บทที่ 375 : วาทะศิลป์!
“หลิงหยุน.. นี่เจ้า!”
ท่ามกลางผู้คนมากมาย และใครๆต่างก็รู้ว่าเขาคือหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคง หลัวจ้งคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะกล้าพูดกับเขาอย่างไร้มารยาทต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ เขาโกรธจนแทบกระอักออกมาเป็นเลือด!
ผู้คนทั่วไปที่พากันมามุงดูนั้นยังไม่เท่าไหร่ แต่ที่สำคัญคือ.. ตอนนี้มีทั้งสื่อหนังสือพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ และผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาอีกหลายนาย นั่นต่างหากที่สำคัญกับหลัวจ้ง!
สำหรับหลัวจ้งผู้ที่ชอบสร้างภาพการเป็นฮีโร่ให้กับตัวเองนั้น การกระทำของหลิงหยุนในครั้งนี้ เจ็บปวดยิ่งกว่าการทำร้ายร่างกายของเขาเสียอีก
แต่หลัวจ้งก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะหลงหวู่ก็พูดในสิ่งที่ถูกต้องว่า หลัวจ้งควรจะทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฏหมาย!
หลัวจ้งจึงได้แต่เก็บงำความโกรธแค้นไว้ในใจ และยิ่งรู้สึกเกลียดชังในตัวหลิงหยุนมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาเองก็ไม่อาจถอยหลังกลับไปได้เช่นกัน จึงได้แต่ต้องอดทน!
ตราบใดที่เขายังไม่สามารถจับกุมตัวหลิงหยุนกลับไปที่สำนางานรักษาความมั่นคงได้แล้วล่ะก็ เขาก็ทำได้แค่เพียงบากหน้าอยู่ต่อไป..
แล้วคนธรรมดาจะไม่กล้ากร่นด่าสาปแช่งหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงงั้นหรือ? แน่นอนว่าพวกเขาต้องกล้าอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่กล้ากร่นด่าต่อหน้าเหมือนที่หลิงหยุนทำอยู่ในตอนนี้เท่านั้นเอง
หลิงหยุนยืนเผชิญหน้าอยู่กับหลัวจ้ง และใช้มังกรคำรามพูดกับเขา ดังนั้นแม้น้ำเสียงของหลิงหยุนจะดูเหมือนอยู่ในระดับปกติ แต่ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์กลับได้ยินทุกคำพูดได้อย่างชัดเจนเต็มสองรู้หู!
ผู้คนต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา!
“วันนี้หลิงหยุนเป็นอะไรกันแน่? ครั้งแรกก็ไปทุบสำนักงานรื้อถอน ตามด้วยบ้านของมัจจุราชหวัง แล้วตอนนี้ยังเปิดศึกกับหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงอีก..”
“เขากล้าชี้หน้าหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงแล้วเรียกว่า ‘ไอ้สารเลว’ เชียวเหรอ หลิงหยุนนี่ช่างกล้ามากจริงๆ!”
“แต่ฉันว่าหลิงหยุนชักทำเกินไปแล้ว แรกๆก็ฟังดูมีเหตุผล แต่ตอนนี้เริ่มไร้เหตุผลแล้วล่ะ..”
“ไม่เกินไปหรอก.. หลิงหยุนไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล แต่หลัวจ้งต่างหากที่ยังไม่ทันจะได้สอบถามเรื่องราวอะไร ก็เอาแต่จะจับหลิงหยุนกลับไปท่าเดียว เป็นฉันฉันก็คงด่าสาปแช่งเหมือนกันนั่นล่ะ เขาไม่ฟังความจากอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ..”
“นั่นน่ะสิ.. ตอนที่เถียนป๋อเตาพาคนไปทุบบ้านของหลิงหยุน ทำไมหัวหน้าหลัวไม่เห็นส่งตำรวจไปจับพวกเขาบ้างเลย? ตอนนี้เกิดเรื่องกับพรรคพวกของตัวเอง ก็เป็นฟืนเป็นไฟแทน ไม่ยุติธรรมเลย!”
