บทที่ 374 : สร้างความอัปยศให้หลัวจ้ง!

รถตำรวจนับสิบคันเปิดไซเรนเสียงดังมาตลอดเส้นทางบนถนนหลินเจียง และมาหยุดอยู่ตรงหน้าหมู่บ้าน..

ทันทีที่รถตำรวจจอด เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษ และเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธ ต่างก็กรูกันออกมาจากรถทันที แต่ละนายล้วนมีอาวุธครบมือ และเพียงไม่นานหน้าหมู่บ้านหลินเจียงก็ห้อมล้อมไปด้วยตำรวจหลายนาย

รถของหลัวจ้งก็มาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่เขาไม่ลงจากรถ เพียงแค่นั่งสั่งการให้ตำรวจบุกเข้าไปด้านในเพื่อควบคุมสถานการณ์ก่อน

ความจริงแล้ว.. ไม่จำเป็นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเข้าไปควบคุมสถานการณ์ในหมู่บ้านเลยด้วยซ้ำไป เพราะด้านในนั้นมีลูกน้องของหลงคุนหลายร้อยคนดูแลความเรียบร้อยอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีคนของเตาฉีอีกร่วมสามสิบคนที่ช่วยดูแลด้วยเช่นกัน

ในเวลานั้น.. หลิงหยุนได้จัดการทำลายบ้านของเถียนป๋อเตาไปแล้วถึงสองหลัง อีกทั้งเขายังมีไพ่อยู่ในมืออีกหลายใบ ตอนนี้หลิงหยุนเพียงแค่รอคอยการมาถึงของหลัวจ้ง เพื่อสร้างความอัปยศให้กับเขาเท่านั้นเอง

เหลียงเฟิงอี้มองใบหน้ามอมแมมของหลิงหยุน และระล้าระลังอยู่นาน จึงตัดสินใจเรียกหลังหยุนให้หันหน้ามา แล้วจัดการปัดฝุ่นบนศรีษะของเขาออกให้

“เธอนี่นะ.. ตัวใหญ่ซะเปล่า รู้จักแต่เรื่องใช้กำลัง แต่ไม่รู้จักสนใจตัวเองเลย..”

เหลียงเฟิงอี้จัดแจงปัดฝุ่นให้กับหลิงหยุนพร้อมกับบ่นพึมพำ แต่ก็สังเกตุเห็นสายตาของหลิงหยุนที่จับจ้องอยู่เพียงแค่เนินอกขาวเนียนของตนเอง หลิงหยุนพยายามจะไม่มองและเมินสายตาออกจากจุดนั้น

เหลียงเฟิงอี้ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเธอถึงไม่อยากดุว่าเด็กชายตัวโตคนนี้ จึงได้แต่ถอนหายใจเบาๆพร้อมกับคิดในใจว่าอยากมองก็มองไป ก็แค่ก้อนเนื้อสองก้อน!

“นี่.. ฉันทำหน้าที่เป็นทนายส่วนตัวให้กับนายอยู่ทางโน้น แถมยังต้องจัดการกับนักข่าวพวกนั้นอีก แต่นายกลับมาอี๋อ๋ออยู่กับสาวสวยตรงนี้เนี่ยนะ?!”

หลิงหยุนไม่รู้ว่าหลงหวู่เสร็จงานของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เมื่อมองไปตามเสียงแหลมๆของเธอ เขาก็พบถังเมิ่งเดินตามมาด้วย

หลิงหยุนได้ฟังคำพูดของหลงหวู่ จึงตอบกลับเธอด้วยความภูมิอกภูมิใจ “นี่คุณทนายคนสวย! ถ้ารู้สึกอิจฉา.. ก็จับเนื้อจับตัวผมได้นะ รับรองว่าผมจะไม่ขัดขืนเลย!”

