือนเซียงหลิน ก็ได้ยินกู้โม่หานพูดจาดูถูก และยังเห็นกู้โม่หานบีบคอโม่หวิ่นหมิงด้วย!

คนชั่ว!

กู้โม่หานเลวจนไม่ปล่อยคนพิการเลยเหรอ ไร้มนุษยธรรมสิ้นดี!

หนานหว่านเยียนโมโหจนควันออกหู โยนกระทะในมือออกไปทันที!

เดินไปหากู้โม่หานอย่างโมโห

โม่หวิ่นหมิงได้ยินเสียง สายตาที่เย็นชาก็เลือนหายไป

หลังจากได้เจอกันสองครั้ง เขารู้สึกว่ากู้โม่หานอาจจะเป็นเทพสงครามที่ดี แต่อาจจะไม่ใช่สามีที่ดีก็ได้!

เขาจะให้หนานหว่านเยียนดีกับกู้โม่หานอีกไม่ได้ และจะปล่อยให้กู้โม่หานรังแกนางอีกไม่ได้เช่นกัน!

เขาจะช่วยหนานหว่านเยียน ให้นางตัดขาดจากกู้โม่หานโดยเร็ว!

ดังนั้น โม่หวิ่นหมิงจึงลดมือที่อยู่บนท้องของกู้โม่หานลง ปิดปากไอคอกแคก สีหน้าซีดเซียว ดวงตาเรียวยาวนั้นมองดูหนานหว่านเยียน “หว่านหว่าน เจ้ากลับมาแล้ว”

กู้โม่หานมองดูหนานหว่านเยียนที่โมโห “ข้าไม่ได้ด่า……”

หนานหว่านเยียนไม่รอเขาพูดจบ ก็ผลักเขาออกไปทันที เอากระทะของตัวเองคืนมา ปกป้องโม่หวิ่นหมิงไว้

กัดฟันพูดออกมา

“ไม่ได้ด่า? ข้าอยู่ไกลขนาดนั้นยังได้ยินเลย! เจ้าไม่อายบ้างเลยหรือไง? ข้าไม่อยู่เจ้าก็รังแกน้าของข้างั้นเรอะ! อีกอย่าง เจ้านั่นแหละไร้ประโยชน์ กล้าด่าคนแบบนี้ได้ยังไง!”

ว่าแล้ว หนานหว่านเยียนก็มองไปยังโม่หวิ่นหมิง แล้วถามอย่างเป็นห่วง: “ท่านน้าไม่เป็นไรนะ? บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”

โม่หวิ่นหมิงมองไปยังกู้โม่หาน เริ่มแสดงอย่างไม่เกรงกลัว

“ไม่เป็นไร อ๋องอี้ก็แค่รู้สึกว่าขาพิการ เป็นภาระก็เท่านั้น”

“ข้าไม่ได้พูดนะ!” กู้โม่หานโมโหมาก เดิมทีเขาก็หงุดหงิดเรื่องที่หนานหว่านเยียนเข้าใจผิดเขาอยู่แล้ว ตอนนี้โม่หวิ่นหมิงยังมาใส่ร้ายเขาอีก เขามองค้อนโม่หวิ่นหมิง “ลูกผู้ชายกล้าทำก็กล้ายอมรับ ข้าทำร้ายเจ้าตรงไหน?!”

โม่หวิ่นหมิงยังทำท่าจะฆ่าเขาอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ถึงทำท่าอ่อนแอล่ะ!

หนานหว่านเยียนมองค้อนกู้โม่หาน “กู้โม่หาน เจ้าไสหัวออกไปเลยนะ! ท่านน้าของข้าเป็นแบบนี้ เจ้ายังบอกว่าไม่ได้ทำอีก?”

นางยังชี้ไปยังเสิ่นอี่ว์ “ยังมีเจ้าอีก เสิ่นอี่ว์ เจ้าชักดาบจะขู่ใคร!”

เสิ่นอี่ว์รีบเก็บดาบ พูดอย่างลำบากใจ “พระชายา ไม่ใช่แบบนั้นนะ ข้าน้อยแค่……”

เห็นหนานหว่านเยียนปกป้องโม่หวิ่นหมิงขนาดนี้ กู้โม่หานก็โมโหมากขึ้น และยังเป็นความโกรธที่พูดไม่ออกอีก

“เมื่อกี้โม่หวิ่นหมิงใช้อาวุธลับทำร้ายท่านอ๋อง ถ้าท่านอ๋องไม่เก่งวิทยายุทธ คงถูกน้าชายคนดีของท่านทำร้ายแล้วล่ะ!”

“ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อกี้เจ้าไม่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด มีสิทธิ์อะไรมาใส่ร้ายข้า?!”

หนานหว่านเยียนกวาดตามองรอบๆ แต่ก็ยังปกป้องโม่หวิ่นหมิงไว้ “เจ้าจะพูดอะไรก็ให้มีมูลเหตุหน่อย”

“น้าชายของข้าอ่อนโยนขนาดนี้ จะคิดฆ่าเจ้าได้ยังไง? กู้โม่หาน ข้าจะบอกเจ้าให้นะ เจ้าอย่าคิดแม้แต่จะแตะต้องน้าชายของข้า ข้าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่!”

ว่าแล้ว นางก็มองไปยังโม่หวิ่นหมิง น้ำเสียงอ่อนโยนจนแทบจะไม่เหมือนกับเมื่อกี้ แล้วพูดปลอบใจ

“ท่านน้าไม่ต้องกลัวนะ มีข้าอยู่ เขาไม่กล้าทำอะไรท่านแน่นอน”

โม่หวิ่นหมิงเหลือบตามองกู้โม่หาน แฝงไปด้วยความสะใจ “อืม หว่านหว่านพูดถูก”

กู้โม่หานหัวใจเย็นเฉียบ ความโกรธในใจก็พุ่งขึ้นมา เขายื่นมือไปคว้าข้อมือของหนานหว่านเยียน แล้วพูดเสียงเข้มว่า: “หนานหว่านเยียน ข้าไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้น ข้าจะอธิบายแค่รอบเดียว ข้าไม่ได้……”

หนานหว่านเยียนหันไปมอง รอยยิ้มบนใบหน้าชะงักค้าง เหลือเพียงแค่ความรังเกียจ “ข้าก็ไม่มีความอดทนเหมือนกัน อย่าอธิบายกับข้าเลย ไสหัวไป!”

เสิ่นอี่ว์เห็นสถานการณ์เริ่มควบคุมไม่อยู่ ก็รีบคุกเข่าตรงหน้าหนานหว่านเยียน “พระชายา! ท่านอ๋องพูดความจริงนะขอรับ! เขาไม่ได้ทำร้ายท่านน้าของท่านจริงๆ และท่านน้าของท่านเริ่มก่อน! ขอท่านได้โปรดเชื่อด้วยเถิด!”

“เจ้าก็ต้องช่วยเจ้านายเจ้าพูดอยู่แล้ว” หนานหว่านเยียนผิดหวังมาก มองเสิ่นอี่ว์แล้วพูดต่อว่า “และถึงแม้ท่านน้าของข้าจะอยากฆ่ากู้โม่หานจริงแล้วยังไง? กู้โม่หานต้องทำอะไรผิดก่อนแน่นอน รนหาที่เอง!”

ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่หนานหว่านเยียนก็รู้ดีแก่ใจ กู้โม่หานพูดความจริงทั้งหมด

นางไม่ค่อยเข้าใจโม่หวิ่นหมิง แต่รู้ดีว่า ภายนอกโม่หวิ่นหมิงดูไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่ความจริงแล้วกลับซ่อนความชั่วร้ายไว้ในใจ!

ก่อนหน้านั้นที่กลับบ้าน เขารักและปกป้องนางมาก และยังกล้าเถียงกับกู้โม่หานต่อหน้า ไม่เกรงกลัวฐานะท่านอ๋องของกู้โม่หานเลย พิสูจน์ได้ว่า——

เขาไม่กลัวกู้โม่หานเลย

แต่มีคนช่วยนางต่อกรกับกู้โม่หานเพิ่มอีกคน ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายอะไร

กู้โม่หานโมโหจนควันออกหู โดยเฉพาะตอนที่เห็นหนานหว่านเยียนยิ้มให้กับโม่หวิ่นหมิง แต่กลับปฏิเสธเขา

ชายหนุ่มหันหน้าไปดึงเข็มบนต้นไม้ออก แล้วยื่นให้หนานหว่านเยียน “นี่เป็นหลักฐาน หนานหว่านเยียน เขาอยากฆ่าข้า ข้าแค่ป้องกันตัว!”