“ใช่ๆ หลิงหยุนไม่ใช่คนที่จะเที่ยวไปด่าว่าคนอื่นแบบนี้ ฉันว่าต้องมีเหตุผลอื่นซ่อนอยู่แน่ๆ”
“พวกเราคอยดูไปก่อนก็แล้วกัน ฉันว่าคนอย่างหลิงหยุนไม่ยอมให้ใครจับง่ายๆหรอก!”
……..
หลังจากที่ได้ฟังผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา หลิงหยุนก็เดินยิ้มเข้าไปยืนเผชิญหน้ากับหลัวจ้งในระยะเดียวกับหลิงคุน เขาเดินขึ้นไปยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับหัวหน้าแก๊งมังกรเขียว พร้อมกับหันไปทักทายด้วยความเคารพ
“ลุงหลง!”
หลงคุนหันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับพยักหน้าและยิ้มให้อย่างพอใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะสมกับการพูดคุยเรื่องส่วนตัว
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปทางหลัวจ้งพร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้า “หลัวจ้ง.. ไอ้คนชั่ว ฉันจะเล่าความจริงให้แกฟัง!”
“สำนักงานรื้อถอนนั่นเป็นเพียงแค่สำนักงานชั่วคราว โครงสร้างก็ไม่ค่อยแข็งแรง ฉันผ่านไปเห็นสำนักงานโอนเอนจะพังแหล่มิพังแหล่ ฉันก็รีบเข้าไปบอกพนักงานที่อยู่ในสำนักงานให้รีบหนีออกไป แกคิดว่าถ้าฉันไม่เข้าไปบอก ป่านนี้พนักงานพวกนั้นก็คงถูกสำนักงานถล่มทับตายไปแล้วก็ได้!”
ทุกคนได้ฟังก็ถึงกับอึ้งไปทันที!
นี่สิถึงจะเรียกว่ามวยถูกคู่! หลิงหยุนเป็นคนพังสำนักงานนั่นกับมือตัวเองแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับพูดราวกับว่าตัวเขาเป็นพระเอกที่เข้าไปช่วยผู้อื่นให้รอดชีวิตจากเหตุการณ์สำนักงานถล่ม!
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับชี้หน้าหลัวจ้งและตะโกนใส่หน้าว่า “ถ้าแกไม่เชื่อ.. ก็ลองถามพนักงานที่บริษัทรื้อถอนดูก็ได้ว่าฉันเข้าไปไล่พวกเขาออกจากสำนักงานจริงไม๊? แล้วพอพวกเขาวิ่งออกมา สำนักงานก็ถล่มลงมาทันทีจริงไม๊?”
ความจริงแล้ว. หลังจากที่จับกู่เหลียนซันโยนออกมานอกออกฟิศแล้ว หลิงหยุนก็ไม่ได้พูดอะไรกับพนักงานอีก
แต่ระหว่างที่หลิงหยุนอยู่ในสำนักงานคนเดียวนั้น คนที่อยู่ข้างนอกก็ไม่มีใครมองเห็นว่าเขาทำอะไรอยู่ด้านใน แต่เมื่อเขาเดินออกมา และใช้ฝ่ามือผลักเพียงเบาๆ สำนักงานก็ถล่มลงมาต่อหน้าต่อตา จากนั้นหลิงหยุนก็ใช้มังกรพรางร่างหนีออกมา ซึ่งยากที่สายตาคนธรรมดาจะสามารถจับความเร็วของเขาได้!
และต่อให้ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าหลิงหยุนเป็นคนทำให้สำนักงานถล่มลงมา แต่พวกเขาและแม้แต่พนักงานบริษัทเองต่างก็ไม่มีหลักฐาน
ตรงกันข้าม.. คำพูดของหลิงหยุนกลับตรงกับความจริงที่เกิดขึ้นมากกว่า เพราะทันทีที่พนักงานวิ่งออกมาหมด สำนักงานก็ถล่มลงมาทันที!
“ห๊ะ?! อะไรนะ..”