แม้หลิงหยุนจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลงหวู่จึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่ อีกทั้งยังยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขา แต่หลิงหยุนก็เริ่มรู้สึกชื่นชอบเธอ ตั้งแต่ที่เห็นเธอเช็ดรองพื้นหนาเตอะนั่นออก

แต่หลงหวู่กลับตอบยิ้มๆ “ฉันไม่มีเวลามานั่งเล่นกับนายหรอก.. อีกอย่างที่ฉันมาเป็นทนายให้กับนายครั้งนี้ ฉันไม่ได้ทำให้ฟรีๆหรอกนะ นายต้องจ่ายค่าจ้างให้กับฉันด้วย!”

หลิงหยุนยกมือขึ้นทำนิ้วเป็นสัญลักษณ์ Ok จากนั้นก็ตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดี “ไม่มีปัญหาครับคุณทนาย..”

ทั้งคู่คุยกันอย่างสนุกสนานอยู่พักหนึ่ง แต่จู่ๆเสียงของฝูงชนก็เงียบลง และทุกคนต่างก็อยู่ในความสงบเรียบร้อย จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธหลายนายเดินเข้ามา

“นั่นมันหลัวจ้ง.. หัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงคนใหม่นี่ ถึงกับต้องมาด้วยตัวเองเลยเหรอ..?” ถังเมิ่งเห็นเพียงแค่ป้ายทะเบียนรถตำรวจก็จำได้ จึงรีบร้องบอกหลิงหยุน

แววตาของหลิงหยุนเป็นประกายขึ้นมาทันที และยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ลักยิ้มมหาเสน่ห์ปรากฏขึ้นที่แก้มซ้ายของเขา และสองสาวต่างก็มองหลิงหยุนด้วยความตะลึง

“พวกเราไม่ต้องไปใหน.. รออยู่ตรงนี้ล่ะ ให้พวกมันเป็นฝ่ายมาหาเราที่นี่เอง!” พูดจบหลิงหยุนก็ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นหญ้า สายตาของเขาจับจ้องไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ท่ามกลางฝูงชนแออัด เจ้าหน้าที่ตำรวจปรากฏตัวพร้อมอาวุธครบมือ ผู้คนที่ยืนมุงอยู่ต่างก็พากันหลีกทางให้ และต่างก็รู้สึกว่าครั้งนี้หลิงหยุนคงต้องกลายเป็นของเล่นของตำรวจพวกนี้แน่

หลัวจ้งนั่งในรถตำรวจที่ขับตรงเข้าไปยังโซนใต้สุดของหมู่บ้าน และไปหยุดอยู่หน้าบ้านหลังกลางที่ถูกทุบทิ้งจนแทบไม่เหลือซาก

ทันทีที่เขาก้าวขาลงจากรถ นักข่าวจากสำนักต่างๆ ต่างก็พากันมารุมล้อมเพื่อสัมภาษณ์เขาเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้

หลัวจ้งยกมือขึ้นโบกพร้อมกับตอบนักข่าวว่า “ผมได้รับแจ้งมาว่า มีคนฝ่าฝืนกฏหมายด้วยการเข้ารื้อถอนทำลายทรัพย์สินของผู้อื่น ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และจะทำการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมดไปสอบสวน..”

หลิงหยุนและตู้กู่โม่ต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน และทั้งสองคนก็หันมามองตากันพร้อมกับแสยะยิ้มออกมาอย่างรังเกียจ

หลังจากที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในป่าเสินหนงระยหนึ่ง ทำให้ตู้กู่โม่ได้เรียนรู้นิสัยของหลิงหยุนหลายอย่าง จากที่เขารู้จักหลิงหยุนนั้น ดูเหมือนหลัวจ้งจะรีบดีใจเร็วไปหน่อย คิดจะจับคนอย่างหลิงหยุน.. ฝันกลางวันชัดๆ!

