บทที่ 373 : ไพ่ในมือ!

หลิงหยุนพูดสบายๆไม่มีท่าทีเดือดร้อนแม้แต่น้อย แต่จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าเหลียงอี้เฟิงที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นช่างเซ็กซี่และมีเสน่ห์อย่างมาก แต่น่าเสียดายที่เธอเป็นน้าสาวของฉางหลิง ไม่เช่นนั้น..

เหลียงเฟิงอี้เห็นหลิงหยุนยืนนิ่งไม่พูดอะไร แต่สายตากลับจับจ้องมาที่เธอ ทำให้เธอเริ่มรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่เร่าร้อนนั่น จึงรีบดุเสียงเบาว่า

“นี่เธอมองอะไร?! ฉันไม่รู้จริงๆนะว่าเด็กนักเรียนอย่างเธอไปเอาความบ้าบิ่นมาจากที่ใหน ถึงได้กล้าไล่ทุบบ้านของคนอื่นทิ้งแบบนี้.. แล้วนี่บาดเจ็บตรงใหนบ้างไม๊?!”

เหลียงอี้เฟยพูดจบ ก็เดินเข้าไปใกล้หลิงหยุน พร้อมกับยื่นหน้าไปสำรวจตามร่างกายที่มีแต่ฝุ่นของเขาอย่างละเอียด

แม้ว่าเหลียงเฟิงอี้จะสวมรองเท้าส้นสูง แต่ตัวก็ยังเตี้ยกว่าหลิงหยุน จังหวะที่โน้มตัวไปข้างหน้านั้น เสื้อชีฟองคอลึกของเธอจึงเผยให้เห็นหน้าอกขาวนวลเนียนราวกับคริสตัล ทันทีที่สายตาของหลิงหยุนเหลือบไปเห็นเข้า ความคิดชั่วร้ายก็ผุดขึ้นมาทันที

ระหว่างที่แอบมองอยู่นั้น หลิงหยุนก็แสร้งทำเป็นพูดคล้ายไม่สนใจ “ผมไม่เป็นอะไร.. ว่าแต่อาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าของคุณล่ะ ต้องการให้ผมช่วยรักษาให้ไม๊?”

คำพูดของหลิงหยุนทำให้เหลียงเฟิงอี้เพิ่งนึกถึงข้อเท้าที่พลิก ดวงตาคู่สวยของเธอเบิกโพลงด้วยความตกใจ..

หลิงหยุนพูดต่อทันที “ข้อเท้าของคุณบวมมาก.. คุณไม่รู้สึกเจ็บบ้างเลยหรือไง?”

หลิงหยุนเอื้อมมือออกไปจับแขนของเหลียงเฟิงอี้ “เอาล่ะ.. ผมว่าเราไปหาที่ร่มๆคุยกันจะดีกว่า ตรงนี้แดดร้อนเกินไป!”

หลิงหยุนเพิ่งจะได้รับกระแสจิตจากตู้กู่โม่แจ้งว่า กู่เหลียนซันเป็นลมไปแล้ว..

เหลียงเฟิงอี้เอื้อมมือมาแกะมือของหลิงหยุนที่กำลังช่วยประคองออก และด้วยความเจ็บปวด เธอจึงสูญเสียการทรงตัวและเกือบจะล้มลงไป แต่หลิงหยุนตาไว จึงรีบคว้าเอวของเหลียงเฟิงอี้ไว้ และโอบเธอไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง

“เร็วเข้า.. ผมยังมีอย่างอื่นต้องทำอีก อย่ามัวชักช้า..”

หลิงหยุนพูดขึ้นโดยไม่สนใจท่าทีดิ้นรนของเหลียงเฟิงอี้ เขาโอบร่างของเธอและใช้มังกรพรางร่างหลบออกจากฝูงชน

ฝูงชนที่ยืนมองอยู่ถึงกับงุนงง เมื่อจู่ๆหลิงหยุนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็หายตัวไป!