คำพูดของหลิงหยุนทำให้หลัวจ้งถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เพราะเขาเองก็ไม่มีหลักฐานว่าหลิงหยุนเป็นคนทำ
“ใช่.. หลิงหยุนพูดได้ถูกต้อง! พวกเราก็เห็นกับตาว่าหลิงหยุนช่วยให้พวกพนักงานไม่ต้องถูกสำนักงานถล่มทับตาย!”
“นั่นสิ.. ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงหยุน ป่านนี้พนักงานพวกนั้นคงจะอยู่ใต้ซากตึกไปแล้ว เป็นถึงบริษัทรับเหมาแท้ๆ แม้แต่สำนักงานตัวเองยังสร้างไม่แข็งแรง แล้วต่อไปจะไปไว้วางใจให้ไปสร้างตึกรามบ้านช่องให้คนอื่นได้ยังไงกัน?”
“นี่แค่เจอลมพัดแรงๆเท่านั้นนะ.. ยังเกิดเรื่องน่าเศร้าแบบนี้ได้..”
หลิงหยุนได้ยินเสียงผู้คนที่เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ไปในทิศทางที่เข้าข้างเขาอีกครั้ง!
ประชาชนที่ตามหลิงหยุนมานั้น ล้วนเป็นผู้คนที่อาศัยอยู่ในย่านนี้มานาน มีใครบ้างที่ไม่เคยไปรักษากับนางฉินจิวยื่อ? และมีใครบ้างที่ไม่รู้จักนางฉินจิวยื่อ?
นางฉินจิวยื่อเปิดคลินิกในชุมชนแออัดบนถนนหลินเจียงแห่งนี้มานานหลายปี และความดีที่เธอได้สั่งสมมาตลอดหลายปี ก็ได้ออกดอกออกผลให้หลิงหยุนได้เก็บเกี่ยวพอดี!
อีกทั้งที่ผ่านมา ผู้คนในย่านนี้ก็ถูกมัจจุราชเถียนกดขี่ห่มเหงมาเป็นเวลานาน การรื้อถอนก็เต็มไปด้วยการเอารัดเอาเปรียบ หากพวกเขาไม่เข้าข้างหลิงหยุน แล้วจะให้พวกเขาไปเข้าข้างใครกัน? และตอนนี้หลิงหยุนก็ตัวคนเดียวไม่มีอาวุธอะไร คนมือเปล่าจะสามารถทุบบ้านทั้งหลังได้ยังไง?
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับหันไปมองเหลียงเฟงอี้และหลงหวู่ แล้วขยิบตาให้หญิงสาวทั้งสองคน หลงหวู่ถึงกับยกนิ้วให้หลิงหยุนอย่างไม่ลังเล
หลิงหยุนหันกลับไปกล่าวขอบคุณประชาชนที่อยู่ข้างเขา จากนั้นก็หันไปมองหลัวจ้งที่ยังคงมีสีหน้างุนงงและไม่เข้าใจ..
“หลัวจ้ง.. แกมาถึงก็ไต่ถามอะไร แต่กลับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรงเข้ามาจับกุมฉัน แกมันก็แค่คนชั่วคนหนึ่งที่จ้องแต่จะรังแกคนอื่น?!”
หลัวจ้งถึงกับมึนงง.. เพราะทุกอย่างกลับตาลปัตรในเวลาอันรวดเร็ว และไม่มีใครสักคนที่มีหลักฐานเอาผิดหลิงหยุนได้ และยิ่งนานก็ยิ่งดูเหมือนหลิงหยุนเป็นฝ่ายถูกต้อง และได้รับแรงสนับสนุนจากผู้คนมากขึ้นด้วย!
หลังจากที่ถูกหลิงหยุนฉีกหน้าต่อหน้าสาธารณชน หลัวจ้งก็ไม่สนใจอะไรอีก เขาจ้องหน้าหลิงหยุนพร้อมกับพูดอย่างขุ่นเคือง
“เอาล่ะ.. ในเมื่อแกบอกว่าสำนักงานนั่นถล่มลงมาเอง แล้วแกจับตัวกู่เหลียนซันมาด้วยทำไม? หรือแกยังจะปฏิเสธอีก?!”