หลิงหยุนหันไปพูดกับหลงหวู่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ดูเหมือนหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงจ้องจะจับผมอย่างเดียวเลย ตอนนี้ผมคงต้องพึ่งคุณทนายคนเดียวแล้วล่ะ..”

หลงหวู่กลับถอนหายใจแล้วประชดกลับไปว่า “นายมีวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ใช่เหรอ? วิธีโง่ๆที่นายถนัดไง อย่างเช่นการใช้กำลัง?”

แต่หลิงหยุนกลับอย่างภูมิอกภูมิใจ “นั่นสิ.. ผมแข็งแรงมากเลยนะ! แค่สามนาทีผมก็ทุบบ้านทั้งหลังจนพังได้ คุณทำได้อย่างผมไม๊ล่ะ?”

หลงหวู่ทำหน้าหงิกพร้อมกับตอบไปอย่างระอา “ฉันขี้เกียจต่อปากต่อคำกับคนโง่แบบนาย..” จากนั้นก็หันหลังกลับไปไม่สนใจหลิงหยุนอีก

หลังจากที่สอบถามผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่นำทีมโดยหลัวจ้งก็เข้าใจสถานการณ์ในที่เกิดเหตุได้เป็นอย่างดี เขาจึงสั่งให้ตำรวจพร้อมอาวุธสิบกว่านายเข้าไปจับกุมหลิงหยุน

ทันทีที่ได้รับคำสั่ง ตำรวจทั้งสิบกว่านายก็เดินถือปืนชี้ไปที่หลิงหยุน และค่อยๆก้าวเข้าไปล้อมเขาไว้ สถานการณ์ดูเหมือนจะเริ่มตึงเครียดขึ้นมาทันที

หลัวจ้งสวมเสื้อผ้าสีพื้นและมีตำรวจที่มีฝีมือสองสามนายอยู่ข้างๆ และมีนักข่าวเดินตามมาเป็นพรวน แต่ละคนต่างก็เดินตามกันมาติดๆ เพราะเกรงว่าจะพลาดเหตการณ์สำคัญไป

หลัวจ้งเดินมาถึงวงล้อมของตำรวจ ก็เห็นหลิงหยุนกำลังนั่งอยู่บนพื้น..

หลิงหยุนนั่งเอามือซ้ายเท้าพื้นไว้ด้วยท่าทางสบายๆ พร้อมกับมองหลัวจ้งที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสายตาเหยียดหยัน หลิงหยุนยิ้มมุมปากอย่างรังเกียจ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างอย่างสดใส!

แต่จู่ๆหลิงหยุนก็ยกมือขวาขึ้นชี้หน้าหลัวจ้ง! ท่าทางของหลิงหยุนนั้นทั้งเย็นชา ดุดัน จองหอง และไม่มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย!

หลัวจ้งคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะแสดงท่าทางเช่นนี้ต่อหน้าเขา กล้องจำนวนมากต่างก็กดถ่ายภาพของหลิงหยุน หลัวจ้งรู้สึกกลัวจนต้องหยุดกะทันหัน และไม่กล้าก้าวเท้าเข้าไปใกล้หลิงหยุนอีกแม้แต่ก้าวเดียว!

ตำรวจหลายนายที่ล้อมหลิงหยุนไว้นั้น ต่างก็ไม่รู้ว่าหลิงหยุนต้องการจะทำอะไรกันแน่ แต่ดูจากท่าทางแล้ว ดูเหมือนหลิงหยุนต้องการจะเล่นงานหัวหน้าหลัวมากกว่า ตำรวจทุกนายต่างก็หวาดกลัว จึงรีบสับไกปื้นเสียงแกร๊กๆไปทั่วทั้งบริเวณ และเล็งปืนไปทางหลิงหยุน

ใบหน้าสวยงามของหลงหวู่ปรากฏขึ้นพร้อมกับร้องบอกหลัวจ้งว่า “หัวหน้าหลัว.. นี่เห็นพวกเราเป็นอาชญากรตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเล็งปืนมาทางพวกเราแบบนี้?”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลวหวู่ หลัวจ้งก็ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบไปว่า “อ่อ.. คุณคงจะยังไม่รู้อะไรสินะ? ผมได้รับแจ้งว่ามีการก่ออาชญากรรมขึ้นที่นี่ และพวกเขาก็เป็นผู้ต้องสงสัย ผมจึงต้องสั่งให้ตำรวจเตรียมพร้อม..”