หนานหว่านเยียนไม่มองเลยด้วยซ้ำ ตบเข็มในมือเขาออกไป แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “แล้วยังไง? ตอนนี้เจ้าไม่บาดเจ็บตรงไหน ไม่ได้ตายด้วย มีสิทธิ์อะไรมาว่าท่านน้าของข้า?”

แล้วยังไง?

กู้โม่หานรู้สึกเจ็บปวดหัวใจขึ้นมาทันที เมื่อกี้เขาคิดว่าหนานหว่านเยียนแค่เข้าใจผิด

แต่ตอนนี้ดูแล้ว หนานหว่านเยียนคงจะรู้ทุกอย่าง แต่ก็ยังลำเอียงปกป้องโม่หวิ่นหมิง?!

แววตาของเขาเต็มไปด้วยความพอใจและความโกรธ “เจ้าปกป้องเจ้าขนาดนี้เลยเหรอ? หนานหว่านเยียน เจ้าก็รู้ว่าเขากำลังโกหก!”

หนานหว่านเยียนแสยะยิ้มเย็นชา “ใช่ ท่านน้าของข้า ไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องปกป้อง ถ้าเจ้าน้อยใจ ก็กลับไปหาหยุนอี่ร์โหรวสิ”

นางก็แค่ทำคืนอย่างที่เขาเคยทำกับตัวเอง กู้โม่หานไม่ถามไถ่อะไร ก็เอาแต่ปกป้องหยุนอี่ร์โหรว ทำไมถึงไม่ยอมให้นางปกป้องท่านน้าของนางบ้างล่ะ?

โม่หวิ่นหมิงสังเกตเห็นสีหน้าของกู้โม่หาน เขาเลิกคิ้วขึ้น แววตาไม่พอใจ

เขาดึงแขนเสื้อของหนานหว่านเยียน แล้วพูดว่า “หว่านหว่าน คอกแคก……ช่างเถอะ พวกเราไปกันเถอะ ข้าเป็นภาระของเจ้าเอง เจ้าส่งข้ากลับจวนเฉิงเซี่ยงเถอะ?”

“กลับไปทำไม? ข้ามีสิทธิ์รับท่านมา และเรื่องนี้เขาก็ตอบตกลงเองด้วย!”

“งั้นก็เอาเจ้าว่าเลยแล้วกัน” โม่หวิ่นหมิงจับมือหนานหว่านเยียน กระตุกยิ้มแล้วพูดว่า “กลับเรือนกันเถอะ เด็กสองคนคงจะรออยู่แล้วล่ะ”

ได้ยินดังนั้น กู้โม่หานก็ลนลานขึ้นมาทันที “หนานหว่านเยียน! เจ้ามานี่ก่อน!”

หนานหว่านเยียนไม่มองกู้โม่หานเลยด้วยซ้ำ “เอาสิ พวกเราไปกันเถอะ”

วินาทีนั้น กู้โม่หานแทบจะควบคุมตัวเองไม่ไหว เกือบพุ่งเข้าไปคว้าข้อมือของหนานหว่านเยียนไว้

“หนานหว่านเยียน เจ้าบังอาจ?!”

หนานหว่านเยียนสะบัดมือของเขาออกไป เอาหน้าไม้ที่โม่หวิ่นหมิงให้เขาออกมา แล้วเล็งไปที่หัวใจของกู้โม่หาน “ถ้าเจ้ากล้าเข้ามาใกล้ ข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”

เสิ่นอี่ว์อึ้ง รู้สึกคุ้นเคยกับภาพตรงหน้ามาก

ห้าปีก่อน ตอนที่กู้โม่หานปกป้องหยุนอี่ร์โหรว สายตาที่มองหนานหว่านเยียนนั้น เย็นชาจนเย็นยะเยือกไปทั้งหัวใจ

เขาใช้ดาบชี้ไปยังหนานหว่านเยียน แล้วพูดอย่างเด็ดขาด

และตอนนี้ สลับตำแหน่งกัน หนานหว่านเยียนปกป้องโม่หวิ่นหมิง และยืนเถียงกับกู้โม่หาน

นี่มันคือการสลับตำแหน่งกันงั้นเหรอ?

กู้โม่หานโกรธมากยิ่งขึ้น แต่กลับก้าวไปข้างหน้า “หนานหว่านเยียน เจ้าคงไม่……”

ยังพูดไม่ทันจบ เสียง ‘พรึ่บ’ ดังขึ้น ธนูหนึ่งดอกยิงออกมาอย่างรวดเร็ว……