พูดจบหลัวจ้งก็ยกมือขึ้นชี้ไปทางกู่เหลียนซันที่นอนกองอยู่กับพื้น แล้วแสยะยิ้มให้หลิงหยุนราวกับว่าตนเองสามารถจับหลิงหยุนได้คาหนังคาเขา
นักข่าวต่างก็พากันมองไปทางกู่เหลียนซัน พร้อมกับถ่ายภาพไว้..
หลิงหยุนส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วพูดกับหลัวจ้งอย่างอารมณ์ดีว่า “ใหน.. ใครบอกแกว่าฉันจับตัวกู่เหลียนซันมา?”
หลัวจ้งตอบกลับทันที “ความจริงก็คือความจริง ทุกคนก็เห็นกับตา แกยังจะแก้ตัวอีกหรือยังไง?!”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับชี้หน้าหลัวจ้งและพูดว่า
“แกนี่มันชั่วช้าจริงๆ! นี่แกยังไม่เชื่อคำพูดของฉันอีกหรือยังไง? กู่เหลียนซันสมัครใจมาที่นี่เอง จู่ๆเขาก็เกิดไม่สบายขึ้นมากะทันหัน ขยับเขยื้อนตัวไม่ได้แล้วก็เจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกายจนเหงื่อไหลท่วมตัวไปหมด ถึงแม้เขาจะเป็นคนรื้อบ้านของฉันทิ้งกับมือ แต่ฉันในฐานะที่เป็นหมอและมีจรรยาบรรณแพทย์อยู่เต็มเปี่ยม ก็เลือกที่จะโยนความโกรธแค้นทิ้งไป และช่วยรักษาให้กับเขา ระหว่างนั้นก็ฝากให้เพื่อนของฉันช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด ตอนนี้อาการของเขาดีขึ้นแล้ว สามารถเคลื่อนไหวได้เป็นปกติแล้ว! นี่แกคงคิดว่าฉันจับเขามาเป็นตัวประกันสินะ?!”
“อะไรนะ?! นี่แก..”
หลัวจ้งถึงกับมึนจนไปไม่ต่อไม่ถูก แม้กระทั่งตำรวจที่เขาพามาด้วยก็มึนไปตามๆกัน นักข่าวที่ตามมาทำข่าวเองก็ถึงกับงุนงงเช่นเดียวกัน!
นั่นเพราะสิ่งที่อยู่ต่อหน้าทุกคนนั้น ดูเหมือนจะตรงข้ามกับคำพูดของหลิงหยุนทั้งหมด
ครั้งแรก.. หลิงหยุนก็อ้างว่าเป็นเพราะสำนักงานรื้อถอนสร้างไม่แข็งแรงและกำลังจะถล่ม จึงเข้าไปไล่พนักงานออกมา
ครั้งนี้.. กลับบอกว่ากู่เหลี่ยนซันป่วยกะทันหันจนขยับตัวไม่ได้ และเขาซึ่งเป็นแพทย์ทีมีจรรยาบรรณ ก็ได้เข้าไป ‘ช่วยชีวิต’ ของศัตรูไว้..
เช่นนี้แล้วหลิงหยุนจะเป็นอาชญากรได้อย่างไร? เขาเป็นคนดีที่เข้าไปช่วยเหลือผู้อื่นต่างหาก!
แม้แต่ตู้กู่โม่เองก็ถึงกับตกตะลึงจนแทบล้มตึงลงไปกับพื้น เขากลายเป็นผู้ที่คอยดูแลกู่เหลียนซัน ทั้งที่เขาเพียงแค่นั่งมองกู่เหลียนซันดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดจนตัวสั่นอยู่นานถึงสี่สิบนาที แต่ตอนนี้หลิงหยุนกลับบอกว่าตัวเองเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตกู่เหลียนซันไว้!?
ตู้กู่โม่ทึ่งในความสามารถของหลิงหยุนอย่างที่สุด.. หลิงหยุนมีทักษะในการกลับดำเป็นขาวได้อย่างมีชั้นเชิง และมีสีหน้าที่นิ่งเรียบ!