หลงหวู่ยิ้มพร้อมกับเหลือบมองหลิงหยุนที่กำลังนั่งอยู่ที่พื้นอย่างเกียจคร้าน จากนั้นก็หันไปพูดต่อว่า “ไม่ทราบว่าใครกันที่เป็นผู้ต้องสงสัยคนนั้น?”

หลัวจ้งอดที่จะทึ่งในตัวลูกสาวของหลงคุนไม่ได้ และไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดแก๊งมังกรจึงต้องกระโดดเข้ามาช่วยหลิงหยุน แต่ก็ตอบกลับไปว่า

 “คนที่ไปทุบทำลายสำนักงานรื้อถอน และบ้านของคนอื่น คนคนนั้นก็คือผู้ต้องสงสัย ไม่ถูกต้องตรงใหน?”

หลงหวู่ยิ้มหวานและตอบกลับไปว่า “งั้นเหรอคะ.. แล้วใครกันนะที่ทำเรื่องแบบนั้น?”

ดูเหมือนหลัวจ้งจะถูกหลงหวู่ยั่วโมโหเข้าให้แล้ว เขาจึงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก

“หลงหวู่.. ฉันรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของหัวหน้าแก๊งมังกรเขียว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ฉันไม่มีเวลามาเล่นลิ้นกับเธอหรอกนะ! ตอนนี้ฉันต้องพาตัวหลิงหยุนกลับไปสอบสวนก่อน หวังว่าเธอจะไม่เข้ามายุ่งอีก!”

“หัวหน้าหลัวคงจะกลัวเกินเหตุไป! การจะจับกุมคนก็ต้องมีหลักฐาน และมีเหตุผลที่เพียงพอ ไม่ใช่จับตามอำเภอใจ อีกอย่างนี่ก็อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย ระวังจะกลายเป็นการกลั่นแกล้งประชาชน..!”

เสียงดังขึ้นมาจากด้านหลัง หลัวจ้งรีบหันกลับไปมองตามต้นเสียง ขณะที่หลิงหยุนและตู้กู่โม่เองต่างก็หันมามองหน้ากัน

ตู้กู่โม่ส่งกระแสจิตบอกกับหลิงหยุนว่า ‘น่าจะจะป็นยอดฝีมือขั้นโฮ่วเทียน-7’

เมื่อหลัวจ้งเห็นหน้าคนที่พูด ใบหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันทีพร้อมกับพูดขึ้นว่า “พระอาทิตย์คงจะขึ้นทางตะวันตกสินะ? คิดไม่ถึงว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้หัวหน้าแก๊งมังกรเขียวถึงกับต้องออกโรงด้วยตัวเอง!”

เจ้าของเสียงนั่นกลับไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพ่อของหลงหวู่ หัวหน้าแก๊งมังกรเขียว-หลงคุนนั่นเอง!

หลงคุนเดินเข้าไปในวงล้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างช้าๆ และไปยืนเผชิญหน้ากับหลัวจ้งในระยะห่างกันไม่ถึงสองเมตร พร้อมกับพูดเบาๆว่า

“ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเรื่องเล็กๆแบบนี้ จะทำให้หัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงถึงกับต้องออกโรงด้วยตัวเองเหมือนกัน.. ”

หลงคุนนั้นเป็นชายร่างสูงอย่างไม่น่าเชื่อ เขาสูงถึงหนึ่งเมตรเก้าสิบ แต่รูปร่างกลับไม่แข็งแกร่งเท่ากับตี้เสี่ยวอู๋ และดูเหมือนจะผอมกว่าเล็กน้อย

หลัวจ้งพูดต่อว่า “นี่หัวหน้าหลง.. ผมว่าคุณกับลูกสาวอย่ายื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้จะดีกว่า เพราะคดีนี้ผมเป็นผู้ดูแล ผมไม่มีเวลามาเล่นสนุกกับพวกคุณหรอกนะ!”