โอ๊ะ! เหลียงเฟิงอี้ร้องออกมาเมื่อรู้สึกว่าร่างของเธอลอยแกว่งไปมาในอากาศ เธอกลัวจนต้องหลับตา แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่า เธอกับหลิงหยุนไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว แต่กลับมาอยู่ในบริเวณที่ค่อนข้างเงียบสงบและห่างไกลจากผู้คน..

 “นี่มัน..”

เหลียงเฟิงอี้เผยอปากเซ็กซี่ขึ้นพูดพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนด้วยความงุนงง แววตาของเธอเต็มไปด้วยความตกใจราวกับว่าได้เห็นผีในตอนกลางวันเข้า

“นี่เป็นวิชาตัวเบา..”

หลิงหยุนพูดยิ้มๆ และไม่อธิบายอะไรมากกว่านั้น แต่กลับวางร่างบอบบางของเหลียงเฟิงอี้ไว้บนสนามหญ้าอย่างเบามือ จากนั้นก็นั่งลงพร้อมกับยกเท้าของเหลียงเฟิงอี้ขึ้นและจัดการถอดรองเท้าส้นสูงให้กับเธอ

เหลียงเฟิงอี้สวมถุงน่องสีสดใส หลิงหยุนจับเท้าที่นุ่มนวลของเธอไว้ และสัมผัสได้ถึงผิวที่นุ่มนวล เขาวางเท้าของเหลียงเฟิงอี้ลงในมืออย่างอ่อนโยน เธอรีบสะบัดขาเบาๆพร้อมกับร้องถามว่า

“นี่เธอจะทำอะไร?!”

เหลียงเฟิงอี้หายใจถี่พร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย คิ้วของเธอย่นเข้าหากันเพราะรู้สึกปวดที่ข้อเท้า

หลิงหยุนจึงตอบไปว่า “ไม่เป็นไรมาก.. แค่ข้อเท้าแพลง แต่ถ้าปล่อยไว้ก็จะบวมจนเดินไม่ได้ แต่หลังจากที่ผมรักษาให้แล้ว คุณก็จะสามารถขยับเท้าได้ และจะค่อยๆดีขึ้นเอง!”

“เธอจะรักษาได้ยังไง? พลาสเตอร์ก็ไม่มี ยาทาแก้ปวดก็ไม่มี เธอจะใช้วิธีอะไรในการรักษา?”

แม้เหลียงเฟิงอี้จะเคยได้ยินมาว่า หลิงหยุนมีทักษะด้านการแพทย์ที่สูงส่งมาก แต่เธอเองก็ไม่เคยเห็นกับตา จึงไม่อยากจะเชื่อนัก!

หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า หากเขามียันต์บำบัดก็จะยิ่งทำให้อาการข้อเท้าแพลงของเหลียงเฟิงอี้หายเร็วขึ้นกว่านี้ แต่เขาได้ใช้มันรักษาเหยาลู่ไปจนหมดแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงต้องใช้การฝังเข็มแทน

หลิงหยุนยกมือขึ้นพร้อมกับเข็มทองทั้งเก้าเล่มในมือ จากนั้นก็พูดกับเหลียงเฟิงอี้ยิ้มๆ “เอาล่ะ.. อยู่นิ่งๆ อย่าขยับ ผมจะฝังเข็มให้!”

แค่อาการข้อเท้าแพลงธรรมดาๆ หลิงหุยนเพียงแค่ใช้เก้าเข็มปลุกชีพลดอาการเจ็บปวด และใช้เข็มทองฝังลงไปรอบๆข้อเท้าของเหลียงเฟิงอี้  จากนั้นก็ถ่ายเทพลังชีวิตของตัวเองลงไปเล็กน้อย ข้อเท้าที่บวมเปล่งของเหลียงเฟิงอี้ก็ค่อยๆหายบวมราวกับเล่นกล

“เอาล่ะ.. ลองลุกยืนดู..” หลิงหยุนดึงเข็มทองทั้งเก้าเล่มออกพร้อมกับยิ้มให้เหลียงเฟิงอี้

เหลียงเฟิงอี้ลุกขึ้นยืนอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก เธอลองหมุนข้อเท้าของตัวเองไปมา แต่กลับพบว่าไม่รู้สึกเจ็บปวดอีก เธอจึงได้แต่มองหลิงหยุนด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

ฉางหลิงไม่ได้โกหกเธอจริงๆด้วย! วิชาการแพทย์ของหลิงหยุนนั้นช่างน่าอักศจรรย์ และวันนี้เธอเองก็ได้ประจักษ์ด้วยสายตาตัวเอง!