แต่ถึงแม้จะกำลังตกตะลึง ตู้กู่โม่ก็ไม่ลืมสิ่งที่เขาควรจะต้องทำ เขาใช้กระแสจิตบอกกับกู่เหลียนซันว่า
‘ถ้าหลัวจ้งถาม.. เจ้าคงรู้นะว่าต้องตอบยังไง? คงไม่ต้องให้ข้าสอนหรอกนะ!’
ก่อนหน้านี้กู่เหลียนซันก็ได้สารภาพกับหลิงหยุนไปหมดแล้ว และเหลียงเฟิงอี้ก็ได้บันทึกคำสาภาพของเขาไว้แล้วด้วย ตอนนี้สภาพของเขาก็ไม่ต่างจากหมูกลัวน้ำร้อนตัวหนึ่ง..
เขาไม่ต้องการปกป้องเสียเจิ้นติงกับหลัวจ้ง จนทำให้ตัวเองต้องได้รับทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดแบบเมื่อครู่อีกแล้ว ต่อให้ตู้กู่โม่ไม่สั่ง เขาก็รู้ว่าควรทำอย่างไร?
หลิงหยุนพูดกับหลัวจ้งที่ตอนนี้หน้าซีดจนขาว “ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองถามกู่เหลียนซันดูเองก็ได้ ตอนแรกเขาป่วยถึงขั้นพูดไม่ได้ แต่ตอนนี้ฉันรักษาจนเขาพูดได้แล้ว..”
หลัวจ้งลังเล.. และเริ่มรู้สึกว่าการที่เขามาที่นี่ด้วยตัวเองนั้น เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งใหญ่เลยทีเดียว
เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังถูกคลื่นซัดลูกแล้วลูกเล่า จนถึงตอนนี้ก็ยิ่งไกลออกจากฝั่งไปทุกที.. ทุกที..!
หลิงหยุนมองดวงตาที่หรี่ลงของหลัวจ้งด้วยรอยยิ้มที่เยือกเย็น และสั่งให้ตู้กู่โม่ให้พาตัวกู่เหลียนซันเข้ามา จากนั้นจึงก้มลงถามกู่เหลียนซันที่นั่งอยู่บนพื้น
“ช่วยบอกคนชั่วช้าหลัวจ้งหน่อยสิว่า ผมเป็นคนช่วยชีวิตคุณไว้รึเปล่า?”
กู่เหลียนซันพยักหน้าอย่างว่าง่าย พร้อมกับตอบไปว่า
“หัวหน้าหลัว.. สิ่งที่หลิงหยุนพูดเป็นความจริง จู่ๆผมก็ป่วยกะทันหัน แล้วเขาก็เข้ามาช่วยผมไว้จริงๆ ไม่ได้จับตัวผมไว้อย่างที่คุณกล่าวหา..”
น้ำเสียงของกู่เหลียนซันนั้นดูจริงใจและจริงจังอย่างมาก ขณะที่พูดถึงหลิงหยุนใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งในบุญคุณ จนหลัวจ้งแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง!
แต่สิ่งที่กู่เหลียนซันพูดนั้นก็ดูเหมือนจะไม่เกินจริงนัก เพราะหากหลิงหยุนไม่คลายจุดให้กับเขา ป่านนนี้กู่เหลียนซันจะอยู่หรือตายก็ไม่อาจรู้ได้!
“หลัวจ้ง.. แกเป็นผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงได้ยังไงกัน? เที่ยวไล่จับคนทั้งที่ไม่มีหลักฐาน อีกทั้งยังไม่คิดที่จะสอบสวนหาความจริง!”
“แล้วแบบนี้จะไม่ให้ฉันเรียกแกว่า.. ไอ้คนชั่วช้าได้ยังไง?!”
หลิงหยุนไม่เพียงมีฝีปากที่เก่งกาจ แต่ยังมีวาทศิลป์ในการพูดชักจูงโน้มน้าวได้อย่างไม่น่าเชื่อ จนแม้แต่หลัวจ้งเองก็ถึงกับจนมุม!