หลงคุนได้ฟังถึงกับหัวเราะเสียงดัง “นี่หัวหน้าหลัว.. แม้แต่การทำธุรกิจ ก็ยังต้องปฏิบัติตามขั้นตอน ผม-หลงคุนอยู่จิงฉูมาหลายสิบปี พวกเราสองคนต่างก็รู้จักกันเป็นส่วนตัวมาเป็นสิบปี และต่างคนต่างก็คุ้นเคยกัน แต่การที่คุณจะจับกุมคนโดยไม่แยกผิดแยกถูกแบบนี้ ผม-หลงคุนไม่เห็นด้วยจริงๆ!”

พูดจบ.. หลงคุนก็ผายมือไปทางด้านหลังของหลัวจ้ง เป็นการส่งสัญญาณให้เขาหันหลังกลับไปมอง..

หลัวจ้งหันไปมองด้านหลังก็พบคนของแก๊งมังกรเขียวหลายร้อยคนยืนอยู่ล้อมรอบตำรวจไว้อีกชั้นหนึ่ง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีอาวุธ แต่ใบหน้าของทุกคนก็บ่งบอกว่าเอาเรื่อง รอยยิ้มที่น่ากลัวของแต่ละคนดูเหมือนจะไม่แยแสกับตำรวจสิบบกว่านายนี้เลย

คนเหล่านั้นล้วนเป็นลูกน้องของหลงคุนที่พร้อมจะเป็นโล่ป้องกันให้กับเขา พวกเขาล้วนไม่กลัวตาย หลัวจ้งเห็นแล้วก็อดหวั่นไหวไม่ได้!

หลงคุนยิ้มพร้อมกับพูดต่อว่า “ผมไม่ได้ต้องการจะมาขัดขวางการทำงานของหัวหน้าหลัว แต่กรณีนี้หลิงหยุนเป็นเพียงแค่ผู้ต้องสงสัย หากมีคนยืนยันว่าหลิงหยุนทำผิดจริง คุณก็สามารถควบคุมตัวเขาไปได้เลย แต่คุณไม่สามารถใช้ความคิดของตัวเองตัดสินคนอื่น มันไม่ถูกต้อง..!”

หลัวจ้งโกรธจนหน้าเขียว เขายกมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุนที่ยังคงนั่งยิ้มแล้วพูดว่า “หลิงหยุนมันเข้าไปรื้อทำลายสำนักงานของกู่เหลียนซัน จับตัวเถียนป๋อเตา แล้วรื้อทำลายบ้านของเขาถึงสองหลัง ตอบมาสิว่า.. นี่ไม่ใช่การกระทำความผิดหรือยังไง? หลิงหยุนไม่สมควรถูกจับงั้นหรือ?”

หลงคุนพยักหน้าพร้อมตอบกลับไปด้วยสีหน้าจริงจัง “เอาล่ะ.. ถ้าเขาทำผิดหลายคดีขนาดนั้นจริงๆ คุณก็จับกุมตัวเขาไปได้เลย แต่..

แล้วหลงคุนก็หันไปถามหลงหวู่ “ลูกสาว.. ลูกเรียนกฎหมายมานี่นา ใหนลองบอกพ่อหน่อยสิว่า กรณีแบบนี้ตำรวจควรจะจัดการยังไง?”

หลงหวู่ตอบยิ้มๆ “แน่นอน.. สิ่งแรกที่ต้องมีคือหลักฐาน!”