“ไปกันได้แล้ว!”

หลิงหยุนไม่พูดอะไรมาก เขาหันหน้าและเดินตรงไปที่สนามหญ้าไกลๆซึ่งตู้กู่โม่นั่งอยู่

เมื่อเห็นหลิงหยุนเดินเข้ามา ตู้กู่โม่ก็ยิ้มให้พร้อมกับพูดขึ้นว่า “วันนี้นายทุบบ้านคนอื่นไปถึงสองหลัง ฉันว่าวันนี้นายต้องมีปัญหาใหญ่แน่!”

หลิงหยุนหัวเราะอย่างมีความสุข  “ใครว่าฉันทุบแค่สองหลังล่ะ.. ยังต้องทุบอีกหลัง แต่ฉันจะรอทุบต่อหน้าหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงคนใหม่ ฉันก็อยากจะรู้ว่าเขาจะห้ามฉันได้ยังไง?”

เหลียงเฟิงอี้ที่เดินตามหลิงหยุนมาติดๆ และเมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนยังคงคิดที่จะทุบบ้านของคนอื่นอีกหนึ่งหลัง เธอจึงรีบร้องออกมาอย่างกระวนกระวายใจ

“หลิงหยุน.. ทำไมเธอถึงไม่ใช้วิธีอื่น? เพราะแค่สองหลังที่ทุบไปนั้น วันนี้ยังไงเธอก็คงต้องถูกจับกุมไปที่สำนักงานรักษา..”

ยังไม่ทันที่เหลียงเฟิงอี้จะพูดจบ หลิงหยุนก็เหลือบมองเธอพร้อมกับชี้ไปทางกู่เหลียนซันที่กำลังนอนอยู่บนพื้น แล้วพูดขึ้นว่า

“เอาล่ะ.. คุณลองฟังมันพูดก่อน แล้วค่อยคิดว่าผมควรจะทุบบ้านของเถียนป๋อเตาทิ้งไม๊..?”

พูดจบ.. หลิงหยุนก็เตะเข้าที่จุดตามร่างกายของกู่เหลียนซันสองสามแห่ง เพื่อทำการคลายจุดเจ็บปวดให้กับเขาชั่วคราว จากนั้นจึงพูดกับกู่เหลียนซันยิ้มๆ

“เอาล่ะ.. ทีนี้จะบอกฉันได้รึยังว่าใครเป็นคนสั่งให้แกรื้อบ้านของฉัน หน้าอย่างแกไม่กล้าคิดเรื่องแบบนี้หรอก? ใครอยู่เบื้องหลังแกกันแน่ พูดมา?”

พูดจบหลิงหยุนก็หันไปบอกเหลียงเฟิงอี้ “คนสวย.. คุณมีเครื่องมืออะไรที่ใช้อัดเสียงได้บ้าง ถ้ามี.. ช่วยผมบันทึกคำสารภาพของมันไว้ด้วย?”

โทรศัพท์มือถือของเหลียงเฟิงอี้เป็นซัมซุงรุ่นล่าสุด แน่นอนว่าต้องสามารถใช้บันทึกเสียงได้อยู่แล้ว เธอรู้ว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับหลิงหยุน เธอจึงพยักหน้าพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถืออกมา และกดไปที่ปุ่มบันทึก

“พี่ชายกับหลานชายของฉันเป็นคนสั่ง.. เขาบอกให้ฉันทำแบบนี้เพื่อเป็นการแค้น พวกเขาบอกกับฉันว่ามีทั้งพ่อของเสียเจิ้นเหยินที่เป็นถึงนายกเทศมนตรี และหัวหน้าสำนักงานความมั่นคง-หลัวจ้งให้การสนับสนุน พี่ชายกับหลานชายของฉันยังบอกอีกว่า ถ้าเธอกลับมาแล้วกล้าสร้างปัญหาให้กับฉัน พวกเขาก็จะจับตัวเธอเขาคุก..”

กู่เหลียนซันเกือบจะพูดไปร้องไห้ไป ไม่มีทางที่พี่ชายกับหลานชายจะยอมยกโทษให้กับเขาแน่ แต่ก็ดีกว่าการถูกหลิงหยุนทรมานแบบเมื่อครู่เป็นสิบเท่า ผ่านไปแค่สี่สิบนาที เขาก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว!

ตอนนี้กู่เหลียนซันแทบอยากจะรีบๆตายให้จบๆไป และเขาไม่ต้องการทนทรมานกับความเจ็บปวดแบบเมื่อครู่อีก!

หลิงหยุนได้ฟังเพียงเท่านั้นก็ขี้เกียจฟังต่อ เขายิ้มพร้อมกับเดินตรงไปยืนทางด้านข้าง เขากำลังรอคอยการมาถึงของหลัวจ้ง ตอนนี้หลิงหยุนมีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว และมีไพ่อยู่ในมือหลายใบ ต่อให้เขาไม่สามารถปลดหลัวจ้งลงได้ แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถทำให้หลัวจ้งไม่สามารถทำอะไรได้สักสองสามวัน

เหลียงเฟิงอี้รับรู้ได้ว่าเรื่องราวในครั้งนี้ค่อนข้างใหญ่โตสำหรับหลิงหยุนมาก เธอจึงไม่กล้าพูดอะไรไร้สาระอีก เธอจัดการบันทึกคำสารภาพของกู่เหลียนซันทุกคำตั้งแต่ต้นจนจบ และหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทุกอย่างแล้ว เธอก็เข้าใจได้ทันทีว่าเพราะเหตุใดหลิงหยุนจึงต้องลงมือทุบบ้านของเถียนป๋อเตา!

“ชั่วช้าที่สุด.. เป็นฉันฉันก็คงทุบทิ้งเหมือนกัน!”

เหลียงเฟิงอี้ร้องออกมาทันทีหลังจากที่กู่เหลียนซันพูดจบ และสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา

หลิงหยุนหัวเราะเสียงดังพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบไหล่ของเหลียงเฟิงอี้เพื่อปลอบปะโลม “อย่าเพิ่งโมโหไปครับ..! รอหลัวจ้งมาก่อน แล้วค่อยไปทุบบ้านหลังที่สามกัน!”

เหลียงเฟิงอี้จ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับดุเขาไป “ทำไมเธอชอบลูบไหล่ของคนอื่นแบบนี้..? ไม่รู้จักเด็ก ไม่รู้จักผู้ใหญ่..”

หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับหันไปทางตู้กู่โม่ “ตรงนั้นมีคนมากเกินไป.. พูดคุยไม่สะดวกเท่าไหร่ นายช่วยไปพาเถียนป๋อเตามาที่นี่หน่อย แล้วพอหลัวจ้งมาถึง พวกเราค่อยคุยกับมันที่นี่ก็แล้วกัน..!”

ตู้กู่โม่พยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืน หลิงหยุนนั่งลงพร้อมกับโน้มตัวลงไปแสยะยิ้มให้กับกู่เหลียนซัน

“กู่เหลียนซัน.. ถ้าแกสารภาพเร็วกว่านี้ ก็คงไม่ต้องเจ็บปวดนานถึงขนาดนี้!”