หลงคุนผายมือพร้อมกับยักไหล่แล้วพูดขึ้นว่า “หัวหน้าหลัว.. ได้ยินแล้วใช่ไม๊? คุณกล่าวหาหลิงหยุนเป็นจำเลยในหลายคดี แล้วใหนล่ะหลักฐาน?”

หลัวจ้งกัดฟันกรอดและพูดขึ้นมาอย่างโมโห “เรื่องนี้ได้มีการตรวจสอบอย่างกระจ่างชัดแล้ว ทุกคนในที่นี้ก็เป็นพยานได้ จำเป็นต้องมีหลักฐานอะไรอีก?”

แต่จู่ๆก็มีเสียงดังฟังชัดแทรกขึ้นมา “หัวหน้าหลัว.. ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้! แค่ฟังคนพูดไม่กี่คนก็เชื่อว่าเป็นความจริง!”

หลิงหยุนที่นั่งฟังอยู่นาน จู่ๆก็โพล่งขึ้นมาอย่างไม่พอใจ แต่ก็ทำให้หลัวจ้งถึงกับเถียงไม่ขึ้นเช่นกัน

หลัวจ้งจ้องเล่นงานหลิงหยุนแบบนี้ มีหรือที่หลิงหยุนจะไม่หาโอกาสสร้างความอัปยศให้กับเขา ไม่เช่นนั้นคงจะไม่ใช่หลิงหยุนแน่นอน!

หลังจากที่หลิงหยุนพูดจบ บรรดานักข่าวและตำรวจแทบทุกนาย ต่างก็ทำท่าทางกระอักกระอ่วน และเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องกลั้นไว้..

หลงหวู่และเหลียงเฟิงอี้ต่างก็จ้องหน้าหลิงหยุนพร้อมกับคิดในใจว่า นี่เขากล้าพูดถึงขนาดนี้เชียวหรือ?

ทันทีที่หลัวจ้งได้ฟังคำพูดของหลิงหยุน เขาก็แทบจะหยุดหายใจ หลัวจ้งโกรธจนยกนิ้วขึ้นชี้หน้าหลิงหยุน และแทบอยากจะร้องตะโกนด่า แต่เพราะอยู่ต่อหน้าสาธารณชนเขาจึงต้องควบคุมอารมณ์ และรักษาภาพพจน์ของการเป็นหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคง และพูดออกมาแค่เพียงว่า

“แก..” แล้วก็พูดอะไรไม่ออกอีก

หลิงหยุนสปริงตัวลุกขึ้นจากพื้น เขายิ้มพร้อมกับก้าวเท้าเข้าไปข้างหน้า และพูดกับหลัวจ้งอย่างไม่เกรงกลัว

“แกคิดว่าแกเป็นใคร? คิดว่าเป็นหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงแล้วทุกคงต้องให้ความเคารพ และพูดกับแกอย่างสุภาพหรือยังไง? ฉันจะบอกอะไรให้.. ถ้าแกทำในสิ่งที่ถูกต้อง ฉันถึงจะสุภาพกับแก!”

 “ลุงหลงครับ.. ลุงพูดได้ถูกต้อง การจะจับกุมคนก็ต้องมีหลักฐาน ไม่ใช่จับตามอำเภอใจ ถ้าไม่มีหลักฐานแล้วมาจับ ขอให้แกตายไวๆไอ้สารเลว!”

จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปถามหลงหวู่ “ทนายหลงครับ.. การสาปแช่งคนไม่ผิดกฎหมายใช่ไม๊?”

หลงหวู่หัวเราะคิกคักจนหน้าอกกระเพื่อม “ไม่ผิดหรอก.. แต่เขาเป็นถึงหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงเชียวนะ..”

หลิงหยุนผายมือและพูดต่อ “งั้นก็ดี.. ในเมื่อผมด่าเขาได้ เขาก็ต้องด่าผมได้เหมือนกัน!”