กู่เหลียนซันมองหลิงหยุนราวกับเห็นปีศาจ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แม้จะรู้สึกโกรธ แต่ก็ไม่กล้าที่จะแสดงความโกรธออกมาแม้แต่นิดเดียว

หากเขารู้มาก่อนว่าหลิงหยุนเก่งกาจและดุร้ายถึงเพียงนี้ อย่าว่าแต่เป็นพี่ชายของเขาหรือเป็นญาติของเขาเลยที่โดนกระทำ ต่อให้เป็นตัวเขาเองที่ถูกหลิงหยุนกระทำ เขาก็คงไม่กล้าแม้แต่จะคิดกลับมาแก้แค้นแน่!

ไม่มีทาง.. หลิงหยุนเป็นคนที่เก่งกาจและแข็งแกร่งมาก และสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ด้วยตนเองเพียงลำพัง อย่างเช่นวันนี้.. เขาใช้เพียงแค่มือเปล่า ก็สามารถทุบบ้านทั้งหลังจนไม่เหลือแม้แต่ซากได้!

“หลิงหยุน.. ฉันขอโทษแทนพี่ชายและหลานด้วย! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตระกูลกู่จะไม่ยุ่งกับเธออีก และจะไม่คิดเรื่องแก้แค้นอีกแล้ว ได้โปรดยกโทษให้พวกเราจะได้ไม๊?!”

กู่เหลียนซันครุ่นคิดอยู่ในใจ เขายอมเสียหน้าเพื่อรักษาตระกูลให้มีทางรอดจะดีกว่า..

หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย “กู่เหลียนซัน ดูเหมือนว่าแกจะเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมที่สุด แต่ฉันบอกได้คำเดียวว่ามันสายเกินไปแล้ว! ฉันให้โอกาสกับพวกแกถึงสองครั้งสองครา.. ตอนนี้ถือว่าเป็นคราวเคราะห์ของพวกแกก็แล้วกัน..”

หลิงหยุนไม่สนใจที่จะฟังคำต่อรองใดๆอีก เขามีขอบเขตของตัวเอง ใครก็ตามที่กล้ายุ่งกับเขาจนเกินขอบเขต เขาต้องตอบโต้คืนอย่างสาสม และต้องให้พวกมันได้รับบทลงโทษอย่างสาสมเช่นกัน จากนั้นก็ปล่อยไปไม่คิดที่จะฆ่าแกง..

ไม่เว้นแม้แต่เถียนป๋อเตา เถียนเสี่ยวกวง กู่หยุนฟะ กู่เหลียนเฉิง และบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่น ที่หลิงหยุนเพียงแค่จัดการสั่งสอนแล้วก็ปล่อยตัวไป ไม่คิดถึงขั้นที่จะฆ่าให้ตายเช่นกัน

แต่หลังจากที่หลิงหยุนกลับออกมาจากหลุมยักษ์ เขากลับไม่นึกไม่ฝันว่าบรรดาศัตรูทั้งหลายกลับไม่ยอมปล่อยเขา และฉวยโอกาสที่เขาไม่อยู่นี้ รุมโจมตีอย่างพร้อมเพรียงกัน!

แม้แต่ท่านหมอเสี่ยว หลี่ยี่เฟิง และถังเทียนห่าวที่มีอำนาจมากมายยังไม่สามารถต้านทานได้ และทุกคนกลับได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้หลิงหยุนโกรธมาก และตัดสินใจที่จะฆ่าทุกคนทิ้ง!

ดังนั้นหลิงหยุนจึงต้องประกาศก้องที่จะล้างบางเมืองจิงฉู ไม่เช่นนั้นในอนาคต หากเขามีความจำเป็นต้องออกจากจิงฉู เขาคงจะรู้สึกไม่สบายใจ และต้องคอยกังวลไปเสียทุกครั้งว่าจะเกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีกหรือไม่?

เมื่อกู่เหลียนซันเห็นว่าหลิงหยุนดูหมือนจะไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป จึงได้แต่ยิ้มอย่างหมดหวัง และปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามโชคชะตา!

ตู้กู่โม่กลับมาอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่ได้เป็นคนนำตัวเถียนป๋อเตามาด้วยตัวเอง เป็นลูกน้องของเตาฉีอุ้มมาแทน

เหลียงเฟิงอี้เห็นเถียนป๋อเตาที่สวมแค่กางเกงในตัวเดียว ก็รีบทำสีหน้ารังเกียจ  และหันหน้าหนีไปทางอื่นทันที

หลิงหยุนหันไปทางเถียนป๋อเตาที่นอนแน่นิ่งและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คนแซ่เถียน.. ตอนนี้ฉันรื้อบ้านแกแล้ว ยังรู้สึกสนุกอยู่ไม๊? รู้สึกยังไงบ้างล่ะ? สนุกเหมือที่แกรื้อบ้านของฉันไม๊?”

เถียนป๋อเตาถูกจับโยนลงบนพื้นสนามหญ้า เขาทั้งเจ็บทั้งคันไปทั่วทั้งตัว แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เมื่อได้พบหลิงหยุน เขาก็ได้แต่ร้องของความเมตตาอีกครั้ง

“หลิงหยุน.. ฉันทุบบ้านของเธอทิ้งหนึ่งหลัง แต่เธอทุบบ้านของฉันไปแล้วสองหลัง จะทุบหลังที่สามอีกก็ได้ ฉันรับรองว่าจะไม่เอาเรื่อง แล้วต้องการเงินชดเชยเท่าไหร่ก็บอกมา ฉันยินดีจ่ายให้! แต่ขอร้องได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ.. ต่อไปฉันจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธออีก.. ฉันสัญญา!”

หลิงหยุนได้จัดการส่งกระแสจิตบอกเหลียงเฟิงอี้ให้บันทึกคำสารภาพ จากนั้นก็เดินเข้าไปหาเถียนป๋อเตา

“ปล่อยแกงั้นเหรอ? ต้องดูความสามารถของแกซะก่อน รอให้หัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงมาถึงที่นี่ก่อน ฉันจะดูว่าแกจะพูดยังไง”

เถียนป๋อเตานอนอยู่ที่พื้นและอดแปลกใจไม่ได้ว่า หลิงหยุนรื้อบ้านทั้งสองหลังของเขาได้อย่างไร และสุดท้ายเขาจึงได้แต่สรุปเอาเองว่าหลิงหยุนต้องไม่ใช่คนธรรมดา!

คนที่ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือะไรสักอย่าง แต่กลับสามารถทุบบ้านหลังใหญ่ได้ภายในเวลาเพียงแค่สามถึงห้านาที ถ้าเขายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เขาจะต้องไม่โยกโย้กับหลิงหยุนอีก

ยังดีที่หลิงหยุนเลือกมาทุบบ้านของเขาในเวลากลางวัน หากหลิงหยุนลงมือในตอนกลางคืน หลิงหยุนอาจะฆ่าเขาทิ้งไปแล้วก็ได้ ตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องบ้านหรือเรื่องตำแหน่งหน้าที่การงานอีกแล้ว ไม่สนใจแม้แต่คอนเน็คชั่นบ้าบออะไรอีก

มีเงิน มีอำนาจ มีผู้หญิง แล้วสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์กับคนตาย?

ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการเขตถนนหลินเจียง เถียนป๋อเตาสามารถหาผลประโยชน์บนถนนเส้นนี้ได้อย่างชาญฉลาด แต่ตอนนี้เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าได้สะดุดตอต้นใหญ่เข้าแล้ว และตอนนี้หลิงหยุนก็เป็นผู้กุมชะตาชีวิตของเขาว่าจะอยู่หรือตาย!

หลิงหยุนมองกู่เหลียนซันแล้วหันไปมองเถียนป๋อเตา พร้อมกับแสยิ้มแต่ไม่พูดอะไร..

สองคนนี้ล้วนเป็นคนฉลาด พวกเขาเคยผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก แต่ชะตากรรมของทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในมือของหลิงหยุน แต่อยู่ในมือของหลัวจ้ง!

เสียงไซเรนดังกระหึ่มมาแต่ไกล และค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ หลิงหยุนและตู้กู่โม่หันไปมองหน้ากัน และต่างก็รู้ว่าไฮไลท์ของวันนี้กำลังจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว..